เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
WRONG TIME, WRONG PERSON | WayV Fan Fiction #LuXiao #HenXiaoa week before valentine
Chapter 4 [The End]
  • WRONG TIME, WRONG PERSON

    Fandom: WayV, NCT
    Pairing: Hendery/Xiaojun, Lucas/Xiaojun
    Warning: OMEGAVERSE AU
    Note:

    inspired from Shindanmaker

    เขียนเรื่องเกี่ยวกับ เฮนจวิ้น โดยใช้คีย์เวิร์ด
    1.”กลับมาแล้ว”
    2.คนขี้โกหก
    3.โอเมก้าเวิร์ส

    2,062 Words

     

     

    CHAPTER 4

     

     

    สามวันหลังจากนั้น คฤหาสน์สกุลหวงที่ว่าใหญ่โตแล้ว ดูจะใหญ่และซับซ้อนราวกับเขาวงกตขึ้นไปอีก เมื่อเซียวเต๋อจวิ้นแทบจะไม่มีโอกาสพบปะกับคุณชายกว้านเฮิงนอกจากเวลาอาหารแม้แต่ครั้งเดียว เรียกได้ว่าเขาเกือบจะลืมเลือนการมีอยู่ของแขกและญาติผู้น้องของสามีคนนี้ไปเสียแล้ว หากไม่ได้พบปะกันทุกครั้งบนโต๊ะกินข้าว

    อีกเพียงสองวันหวงกว้านเฮิงก็จะลาจากบ้านสกุลหวงไปเยี่ยมเพื่อนที่เยอรมนีตามที่ได้แจ้งไว้ตั้งแต่มื้ออาหารแรก แต่เรื่องคาราคาซังที่วนเวียนในจิตใจของเต๋อจวิ้นก็ไม่มีโอกาสได้สะสางเสียที และดูทีท่าแล้วคงจะได้แต่ปล่อยให้คาใจไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่เป็นแน่

    เขาไม่ได้อยากให้มันลงเอยแบบนี้เลย แค่ต้องการความชัดเจนที่ยึดบนความถูกต้องและไม่ทำร้ายใครไปมากกว่านี้ แต่ดูเหมือนกว้านเฮิงจะอย่างที่เขาคิดไม่ได้

    ชายคนนั้นเลือกหันหลังหนีปัญหาที่สร้างไว้ ทิ้งให้เขาจมจ่อมคิดหาทางจัดการกับมันเพียงลำพัง

     

    ––––––––––

     

    หลังมื้อค่ำ กว้านเฮิงอาศัยจังหวะที่พวกเขาเดินสวนกันกระซิบถ้อยคำสั้น ๆ ว่า “สวนหลังบ้านตอนสี่ทุ่ม”

    คืนนี้เจ้าบ้านสกุลหวงไม่อยู่ ออกไปทำธุระที่ต่างเมืองและคงมาถึงพรุ่งนี้บ่าย แม้เต๋อจวิ้นจะอยากไปด้วยแต่เพราะสามีเอ่ยปากขอให้ช่วยดูแลรับรองญาติผู้น้องจึงทำอะไรไม่ได้ สวี่ซีที่เห็นหน้ามุ่ย ๆ ของเขาสัญญาว่าจะซื้อตุ๊กตาแปลก ๆ มาให้เป็นของขวัญ ซึ่งเขาก็ได้แต่ยิ้มรับ

    สวนหลังบ้านสกุลหวงเป็นสวนขนาดใหญ่ที่มีสระน้ำกินพื้นที่กว่าครึ่งและศาลาอยู่กลางน้ำ มีสะพานเชื่อมจากฝั่งสวนสู่ศาลา เต๋อจวิ้นมาตรงเวลานัด มองจากฝั่งสวนที่เขายืนอยู่ กว้านเฮิงยืนพิงสะพานมองจันทร์เสี้ยวของคืนนี้ด้วยท่าทางเคร่งขรึม

    ยามนี้ไม่มีบ่าวคนไหนมาเดินแถวนี้แน่นอน เพราะต่างวุ่นวายกับงานในครัว กว่าจะมาจัดการสวนก็รุ่งเช้า เต๋อจวิ้นมองซ้ายขวาให้แน่ใจอีกครั้งก่อนก้าวเข้าไปใกล้คนที่จงใจหลบหน้าเขามาตลอดหลายวัน

    พอได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาเข้าไปใกล้ กว้านเฮิงก็เปลี่ยนอิริยาบถเป็นยืนตรง แล้วหันมามองเขายิ้ม ๆ

    “พี่สะใภ้”

