เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
it doesn't matter at alldaisiesx
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน johnjae | toothbrush pt.2

  • toothbrush

     

    x

     

    johnny | jaehyun

     

     


              น่าเบื่อไปหมด

     

              แจฮยอนนั่งอยู่ท่ามกลางเพื่อนร่วมงานหลายสิบคนที่เอาแต่แย่งกันเปล่งเสียงน่ารำคาญใจ – ยังไม่นับสายตาจากพวกสาวๆแผนกบัญชีที่นั่งจ้องเขามาเป็นชั่วโมงกับบทสนทนาที่วกไปวนมาของใครสักคนที่ย้ายตัวมานั่งข้างๆตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน, งานเลี้ยงปิดจ๊อบเล็กๆของโปรเจคที่ตัวเองและแผนกเป็นคนรับผิดชอบ – แต่กลับลามกลายเป็นใหญ่โตจากการบอกต่อของคนนู้นคนนี้, มันน่าเบื่อมากซะจนแทบจะอดทนฝืนยิ้มต่อไปอีกไม่ไหวแจฮยอนมีมารยาทพอที่จะไม่พูดตัดบทคนที่มาชวนคุยหรือขอชนแก้ว แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเขาจะรู้สึกมีความสุขหรือสนุกกับบทสนทนาพวกนี้ไม่ใช่เหรอ มือเรียวยกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในมือขึ้นดื่มจนหมดตามเสียงเชียร์แสบหู มอบรอยยิ้มการค้าที่ทุกคนชื่นชอบออกไปหนึ่งครั้งก่อนจะขอตัวออกมาเข้าห้องน้ำเพื่อหนีจากบรรยากาศแบบนั้น

     

              ผลักประตูบานใหญ่ออกไปสูดอากาศด้านนอก แน่นอนว่าไม่ได้รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำจริงๆ แค่ใช้มันเป็นข้ออ้างออกมาอยู่เงียบๆให้หูได้พักบ้าง แจฮยอนนั่งลงบนเก้าอี้หินเย็นๆแข็งๆในโซนสูบบุหรี่ที่ไม่กว้างนัก ท้องฟ้าที่ยังไม่มืดสนิทดีของเวลาย่ำหนึ่งทุ่มบ่งบอกว่างานเลี้ยงที่เริ่มตั้งแต่หัววันมีแนวโน้มลากยาวจนถึงดึก โชคดีที่ตอนมาถึง ที่นี่ไม่มีใครใช้งานอยู่ มันคงจะดูแปลกนิดหน่อยถ้าคนอื่นมาเห็นเขานั่งเงยหน้ารับลมเฉยๆอยู่แถวนี้ เพราะเจ้าตัวไม่ได้นิยมที่จะเอาของแบบนั้นเข้าสู่ร่างกายเท่าไหร่ แต่แจฮยอนก็ไม่ได้ใส่ใจมันอยู่ดี

     

              เสียงดนตรีดังจากการสังสรรค์ด้านในดังลอดออกมาตอนที่บานประตูถูกผลักออกอีกครั้ง พร้อมกับร่างสูงของอีกคนที่โค้งทักทายเมื่อเห็นว่าทั้งสองมาจากต้นทางเดียวกัน แจฮยอนไม่แน่ใจว่าคนที่ยืนอยู่ถัดไปมาจากแผนกไหน บริษัทที่เขาทำงานใหญ่เกินไปที่จะจำหน้ากันได้หมด แต่นั่นยิ่งน่าแปลกใจเข้าไปใหญ่เพราะคนที่ไม่มีส่วนร่วมกับโปรเจคไม่น่าโผล่มายืนอยู่ตรงนี้ได้ เหมือนว่าใครอีกคนจะสัมผัสได้ถึงสายตาสงสัยที่เขาส่งไป จึงเอ่ยออกมาเรียบๆ

     

                       ‘หัวหน้าผมกับคุณสนิทกันแล้วเขาก็ลากผมมาด้วย’ ท่าทางดูเป็นมิตรขัดกับหน้าตาและควันขาว – พรั่งพรูออกมาจากริมฝีปากที่กำลังเอ่ยบทสนทนา, แบบนั้นดูแปลกดีสำหรับแจฮยอน

     

                       ‘แต่ผมก็ไม่ได้คิดเอาไว้ว่ามันจะน่าเบื่อขนาดนี้น่ะ’ เหมือนพูดประโยคที่อยู่ในใจออกมาแทน อยากจะลุกขึ้นยืนแปะมือกับอีกคนถ้าไม่ติดว่ายังไม่รู้จักชื่อกันด้วยซ้ำ เพราะงั้นเลยเลือกที่จะขำกับคำพูดนั้นเบาๆ อย่างน้อยก็ไม่ได้มีแค่เขาที่รู้สึกเบื่อกับงานสังสรรค์ทางสังคมแบบนี้ แจฮยอนวางแผนให้คืนวันพุธต้นเดือนเป็นไปอย่างสงบหรือไม่งั้นก็ต้องมีสีสันกว่าปัจจุบันสักสิบเท่า

     

                       ‘ผมจอห์นนี่ ดูท่าว่าเราจะอยู่ในอารมณ์เดียวกันนะ’ ยื่นมือที่ว่างมาตรงหน้าขณะที่อีกข้างออกแรงกดบุหรี่ในมือให้ดับลงในถาดที่เตรียมไว้ มือเรียวทำหน้าที่ของมันอย่างถูกต้องด้วยการยื่นกลับไปสัมผัสตอบเช่นกัน

     

                       ‘จอง แจฮยอน ครับ’

     

                       ‘โอเค แจฮยอนนี่ผมรู้ว่ามันจะฟังดูบ้า แต่ผมมีอะไรอยากถามคุณนิดหน่อย’ การเรียกชื่อสนิทสนมแบบนั้นตั้งแต่แรกทำเอาชะงักเล็กน้อย ท่าทางคนตรงหน้าจะไม่ค่อยสนใจมารยาททางสังคมเท่าไหร่จริงๆ เขายักคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม

     

     

                       ‘สนใจหนีด้วยกันไหม?’

     

     

                       ‘ผมจะเป็นไกด์ให้คืนสนุกๆของคุณเอง’

     

     

     

     

              ด้วยสีหน้าน้ำเสียง หรืออะไรสักอย่างของจอห์นนี่ทำให้สัญชาตญาณความบ้าบิ่น – ที่ไม่ได้ทำงานมานานพอตัว, ถูกจุดขึ้น แจฮยอนทำตัวเหมือนเด็กวัยรุ่นในหนังที่เขาเพิ่งดูจบไปเมื่อคืนก่อน ด้วยการแอบเข้าไปคว้าเอาเสื้อสูทตัวนอกของตัวเองพร้อมกระเป๋าตอนที่ทุกคนไม่ทันสนใจ วิ่งกึ่งเดินออกมาหาใครอีกคนที่ยืนล้วงกระเป๋าเตะฝุ่นรออยู่แล้วที่หน้าร้าน ก้าวขาขึ้นรถคันหรูที่ขับพามนุษย์เงินเดือนทั้งสองคนเข้าสู่ใจกลางย่านกลางคืนด้วยป้ายแปะหน้าผากตัวใหญ่ว่าเป็นคนหนี – นั่นยิ่งทำให้รู้สึกสนุกขึ้นอีกเท่าตัว,

     

              ถนนคนเดินตอนหัวค่ำที่มีผู้คนเดินผ่านไปมาเป็นจุดหมายแรกที่จอห์นนี่เลือกพาเขาไปด้วยเหตุผลง่ายๆแบบเอาแต่ใจตัวเองที่ว่า

     

                       ‘ผมหิวน่ะ ในงานยังไม่ได้กินอะไรสักคำ’

     

              แจฮยอนไม่นึกขัดใจกับการตัดสินใจของอีกฝ่ายอยู่แล้ว อากาศเย็นๆแบบนี้ออมุกกับน้ำซุปร้อนๆ หรือต๊อกหนึบๆก็คงไม่เลว พวกเขาจอดรถห่างออกไปเล็กน้อย กระเป๋าเอกสารกับเสื้อสูทตัวหนาถูกฝากไว้ในรถของอีกคน เสื้อเชิ้ตตัวในถูกจัดการอย่างลวกๆให้สะดวกสบายกับเจ้าของมันมากที่สุด ด้วยการพับแขนขึ้นจนเกือบถึงข้อศอก เนคไทด์ลายจืดชืดถูกถอดออกพร้อมกับกระดุมเม็ดบนที่น่าอึดอัด แจฮยอนเลือกจะปล่อยให้ชายเสื้อของตัวเองถูกกางเกงทรงสวยทับไว้เหมือนเดิมต่างกับจอหห์นนี่ที่ดึงชายยับๆนั่นออกมาด้านนอก ถึงอย่างนั้นมันก็ยังดูดีบนตัวใหญ่ๆนั่น

     

              หลังจากได้ของที่ต้องการ จอห์นนี่ – ที่เคี้ยวคิมบับอยู่เต็มสองแก้มกับเขาที่กำลังมีความสุขกับซุปอุ่นๆในมือ ก็เริ่มพูดคุยถึงปลายทางต่อไป คลับชื่อดังที่แนะนำโดยคนตัวสูงถูกทำเครื่องหมายเป็นปลายทางถัดไปของทั้งคู่

     

               แต่เหมือนว่าโชคจะเข้าข้างแจฮยอน – ที่ไม่ชอบความอึดอัดน่ารำคาญในคลับเท่าไหร่, ตอนที่พวกเขาบังเอิญเดินมาเจอกลุ่มคนจำนวนมากพอสมควร ยืนออกันอยู่พร้อมกับเสียงดนตรีEDMดังสนั่นจากพื้นที่กิจกรรมกลางแจ้งถัดจากถนนคนเดินมาแค่เล็กน้อย

     

              ความสนใจของทั้งคู่ถูกดึงไปอยู่ที่ดีเจมือดีบนเวที จอห์นนี่หันมาสบตาเขาด้วยสายตาแบบเดียวกัน

     

     

                       แน่นอนว่าคืนนี้เป็นคืนของความผิดแผนนี่เนอะ

     

     

              แจฮยอนขำจนเกร็งไปหมดตอนที่จอห์นนี่สะบัดหัวเข้ากับจังหวะเบสหนักๆ หลังจากทั้งคู่ได้รอยประทับที่หลังมือและสายรัดข้อมือเรืองแสงที่เป็นสัญลักษณ์ของงานเรียบร้อย มือเรียวถือขวดเครื่องดื่มเย็นเฉียบที่แถมฟรีมาพร้อมบัตรเข้างาน เสียงดนตรีทำให้จังหวะหัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

     

              จอห์นนี่ยื่นมือมาชนขวดกับของเขาเบาๆ เสียงของแก้วกระทบกัน – ก่อนจะถูกเจ้าของทั้งคู่ยกขึ้นดื่มอึกใหญ่เหมือนเป็นสัญญาณปลดปล่อยสัญชาติญาณของแจฮยอน – และน่าจะของคนข้างๆด้วยเช่นกัน, พวกเขาทั้งโห่ร้อง กระโดดจนสุดแรง ขยับตัวไปตามจังหวะได้ดั่งใจที่ช่วยสูบฉีดเลือดเป็นอย่างดี เขาได้เรียนรู้ความชอบแรกของจอห์นนี่โดยไม่ต้องเอ่ยถามด้วยซ้ำ และมันเยี่ยมมากที่ดันบังเอิญเป็นเรื่องเดียวกัน รสนิยมเพลงของทั้งคู่มีหลายส่วนที่สอดคล้องจนน่าตื่นเต้น 


              เจ้าตัวก้มลงพูดข้างหู – เนื่องจากเสียงดนตรีที่ดังจนเกินไป, ตอนที่พวกเขาย้ายตัวเองออกมาจากกลุ่มคนเพื่อพักหายใจ แถวๆพุ่มไม้ทรงสูงที่เป็นเหมือนกำแพงด้านหลัง พร้อมกับเครื่องดื่มอีกคนละขวดที่ต้องเสียเงินมากกว่าปกติเกือบสองเท่า

     

                       ‘ผมก็ทำแบบนั้นได้นะ’ ชี้ไปที่แท่นดีเจบนเวทีก่อนจะยกปลายขวดขึ้นจรดดื่ม แจฮยอนเลิกคิ้วเชิงว่าไม่อยากจะเชื่อ

     

                       ‘คืนวันเสาร์เดือนละประมาณสองครั้ง บางทีก็มากกว่านั้น สลับกับคนอื่นไปเรื่อยๆ ถึงจะยังไม่เก่งมากแต่กำลังฝึกฝีมืออยู่’ พูดพร้อมรอยยิ้มกว้าง ท่าทางตอนที่พูดถึงเรื่องที่ชอบของจอห์นนี่ดูน่ารักซะจนแจฮยอนต้องยิ้มตาม