    “มีอะไรก็พูดมาเถอะ เราสองคนนัดเจอกันลำพังยามวิกาล ถ้ามีใครรู้คงไม่ดีนัก”

    กว้านเฮิงหัวเราะ นัยน์ตาพราวระยับล้อแสงไฟที่ประดับอยู่ตรงหัวสะพาน แล้วทิ้งตัวลงพิงระเบียงกั้นอีกครั้ง

    “ก่อนเข้าเรื่อง ร้องเพลงให้ผมฟังอีกสักครั้งได้ไหม”

    “…ไม่”

    “โธ่ เห็นใจกันหน่อย เดี๋ยวผมก็ไม่อยู่แล้ว สักท่อนหนึ่งก็ยังดี” อีกฝ่ายว่า “โอกาสหายากนะ นาน ๆ ทีพี่สะใภ้จะได้ร้องเพลงอย่าง ‘ค่อนข้าง’ เปิดเผยแบบนี้”

    เขาถอนหายใจแรง นึกอยากหาอะไรมาตีปากคนพูดมากตรงหน้าเหลือเกิน

    “อย่ามาลีลาน่ะ หวงกว้านเฮิง ฉันไม่ได้มีเวลามาเล่นกับนาย”

    “สวี่ซีรู้ไหมว่าคุณร้องเพลงเพราะมาก”

    คำถามที่โพล่งขึ้นมากะทันหันทำให้เต๋อจวิ้นนิ่งไปครู่หนึ่ง

    “…ไม่”

    คราวนี้กว้านเฮิงหัวเราะกับตัวเองเบา ๆ

    “อย่างน้อยผมก็มีเรื่องที่ชนะเขาได้สักเรื่อง”

    “พูดเรื่องอะไร”

    กว้านเฮิงผละออกจากระเบียงตรงมาหาเขาอย่างรวดเร็วจนเต๋อจวิ้นตกใจเผลอถอยเท้าหนี กว้านเฮิงจึงหยุดฝีเท้า

    “แค่เพลงเดียว”

    “…”

    “ถือว่าปลอบใจผม”

    “ปลอบใจ?”

    กว้านเฮิงยิ้ม เป็นรอยยิ้มเรียบนิ่งพอ ๆ กับน้ำในสระที่ไร้ลมพัด

    “ผมที่เป็นคู่ชีวิตของพี่สะใภ้ กับสวี่ซีที่มาก่อนแต่ตบแต่งกันแล้วถูกต้องตามประเพณี”

    “…”

    “คุณจะเลือกใคร”

    เซียวเต๋อจวิ้นนิ่งค้าง

    ใช่ว่าเขาไม่มีคำตอบในใจ เขามี แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะพูดมันออกไปอย่างไร

    “ไม่ต้องตอบหรอก ผมพอรู้อยู่” กว้านเฮิงโบกมือไปมาในอากาศ “ก็แค่อยากเห็นกับตาก็เท่านั้น”

    “เห็น?”

    “สีหน้าของคุณเมื่อกี้น่ะ”

    เต๋อจวิ้นเม้มริมฝีปาก

    “ฉันไม่ได้มีสิทธิเลือกขนาดนั้น”

    กว้านเฮิงส่ายหน้า “คุณมีสิทธิ สวี่ซียังไม่ได้ผูกพันธะกับคุณ”

    “…แต่”

    “คุณมีเหตุผลมากมาย ผมรู้” หวงคนน้องถอนหายใจ “ผมก็เป็นแค่คนคนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในช่วงเวลาที่ไม่สมควรที่สุดก็เท่านั้น”

    “…”

    “ถ้าหลังจากนี้อีกสักสิบปี เรากลับมาเจอกันอีก และคุณยังไม่ผูกพันธะกับสวี่ซี หรือคุณยังไม่มีลูก ตอนนั้นผมอาจจะเป็นคนที่ใช่ ในเวลาที่ถูกต้องของคุณก็ได้”

    เซียวเต๋อจวิ้นมองคนตรงหน้าที่พูดยาวเหยียดเหมือนพูดเรื่องลมฟ้าอากาศ มันดูเพ้อฝัน แต่ขณะเดียวกันก็ดูจะเกิดขึ้นได้จริง

    เพราะตัวเต๋อจวิ้นเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าวินาทีหลังจากนี้เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไร

    “สวี่ซีเป็นคนดี”