     

                       ‘ถ้าพร้อมโชว์เมื่อไหร่ก็บอกนะ ไว้ผมจะไป’ ประโยคง่ายๆนั่นยิ่งทำให้คนที่เพิ่งอวดสรรพคุณตัวเองยิ้มกว้างเข้าไปอีกจนตาหยี แจฮยอนขำอีกคนที่ทำตัวร่าเริงเหมือนเป็นเด็กๆก่อนจะรู้สึกถึงสายตาที่หันมองจ้องอยู่ที่หน้าของเขา 

     

                       ‘แก้มคุณแดงไปหมดแล้ว เพราะเหนื่อยหรือเมาแล้วกันแน่’

     

                       ‘ท่าทางผมดูเมาได้ด้วยไอนี่เหรอ?’ เขย่าขวดในมือไปมา ตามมาด้วยเสียงขำพรืดของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ

     

                       ‘ท่าทางคุณดูเหมือนพวกที่จะเมาเพราะเบียร์แก้วเดียวอะไรประมาณนั้นแหละ’ เอ่ยแซวก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องโอดโอยเพราะโดนฝ่ามือฟาดเข้าให้ แจฮยอนไม่ได้นับว่าตัวเองขำกับอะไรไร้สาระมากี่ครั้ง แต่ที่แน่ๆเขารู้สึกว่าตัวเองเลือกถูกแล้วที่มาอยู่ที่นี่กับจอห์นนี่

     

     

     

     

              เวลาผ่านไปค่อนข้างไวหลังจากพวกเขากลับเข้าไปสู้ต่อในกลุ่มคนที่ยิ่งหนาแน่นขึ้นกว่าเดิมตามเวลา แรงผลักทำให้จอห์นนี่ถูกดันออกไปห่างพอตัว เขาเลยเลือกที่จะสนุกไปกับบรรยากาศด้วยตัวเอง แจฮยอนมั่นใจว่าถูกผู้หญิงหน้าตาสะสวยไม่ต่ำกว่าสามคนเข้ามาขอชนเครื่องดื่มในมือ หรือขยับตัวเสียดสีส่วนสำคัญของพวกเธอกับแขนของเขา แน่นอนว่าไม่มีทางปล่อยให้เสียโอกาสไปเปล่าๆ กลิ่นน้ำหอมของเธอคนล่าสุดยังคงติดอยู่ที่ปลายจมูก – ที่เผลอปัดผ่านซอกคอขาวโดยไม่ได้ตั้งใจ, ใครอีกคนก็อยู่ในสถานการณ์ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ถ้ามองไม่ผิดเหมือนว่าจะได้รับการป้อนเครื่องดื่ม ‘แบบพิเศษ’ ที่ร้อนแรงพอตัวซะด้วยซ้ำ ร่างสูงโปร่งรู้สึกเปียกชื้นตามไรผมไปจนถึงด้านในของรองเท้า ทำเอารู้สึกเหนอะหนะไปหมด แต่นั่นก็เป็นประโยชน์ตรงที่เขารู้สึกเหมือนแอลกอฮอล์ที่ผ่านเข้าไปในร่างกายระเหยออกมากับเหงื่อหมดแล้ว ถึงจะรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยเพราะคนที่แน่นขนัดแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นที่จะเรียกว่าเมา คิดว่าแบบนั้นนะ

     

              ข้อมือเรียวถูกคว้าโดยใครสักคน แจฮยอนหันกลับไปพบกับใบหน้าคุ้นเคยของไกด์นำเที่ยวของเขาคืนนี้ มืออีกข้างที่ว่างชี้นิ้วโป้งออกไปด้านนอก เอ่ยปากถามว่าพร้อมไปจากที่นี่รึยัง เขาพยักหน้ารับเพราะเป็นอีกครั้งที่อีกฝ่ายพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา คนตัวสูงกว่าออกแรงดึงที่ข้อมือเล็กน้อย แจฮยอนแทรกตัวผ่านผู้คนตามอีกฝ่ายมาจนถึงทางออก ยกนาฬิกาข้อมือดูบอกเวลาห้าทุ่มครึ่ง ถนนคนเดินคงปิดไปตั้งแต่ชั่วโมงก่อน พวกเขาเดินเล่นไปเรื่อยๆบนถนนที่มีผู้คนบางตา ไฟสีเหลืองเข้มที่ริมทางไม่ได้ทำให้การมองเห็นชัดขึ้นเท่าไหร่นัก

     

              จอห์นนี่ขำออกมาเสียงดังตอนที่แจฮยอนสะดุดขาตัวเองจนเกือบตกขอบทางเดิน ถึงอย่างนั้นก็ยื่นมือมาคว้าแขนเอาไว้ได้ทันเวลา คนตัวขาวเอ่ยเถียงเสียงแข็งตอนถูกล้อว่าเมาเข้าซะแล้ว ขายาวทิ้งตัวลงบนม้านั่งปูนตรงสวนสาธารณะ – ห่างจากถนนใหญ่พอสมควรที่เพิ่งเดินเรื่อยเปื่อยมาถึงอย่างไม่ได้ตั้งใจ จอห์นนี่อาสาไปหามื้อดึกและเครื่องดื่มในร้านสะดวกซื้อใกล้ๆมาให้ ตอนที่เขาบ่นว่ารู้สึกหิว คู่รักสองสามคู่กับชาวต่างชาติกลุ่มเล็กๆยังคงจับกลุ่มยืนพูดคุยกันอยู่แถวนี้ คงเพราะนักดนตรีแจ๊สเปิดหมวกยังคงปักหลักเล่นอยู่ที่ลานตรงกลางนั่น เสียงไวโอลิน ดับเบิลเบส และกีต้าร์ผสมผสานกันออกมาอย่างลงตัวกับบรรยากาศผ่อนคลาย แจฮยอนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ตอนนี้เป็นสีดำสนิท หลับตารับลมเย็นๆที่พัดผ่านมาก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่ออุณหภูมิเย็นเฉียบถูกแตะลงที่แก้ม

     

                       ‘ทำไมของผมเป็นน้ำเปล่าล่ะ?’ มองหน้าคนที่เปิดกระป๋องเบียร์ยกขึ้นดื่มสลับกับน้ำเย็นในมือ

     

                       ‘ผมว่าคุณน่าจะดื่มน้ำเปล่าบ้าง’

     

                       ‘ตัดสินใจแทนผมได้ตั้งแต่เมื่อไหร่’ พูดขำๆแต่ก็ยอมยกน้ำขึ้นมาเปิดดื่มอยู่ดี

     

              ระหว่างจัดการขนมเล็กๆน้อยๆพอให้ไม่รู้สึกหิวเกินไป ประเด็นต่างๆถูกยกขึ้นมาพูดคุยกันอย่างออกรส ทั้งความน่าเบื่อของงานประจำ ความชอบส่วนตัว คนรักเก่า ยาวไปจนถึงความฝันวัยเด็ก แจฮยอนไม่แน่ใจว่าปัจจัยอะไรทำให้เขารู้สึกดีที่จะแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดของตัวเองให้กับคนข้างๆอย่างไม่ต้องปิดบัง รู้สึกเหมือนได้รู้จักจอห์นนี่ ซอ มากพอๆกับที่จอห์นนี่ได้รู้จักตัวจริงของเขา จอง แจฮยอนที่ไม่ได้มีแค่รอยยิ้มมีเสน่กับหน้าตาหล่อเหลาอย่างที่ทุกคนรู้จัก

     

                       ‘ผมอยากดื่มอีกอะ’

     

                       ‘ถ้าคุณเมาหลับอยู่ที่นี่ผมไม่พากลับหรอกนะ’ ถึงอย่างนั้นก็ยื่นของในมือมาให้อย่างง่ายดาย

     

                       ‘ใจร้ายจังนะคุณ’ พูดยิ้มๆแล้วยกของเหลวเย็นๆที่เพิ่งรับมาจากอีกคนขึ้นดื่ม

     

              ผ่านไปนานพอสมควรตอนที่รู้ตัวว่าเบียร์เกือบสิบกระป๋องในถุงข้างๆคนตัวสูงหมดลง – โดยที่มีเขาเป็นคนจัดการมันไปหนึ่งในสามของทั้งหมด, ถึงจอห์นนี่จะบ่น แต่ก็ยอมตามใจหยิบส่งให้อยู่ดี คงเป็นเพราะอีกฝ่ายคิดว่าเขารู้ลิมิตของตัวเอง ซึ่งนั่นมันผิด

     

              แจฮยอนตั้งใจที่จะปล่อยตัวเองให้ดื่มตามที่ใจต้องการ เพราะเขากำลังสนุกมากๆอย่างที่ไม่ได้รู้สึกมานาน และมั่นใจว่าจอห์นนี่จะไม่ทิ้งให้มีใครนอนเมาอยู่ที่นี่อย่างที่พูดแน่นอน

     

              ใครอีกคนดื่มเก่งกว่าเขานิดหน่อย – ดูจากภายนอกก็พอจะเดาออก, นี่เป็นเรื่องที่แจฮยอนรับรู้ได้อีกเรื่องตอนที่ลุกขึ้นยืนแล้วรู้สึกเหมือนโลกเอียงไปทางซ้ายเอาซะดื้อๆ แต่ก็แค่แวบเดียวเท่านั้น นี่จองแจฮยอนคนจริงซะอย่าง เขากลับมาทรงตัวได้ดีอีกครั้งด้วยตัวเอง – บวกกับความช่วยเหลือของจอห์นนี่นิดหน่อยพวกเขาหัวเราะกับทุกการกระทำ ยกมือขึ้นเสยผมลวกๆตอนกำลังพยายามก้าวขาเดินให้เป็นปกติ มือหนาของอีกคนเอื้อมมาจับข้อมือไว้เบาๆ ค่อยๆเดินอย่างไม่เร่งรีบพร้อมเสียงเอ่ยแซว ตะโกนเถียง และเสียงหัวเราะร่าของทั้งคู่ จนกลับมาถึงถนนใหญ่ 

     

              จอห์นนี่จัดการพาทั้งคู่เข้ามาในรถแท็กซี่ด้วยกัน คนตัวสูงหันไปบอกที่อยู่ตัวเองแบบไม่ถามเขาสักคำด้วยความเคยชิน แจฮยอนค้นพบว่าตัวเองหยุดขำไม่ได้ ยกมือขึ้นจิ้มไปที่แก้มขึ้นสีอ่อนๆของอีกคนที่กำลังพยายามหุบยิ้มอยู่เหมือนกันอย่างไม่มีเหตุผล แล้วทั้งคู่ก็หลุดขำทั้งที่ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนคนโง่

     

                       ‘คุณหน้าเหมือนหมี’ พูดขึ้นหลังจากหยุดหัวเราะ ถอนหายใจด้วยความสบายใจพร้อมๆกับทิ้งศีรษะหนักๆของตัวเองลงบนบ่ากว้าง

     

                        ‘ผมรู้’

     

     

     

     

              ส่งเสียงร้องว้าวออกมาเบาๆตอนที่เจ้าของห้อง – ที่ใช้ความพยายามในการไขกุญแจนานพอสมควร, ผลักประตูเข้าไปด้านใน แจฮยอนเดินตามจอห์นนี่ ทิ้งตัวลงบนโซฟาขนาดย่อมๆหน้าทีวีด้วยกัน คนข้างๆก้มหน้ากดสมาร์ทโฟนตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เสียงเพลงจากลำโพงดีไซน์เหมือนตู้เพลงโบราณจะดังขึ้น เขาเพิ่งสังเกตเห็นและมันดูน่าตื่นตาตื่นใจมากซะจนอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นไปยืนเกาะดูใกล้ๆ

     

              ‘เสียงมันจะไม่ดังไปข้างนอกหรอกใช่มั้ย’ เอ่ยถามใครอีกคน ถึงห้องของที่นี่จะกว้างพอตัวแต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่ามันกว้างพอจะทำให้ห้องข้างๆไม่ได้ยินเพลงพวกนี้

     

              ‘ชั้นนี้มีแค่ผมน่ะ ห้องข้างๆไม่มีคนอยู่’พูดตอนที่โยนเบียร์เย็นๆจากตู้เย็นส่งมาให้เขา

     

              ‘ยังไม่เอียนอีกเหรอ’ เอ่ยถามอีกฝ่ายที่เปิดกระป๋องยกขึ้นกระดกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของคืนนี้ จอห์นนี่ไหวไหล่ เดินไปเปิดตู้ด้านบนเผยให้เห็นเครื่องดื่มดีกรีแรงสามสี่ขวดถูกวางอยู่