    เขาว่า

    “สำหรับโอเมก้า อัลฟ่าอย่างสวี่ซีคือพ่อพระ เขาทำอะไรให้ฉันมากมายเกินกว่าที่ฉันจะมองข้ามสิ่งดี ๆ ที่เขาทำแล้วเลือกนายเพียงเพราะว่า ‘สวรรค์ลิขิต’ ให้เป็นแบบนั้น”

    “…”

    “ฉันไม่ได้เข้าใจความรักอะไรมากมาย แต่ตอนนี้ ตรงนี้ กับสวี่ซี มันดีมาก ๆ และฉันไม่อยากทำลายมัน”

    “…”

    “ฉันไม่อยากให้เขาเสียใจ”

    นั่นคือสิ่งที่ติดอยู่ในใจเซียวเต๋อจวิ้นมาตลอด

    การถูกขโมยจูบ การที่เกือบจะพลาดผูกพันธะกับอัลฟ่าคู่ชีวิต ขณะที่ตนเองมีข้อสัญญากับอีกคนหนึ่งไว้แล้ว สำหรับเขามันคือการหักหลัง เขาไม่อยากเป็นคนโกหก และมันผิดกับหลักการใช้ชีวิตของเต๋อจวิ้นอย่างร้ายกาจ

    กว้านเฮิงจ้องมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ย

    “ขอโทษนะครับ”

    “…ขอโทษเหมือนกัน”

    “คุณคงวุ่นวายใจมาก”

    เขาพยักหน้ารับ “มากจนคุณคิดไม่ถึงเลยแหละ”

    “คำขอสุดท้ายของผม ขอเป็นเพลงเพราะ ๆ สักเพลงเถอะครับ”

    เซียวเต๋อจวิ้นถอนหายใจ หรี่ตามองคนตรงหน้าที่เปลี่ยนสีหน้ามาเป็นยิ้มแย้มอีกครั้ง

    “นิดเดียวเท่านั้นนะ”

    แล้วเขาก็เปล่งเสียงออกมา

    มันกังวานอยู่เหนือสระน้ำ เป็นท่วงทำนองสั้น ๆ ที่ราวกับจะฝังลึกอยู่ในใจของผู้ฟังตราบนานแสนนาน กว้านเฮิงมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของผู้ที่กำลังขับร้องดนตรีที่ไพเราะที่สุดในโลกออกมา สายตาไร้จุดหมายของเต๋อจวิ้นยามนี้กลับน่ามองที่สุด ยิ่งเมื่อเขาตระหนักได้ว่า นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้ใกล้ชิดโชคชะตาของตัวเองขนาดนี้

    คู่ชีวิตที่เขาเฝ้าตามหามาตลอด เมื่อพบเจอกลับกลายเป็นช่วงเวลาที่ไม่ถูก ไม่ต้องเอ่ยคำขอใด ๆ ก็ถูกปฏิเสธเสียตั้งแต่เริ่มคิดแล้ว

    เหลือบมองริมฝีปากคู่นั้นแล้ว กว้านเฮิงก็ซบใบหน้าด้านข้างลงกับระเบียง เหม่อมองภาพวาดอันงดงามของเซียวเต๋อจวิ้นท่ามกลางแสงจันทร์นวลตาและแสงไฟที่ประดับอยู่สองข้างของขอบสะพาน

    เขาอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้เหลือเกิน

     

    ––––––––––

     

    ทันทีที่รถของหวงสวี่ซีเทียบหน้าบ้านสกุลหวง เซียวเต๋อจวิ้นก็หน้าตาตื่นตรงไปหาทันที

    “อาจวิ้น” สวี่ซีสับสนกับสีหน้าของคนรัก “มีอะไรหรือ”

    “น้องกว้านเฮิง”

    ชื่อสั้น ๆ ที่ทำให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันทันที ก่อนที่เต๋อจวิ้นจะรีบบอก

    “น้องกว้านเฮิงไปแล้ว”

    แล้วเขาก็ยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้คนตัวสูง

    “ฉันเจอมันอยู่ในห้องที่กว้านเฮิงพัก”

    มันจ่าหน้าซองถึงเจ้าบ้านสกุลหวง สวี่ซีแกะจดหมายเปิดออกอ่าน เนื้อความในนั้นทำให้เขาถอนหายใจ

    ถึง สวี่ซี

    ตอนที่นายอ่านจดหมายฉบับนี้ฉันคงอยู่บนเรือที่มุ่งหน้าสู่เยอรมนีแล้ว ขอโทษที่ไปโดยไม่บอกกล่าว ทั้งต่อเจ้าบ้านอย่างพี่ คุณลุงคุณป้า รวมถึงพี่สะใภ้ที่ดูแลรับรองตลอดเวลาที่ฉันอยู่ที่นี่ แต่ฉันคิดว่าฉันสะสางเรื่องราวที่เป็นปัญหาได้หมดแล้ว และการอยู่ที่นี่ต่อไปแม้อีกสักวินาทีเดียว ก็อาจทำให้ความตั้งใจฉันสั่นคลอนได้ ดังนั้นจึงคิดว่า ฉันควรรีบออกไปจากเมืองนี้ดีกว่า