     

              ‘หรือคุณอยากได้พวกนี้ล่ะ’ พูดกึ่งล้อเล่นขำๆแต่ก็คว้าวอดก้าที่เหลือแค่ครึ่งออกมาวางไว้ให้ด้านข้างโซฟาที่เขานั่งอยู่

     

              ‘ถ้าคุณโอเคจะค้างที่นี่ ดื่มแค่ไหนก็ได้ตามสบาย’

     

     

     


              มันไม่มีเหตุผลเอาซะเลยที่พวกเขายังคงมีเรื่องให้ยกขึ้นมาพูดคุยกันโดยไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ ดนตรีเพราะๆยังถูกเปิดดังอยู่ นึกคึกขึ้นมาคนตัวสูงกว่าก็ลุกขึ้นยืนขยับตัวยึกยักตามจังหวะ บ้างก็ทำท่าทางตลกๆให้ขำจนปวดท้อง พวกเขานั่งคุยเล่นกันอยู่แบบนั้นจนลืมเวลา เหมือนว่าตอนนี้ทุกอย่างรอบตัวจะไม่ถูกนำมาคิดรวม มีแค่ทั้งคู่ในโลกส่วนตัวที่สร้างขึ้นมาเอง

     

              แจฮยอนที่เริ่มควบคุมการกระทำของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ ถอดถุงเท้าออกเหลือแค่เท้าเปล่า ผมเผ้าชี้ยุ่งและเสื้อเชิ้ตยับยู่ยี่ กางเกงสแลคตัวยาวถูกปลดและถีบออกจากตัวด้วยความรำคาญ เหลือเพียงกางเกงขาสั้นชั้นในที่ไม่ได้มิดชิดสักเท่าไหร่ ขยับตัวนั่งบดเบียดวาดลวดลายอยู่บนพนักพิงของโซฟาที่อยู่สูงขึ้นไปตามจังหวะดนตรี – ท่าทีที่แสดงออกมาอย่างแทบไม่รู้ตัว, ก่อนจะยกของเหลวในแก้วชอทเล็กขึ้นดื่มจนหมดรวดเดียว ถึงจะรู้ว่าเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่คนตัวขาวก็ยังคงไม่ยอมรับคำแซวจากคนตัวสูงที่ว่าเขาเมาเกินไป ถึงจะเมาแต่จะไม่ยอมรับซะอย่าง ใครจะทำไม ? มือเรียวเอื้อมคว้าทุกอย่างที่อยู่ใกล้เข้าปากไปซะหมด

     

     

              ความรู้สึกขมปร่าที่รื้นขึ้นมาในลำคอทำให้เขาหยุดการกระทำทุกอย่าง ภาพตรงหน้าหมุนวนไวจนเกินจะทรงตัวไหว เหมือนจอห์นนี่จะรู้สึกตัวทัน ร่างสูงลุกขึ้นไปหยิบน้ำเปล่ามาให้อย่างทุลักทุเลพอสมควร แจฮยอนพยายามหยุดแรงผลักดันและความรู้สึกบีบคั้นจากในช่องท้องด้วยสติที่เหลือทั้งหมด แต่นั่นก็ไม่เป็นผลเท่าไหร่ ขายาวหอบเอาร่างของตัวเองเข้าไปในห้องน้ำอย่างไวที่สุดเท่าที่ทำได้และปล่อยให้มันเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น จอห์นนี่ที่ตามเข้ามายกมือขึ้นลูบหลังให้อย่างไม่นึกรังเกียจ แถมยังส่งเสียงล้อเลียนและขำเสียงดัง ความรู้สึกชาไปหมดที่ปลายนิ้ว แจฮยอนปล่อยเปลือกตาที่หนักเกินไปให้ปิดลงหลังจากผ่านขั้นวิกฤตไปได้ แนบแก้มบนแขนของตัวเองที่วางพาดอยู่ตรงชักโครก รู้สึกเหนื่อยปนคลื่นไส้ ส่งเสียงครางฮือบ่นตัวเองที่เป็นแบบนี้ต่อหน้าคนที่เพิ่งรู้จักไม่ถึงวัน เอ่ยขอโทษเจ้าของห้องที่ยังคงขำกับท่าทางของเขา แต่เสียงของตัวเองที่ได้ยินกลับเหมือนเทปเพลงพังที่แทบจับใจความไม่ได้ กำลังขมวดคิ้วมุ่นหงุดหงิดตอนที่อีกคนก้มลงใช้นิ้วหัวแม่มืออุ่นๆสัมผัสเช็ดที่ริมฝีปากให้ ถูกตบที่แก้มเบาๆเรียกสติ จอห์นนี่ – ที่ดูไม่จืดเช่นกันช่วยพยุงเขาด้วยแขนข้างหนึ่งในขณะที่อีกข้างเท้ากำแพงเพื่อความมั่นคงไปที่อ่างล้างหน้า ร่างโปร่งโงนเงนจัดการทำความสะอาดตัวเองให้เรียบร้อยและออกมานั่งที่เดิมได้โดยสวัสดิภาพ

     

                       ‘ทีนี้ก็ยอมรับสักทีว่าคุณเมาแล้ว’ เสียงเอ่ยกลั้วหัวเราะฟังดูขึ้นจมูกของคนตัวสูงกว่ายกมือขึ้นวางบนศีรษะของเขาและขยับลูบเบาๆ

     

                        ‘เมาเหมือนหมาเลยแหละ’ ขำให้กับความหมดสภาพของตัวเอง สัมผัสอุ่นๆจากนิ้วมือที่ริมฝีปากยังคงรู้สึกได้ บวกด้วยแรงลูบเบาๆทำเอาอดไม่ได้ที่จะขยับเอียงตัวดุนดันศีรษะเข้ากับมือใหญ่ ได้ยินเสียงจอห์นนี่เถียงเบาๆว่าเหมือนอย่างอื่นมากกว่า แต่เขาไม่ทันได้ใส่ใจฟัง

     

     

     

     

              แจฮยอนรู้สึกเหมือนตาจะปิด บทสนทนายืดยาวของพวกเขาจบลงที่เกมถามตอบโง่ๆ เอาตอนที่เข็มนาฬิกาชี้เลขสี่ของเช้าวันใหม่

     

                       ‘ตาผมแล้วถูกมั้ย’ เอ่ยถามคนข้างๆ – ที่นั่งเอียงตัวพิงกับโซฟาแต่หันหน้ามาทางเขาอยู่, จอห์นนี่ก็คงรู้สึกไม่ต่างกันมากในตอนนี้ สีหน้ามึนเบลอของอีกคนตอนนึกคำตอบดูตลกดี การแสดงออกทางสีหน้าที่เคยมีหลากหลายไปหมดถูกลดหายไปเหลือแค่ใบหน้านิ่งมึน สลับกับยิ้มหรือหัวเราะบ้างตอนขำใส่ลิ้นที่พันกันจนแทบฟังไม่รู้เรื่องของเขา

     

                       ‘กอดกับจูบ คุณชอบอะไรมากกว่ากัน’ เป็นคำถามไร้หัวคิดจากสมองตื้อๆของเขาเอง คนหน้ามึนนิ่งไปครู่นึง แจฮยอนดึงของเหลวสีใส – ที่ตอนนี้เหลือแค่หนึ่งในห้าของขวดจากการผลัดกันดื่มของทั้งคู่มาจากมือของอีกคนยกขึ้นจรดริมฝีปากพร้อมมองรอคำตอบ

     

                       ‘ปกติชอบกอด’ เสียงนิ่งๆห้วนของหมีจอห์นนี่ที่กำลังเมาเอ่ยออกมาเรียบๆ แจฮยอนพยักหน้าทั้งที่ยังคงไม่ละริมฝีปากของตัวเองออกจากขวด ยกก้นขวดขึ้นสูงตอนที่ปล่อยให้รสหยาบไหลบาดลงคออึกใหญ่

     

     

                       ‘แต่ตอนนี้อยากจูบคุณว่ะ’

     

     

                ฝ่ามือใหญ่กอบกุมมือที่ถือขวดไว้แน่น ดึงรั้งออกไปให้ห่างตัวตอนที่ยื่นหน้าเข้ามาประกบริมฝีปากกับของเขา

     


              ให้ตายเถอะ จอห์นนี่จะจูบเขาเมื่อไหร่ก็ได้แต่ไม่ใช่หลังจากที่เพิ่งลูบหลังให้เขาตอนอาเจียนเพราะเมาเต็มคราบแบบนี้

     


              มันน่าอายจะตาย



              แต่ก็เป็นซะแบบนี้ เรื่องใหม่ที่ได้เรียนรู้ จอห์นนี่ ซอ ตอนเมา เป็นหมีหน้ามึนที่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น



      



              หลังจากผ่านรสจูบที่ร้อนแรงและน่าอายไปได้ น่าดีใจที่นอกจากความรู้สึกเปียกชึ้นจากน้ำสีใสที่ไหลออกมาจากมุมปากอย่างไม่ได้ตั้งใจ และอารมณ์ดิบที่ถูกกระตุ้น แจฮยอนก็ไม่ได้รู้สึกคลื่นไส้หรืออะไรอย่างอื่น เสื้อเชิ้ตที่สวมอยู่ถูกอีกฝ่ายปลุดกระดุมลงจนไหล่ขาวถูกเปิดเผยให้เห็น พวกเขาใช้เวลาไปกับการเล่นสนุกของความนุ่มนิ่มในโพรงปากและเสียดสีภายนอกเนื้อผ้าอย่างนั้นอยู่ครู่หนึ่ง 

     

              มือหนาของจอห์นนี่ล้วงเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตตัวเก่ง ลูบไล้แผ่นหลังอย่างสะเปะสะปะ ความรู้สึกปวดหนึบตรงช่องท้องที่ค่อยๆเพิ่มมากขึ้นตามการชักนำของอีกคนทำให้แจฮยอนบิดตัวอย่างอึดอัด มือใหญ่ของเจ้าของโซฟาปลดเข็มขัดและซิปกางเกงของตัวเองออกลวกๆระหว่างที่เขาทิ้งตัวลงนอนราบกับเบาะ ก่อนทั้งคู่จะค้นพบว่าตัวเองต่างเมาเกินกว่าที่จะทำอะไรๆ ตอนที่ขายาวพลาดไปเตะเอากระป๋องเปล่าที่ว่างอยู่หล่นเสียงดัง และคนด้านบน – ที่ทรงตัวไม่อยู่หลังจากพยายามขึ้นคร่อมเขาบนโซฟาที่เล็กเกินไป, ตกลงไปบนพื้นแข็งข้างๆ พวกเขาหัวเราะลั่นให้กับความหลุดลุ่ยของตัวเอง


              แจฮยอนดันตัวลุกขึ้นมาในท่ากึ่งนั่งตอนที่จอห์นนี่ย้ายตัวเองกลับขึ้นมาหาอีกครั้ง คราวนี้จงใจเว้นที่ระหว่างขาสองข้างเพื่อเป็นที่นั่งให้อีกฝ่ายที่ดูโงนเงน มือหนึ่งใช้ยันพยุงตัวเองให้อยู่ในท่าทางที่ต้องการขณะที่อีกข้างจับโน้มคออีกคนลงมาบดจูบระบายความรู้สึกที่กำลังอัดแน่นจนเหมือนจะล้นออกมา ทิ้งตัวลงนอนราบกับโซฟาอีกครั้งตอนที่ฝ่ามือหนาเลื่อนเข้ามาในกางเกงที่เขาใส่อยู่ ถอดมันออก – โดยได้รับความช่วยเหลือจากสะโพกที่จงใจยกขึ้นของเจ้าของอย่างง่ายดาย เสื้อเชิ้ตยับยู่ยี่ยังถูกทิ้งไว้บนตัวด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างที่เขารู้สึกว่ามันดีมากๆ คงน่าอายถ้าต้องเป็นฝ่ายเดียวที่ไร้สิ่งปกปิดขณะที่อีกคนยังคงเหลืออยู่เกือบครบ 

     

              จอห์นนี่ดูอ่อนโยนจนน่าแปลกใจ ฝ่ามืออุ่นๆที่ขยับอย่างนุ่มนวลแต่หนักแน่นที่บริเวณสำคัญทำเอาแจฮยอนแทบคลั่ง ส่งเสียงครางอื้ออึงเมื่อรู้สึกดีจนเก็บไว้ไม่ไหว ฟังไม่ได้ศัพท์และปะปนไปด้วยเสียงหอบหายใจกระชั้น ถึงจะฟังดูน่าอายแต่เขาเลือกที่จะไม่อดกลั้นมันไว้

     

              ด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพลานผิดปกติเพราะบรรยากาศ ฤทธิ์แอลกอฮอล์ หรือคนตรงหน้าก็แล้วแต่ เวลาเพียงไม่นานจึงถูกใช้ก่อนที่นิ้วเรียวจะกดบีบไหล่กว้างด้วยแรงมากพอทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บ สูดหายใจเฮือกใหญ่และสะบัดเชิดหน้าขึ้นโดยอัติโนมัติ ปลดปล่อยธรรมชาติให้เป็นตามที่ควร 

     

              คลายมือที่เกือบเหมือนไร้เรี่ยวแรงลงดันบ่ากว้างของอีกคนหลังจากทุกอย่างหยุดนิ่งชั่วครู่ จอห์นนี่ที่สีหน้าเจือปนไปด้วยอารมณ์และความหงุดหงิดรำคาญใจ – คาดว่าคงมีสาเหตุมาจากความคับแน่นที่สัมผัสถูกตัวเขาผ่านชั้นในตัวบาง, แต่อีกฝ่ายกลับไม่ปริปากอะไรนอกจากทำท่าจะผละออกไปจัดการมันด้วยตัวเอง แจฮยอนหยุดร่างสูงไว้ด้วยการดันแผ่นอกด้วยแรงไม่มากนัก เพียงแค่นั้นอีกฝ่ายก็เสียหลักล้มพิงลงบนพนักอย่างไม่ทันตั้งตัว



                        'ให้ผมช่วยคุณ'



              อีกฝ่ายแสดงสีหน้าตกใจออกมาเล็กน้อย ตอนที่แจฮยอนดันตัวเองตามขึ้นมานั่งคร่อมอยู่บนหน้าตักทั้งที่ไร้สิ่งปกปิดที่ส่วนล่า งริมฝีปากแดงกึ่งช้ำถูกขบกัดด้วยความกังวลจนลักยิ้มที่แก้มบุ๋มลงไป ใบหน้าขาวขึ้นสีจัดกว่าเก่า – ลามไปจนถึงใบหูและลำคอก้มลงพักพิงที่บ่า หลีกเลี่ยงการสบสายตาและเพิ่มความมั่นคงในการทรงตัวที่ยากลำบากของตัวเอง เรียวลิ้นสัมผัสผ่านใบหูอย่างจงใจทำเอาขนอ่อนบนตัวจอห์นนี่ลุกชัน แจฮยอนขยับมือลูบไล้ผ่านชั้นในสีเข้ม – ด้านในกางเกงตัวใหญ่เกะกะนั่นอีกทีทั้งที่ยังก้มฝังใบหน้ากับเสื้อของอีกคนอยู่แบบนั้น อุปสรรคขั้นสุดท้ายไม่ได้ถูกกำจัดออก ทำแค่เพียงขยับร่นให้ความอึดอัดด้านในได้ออกมา กอบกุมด้วยมือข้างหนึ่งอย่างพอดิบพอดี คนด้านล่างสัมผัสและเหนี่ยวรั้งลำคอเข้าไปมอบจูบอย่างเอาใจตอนที่ข้อมือของเขาเริ่มทำหน้าที่ของมันผละออกช้าๆ ปล่อยให้เขาก้มลงมุ่งความสนใจไปที่การช่วยเหลือย่างเต็มความสามารถ

     

              แจฮยอนค่อยๆขยับตัวเลื่อนลงไปนั่งบนพื้นตอนที่ความแข็งขืนของจอห์นนี่กำลังจะถึงจุดสำคัญ ก้มลงใช้ริมฝีปากสัมผัสเบาๆและค่อยๆเปิดรับสิ่งแปลกใหม่เข้าไปจนเต็มพื้นที่ เขาไม่แน่ใจว่าต้องทำอะไรและความสับสนนั่นแหละที่ทำให้เผลอครูดฟันไปกับความคับแน่นจนอีกคนกระตุกวูบ คว้ามือจับพนักวางแขนเพื่อยึดเหนี่ยว 

     

              เงยหน้าขึ้นมองก่อนจะสบเข้ากับอีกฝ่ายที่กำลังไล่สายตาราวกับศึกษาทุกส่วนของร่างกายเขาอยู่ ความปวดหนึบที่ค่อยๆกลับมาอีกครั้งจนเริ่มทนไม่ได้ตรงส่วนล่างทำให้นึกออกว่าต้องทำอะไร เรียวลิ้นเริ่มต้นดูดดุนและริมฝีปากขบเม้มเหมือนชิมอาหารเมนูโปรดทำให้จอห์นนี่หลุดครางเสียงต่ำ การกระทำนั้นเกิดขึ้นพร้อมๆกับที่เขาค่อยๆขยับมือขาวลงไปช่วยเหลือความต้องการของตัวเองไปพร้อมๆกัน


              แจฮยอนผละริมฝีปากออกทันเวลา ก่อนที่จอห์นนี่จะปลดปล่อยออกมาใส่ตัวเขาที่นั่งอยู่จนเลอะไปทั่วหน้าท้องและช่วงอก เปลี่ยนความสนใจกลับมาสู่ส่วนสำคัญของตัวเองแทน พิงแผ่นหลังกับโต๊ะกาแฟทรงเตี้ย – ทำจากกระจกใส, เย็นเฉียบที่หน้าโซฟา สติที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยหมดไปพร้อมๆกับการเร่งจังหวะรัวเร็วตามแรงอารมณ์จนลืมใครอีกคน – ที่ตามลงมานั่งอยู่ข้างๆ และยกมือเกลี่ยปอยผมเปียกชื้นเหงื่อที่ปรกหน้าอยู่ออกให้, ขยับตัวเล็กน้อยและสิ้นสุดภารกิจลงหลังจากนั้นเพียงไม่กี่อึดใจ เงยหน้าขึ้นหัวเราะเสียงเบาทั้งที่ยังหอบเหนื่อย จอห์นนี่ไล่จูบซับเหงื่อที่ไรผมใบหน้า และลำคอของเขาอย่างเชื่องช้า

     

              เสื้อเชิ้ตที่ใส่อยู่คงถึงคราวต้องถอดออกจริงๆซะแล้ว แจฮยอนใช้ความพยายามอย่างมากในการปลดกระดุม – เหลืออยู่เพียงไม่กี่เม็ดโดยมีจอห์นนี่ช่วยอีกแรง ร่างเปลือยเปล่า – หลังจากเช็ดทำความสะอาดด้วยเสื้อของตัวเอง โดยฝีมือร่างสูงทั้งหมดถูกทิ้งไว้เพียงไม่นาน เพราะเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของอีกคนถูกสวมใส่ให้แทนที่ กระดูมเม็ดเล็กที่ดูซับซ้อนมากเกินไปที่จะเข้าไปในรังดุมอีกฝั่งในตอนนี้ ถูกปล่อยไว้ทั้งอย่างนั้น จอห์นนี่ที่ยังมีเสื้อยืดอีกตัวสวมไว้ด้านในทำให้แจฮยอนแอบเบะปากเล็กน้อย

     

                       ‘นี่มันเกินจูบไปหน่อยมั้ง’ เอ่ยขึ้นตอนที่ลมหายใจกลับมาเข้าที่เข้าทาง อีกฝ่ายขำให้กับเขาที่ยังมีอารมณ์มาพูดแซวทั้งที่ลืมตาไม่ขึ้น ใบหน้าที่ยังคงรู้สึกถึงความร้อนผะผ่าวเอียงแนบลงที่กระจกโต๊ะ ขยับไปมาอย่างอารมณ์ดีเพราะความเย็นที่ได้สัมผัส จอห์นนี่ยิ่งหัวเราะดังเข้าไปใหญ่

     

                       ‘หนาวอ่ะคุณ’ พูดอู้อี้ทั้งที่ยังแนบหน้ากับแผ่นกระจกแบบนั้น มืออุ่นๆทาบลงที่เส้นผม ลูบเสยให้ส่วนที่ยาวลงมาเกะกะสายตายกขึ้นไปทางด้านบนแทน ไล่ลงมาสัมผัสนิ่งที่แก้มของเขา

     

                       ‘ไปนอนที่เตียงดีๆเถอะ’

     

              แจฮยอนพยักหน้ารับพร้อมสั่งในใจให้เจ้าคนตรงหน้าพาเขาไปที่เตียงสักที แต่อีกฝ่ายก็นิ่งรออยู่แบบนั้น ขมวดคิ้วเบะปากตอนโดนจิ้มๆที่แก้มอีกทีพร้อมส่งเสียงเรียก แต่ก็ยอมขยับตัวพาดแขนลงบนบ่ากว้างด้วยตัวเอง กับความช่วยเหลือของอีกคนที่ยกแขนขึ้นโอบเอวเอาไว้ พวกเขาใช้เวลาค่อนข้างมากกว่าจะทรงตัว หอบหิ้วกันมาจนถึงเตียงนอนที่เป็นพื้นที่แยกส่วนในห้องเดียวกัน จอห์นนี่ผลักประตูกั้นออกกว้างจนเกือบสุด – ไม่แน่ใจว่าเพราะตั้งใจหรือทรงตัวไม่อยู่กันแน่กลายเป็นว่าตอนนี้ที่นอนและห้องนั่งเล่นกลายเป็นห้องใหญ่ห้องเดียว แจฮยอนนึกขำที่พวกเขามัวไปล้มลุกกันอยู่ที่โซฟาตัวเล็กแทนที่จะย้ายมาที่เตียงกว้างที่อยู่ห่างออกมาแค่ไม่เท่าไหร่ ได้ยินเสียงอะไรสักอย่างถูกปัดตกโดยคนข้างๆแต่ทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในจังหวะที่พร้อมจะเก็บมัน

     

              จอห์นนี่เทเขาลงบนเตียงแรงจนอยากตะโกนด่า แต่ความนุ่มนิ่มของผ้าห่มที่ถูกโยนมาทับบนตัวนั้นน่าสนใจกว่ามาก หรือที่นี่จะเอาก้อนเมฆมาทำเป็นผ้าห่ม ? อืม ก็เป็นไปได้ พยักหน้าเงียบๆคุยอยู่กับตัวเองในความคิดตอนที่อีกฝ่ายทิ้งตัวลงนอนข้างๆแรงพอๆกัน

     

                       ‘ผมโคตรเมาเลยว่ะคุณ’ เสียงพูดอู้อี้เพราะใบหน้าที่จุ่มลงกับหมอนของอีกคน ได้ยินเสียงบ่นว่าตัวเองต้องดื่มไปมากแค่ไหนตอนนี้ถึงยังไม่สร่าง กางเกงตัวยาวของอีกคนที่ในที่สุดก็ถูกถอดออกโดยเจ้าตัวลงไปกองที่ปลายเตียง

     


                       ‘แต่..’

     

     

              แจฮยอนปรือตาหันไปหาอีกฝ่ายที่นอนคว่ำหน้าไปอีกทางเพื่อรอคำตอบ...จากกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้ม 

     

     

                       ว่าไงเจ้าผมพูดต่อสิ

     


                       ‘ถึงไม่เมาผมก็ว่าคุณมันโคตรฮอต’

     

     

              เปล่งเสียงออกมาเชื่องช้าและเบาจนแทบเหมือนกระซิบ แจฮยอนอมยิ้มตอนที่หันหน้ากลับมาเขี่ยผ้าห่มนุ่มที่เขาเริ่มมั่นใจว่ามันคือก้อนเมฆจริงๆ พาดไปที่ตัวของอีกคนอย่างลวกๆ เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของอีกฝ่ายดังขึ้นรวดเร็วจนเขานึกขำก่อนจะปล่อยให้ตัวเองได้พักผ่อนบ้างเหมือนกัน

     

     

                       ขอบคุณสำหรับการพาหนีเที่ยวคืนนี้นะคุณไกด์

     

      

                       ไว้คราวหน้าจะใช้บริการใหม่นะ :-)

     

     

    end

     

     

     

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

     

     

    - อ่านพาร์ทแรกหรือเรื่องอื่นๆได้ที่เด็กดีนะคะ : https://writer.dek-d.com/polardaisy/story/view.php?id=1475479

    - แต่งฉากคัทครั้งแรก ถ้าใครหลงไปอ่านก็ขอแสดงความเสียใจ 555555555555

    - เจอสรรพนามซ้ำเยอะไปหน่อยถ้ารู้สึกขัดๆก็ขอโทษด้วยนะคะมานั่งไล่เปลี่ยนตอนเขียนเสร็จแล้วเพิ่งค้นพบว่ามันเยอะม้ากกกกกกกเอาออกไม่หมดจริงๆ 

    - คอมเม้นติชมได้ในนี้หรือในทวิตแท็ก #ficdoesntmatter เหมือนเดิมเลย

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in