    สวี่ซี ฉันขอย้ำอีกครั้งว่าคนอย่างฉันเชื่อมั่นในเรื่องคู่แห่งโชคชะตามาก การเดินทางรอนแรมหลายเมืองยิ่งตอกย้ำว่าสุดท้ายแล้ว คนที่สวรรค์ลิขิตมาให้คู่กับเราย่อมอยู่สักที่บนโลก น่าเสียดายที่ฉันเจอเขาช้าไป แต่ในอนาคตถ้าระหว่างพี่กับเต๋อจวิ้นยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป ถึงตอนนั้นฉันคงไม่อาจปล่อยมือได้อีก และมันคงเป็น “เวลาที่ใช่” แล้วจริง ๆ

    สุดท้ายนี้ เซียวเต๋อจวิ้นเป็นคนดีมีคุณธรรมมาก หากพูดกันตามตรงก็เหมาะสมกับสกุลหวงที่สุด หากไม่สามารถโน้มน้าวใจให้เขาตกลงปลงใจกับพี่ได้จริง ๆ สกุลหวงของพี่ก็สูญเสียเพชรเม็ดงามไปแล้ว

    หวังว่าจะรีบจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่ฉันจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง

    กว้านเฮิง

    ป.ล. ระหว่างฉันกับเต๋อจวิ้นมีความลับข้อหนึ่ง และนายจะไม่มีวันรู้จนกว่าฉันจะตาย สาบาน

     

    เซียวเต๋อจวิ้นไม่อาจคาดเดาได้ว่าเนื้อหาในจดหมายนั้นคืออะไร ทว่าหลังจากพวกเขาย้ายมาคุยกันที่ห้องอาหาร และสวี่ซีอ่านจดหมายจบ เจ้าตัวก็เผามันทิ้งทันที แล้วพูดกับเขาเสียงดังราวกับตะโกน

    “อาจวิ้น ฉันรักอาจวิ้นจริง ๆ นะ”

    เขาที่กำลังจะรินน้ำชาเกือบทำกาน้ำชาหล่นแตก รีบร้อนวางมันลงบนโต๊ะแล้วมองสวี่ซีด้วยความตกใจ

    “…เป็นอะไรไป”

    “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะไม่ปล่อยให้อาจวิ้นเดินหนีฉันไปเด็ดขาด”

    ไม่พูดเปล่า สวี่ซีเดินอ้อมโต๊ะมาหาเขา คว้ามือข้างหนึ่งขึ้นไปกดจูบหนัก ๆ จนเต๋อจวิ้นงงกว่าเดิม

    “สวี่ซี นี่กลางวันแสก ๆ ทำอะไรเนี่ย”

    “ขอบคุณที่เลือกฉันนะ”

    เขานิ่งไปชั่วขณะ ก่อนตาจะเบิกกว้างเมื่อระลึกได้ว่าสวี่ซีกำลังพูดถึงอะไร

    “…นี่นาย...รู้?”

    แต่เจ้าบ้านสกุลหวงไม่ตอบ กลับคว้าเขาไปกอดแน่นจนใบหน้าจมลงไปในแผ่นอกกว้าง เต๋อจวิ้นได้ยินเสียงหัวใจอีกฝ่ายเต้นเร็วราวกับคนที่ไปออกกำลังมา ทั้งที่ความจริงสิ่งที่ทำมีแค่อ่านและเผาจดหมายฉบับหนึ่งเท่านั้น

    “ฉันรักอาจวิ้นมากจริง ๆ นะ”

    เซียวเต๋อจวิ้นฟังถ้อยคำนั้นอีกครั้งแล้วถอนหายใจ

    “ฉันรู้”

    เขารู้มาตลอด

    เพียงแต่รอเวลาที่สุดท้ายความรู้สึกของตนจะชัดเจนมากพอที่จะตอบรับสิ่งที่อีกฝ่ายหยิบยื่นมาให้

    “…ฉันก็รักสวี่ซีมากเหมือนกัน”

    ในตอนนี้ เวลานี้ หวงสวี่ซี คือคนที่ใช่ที่สุดสำหรับเขา

    หลังจากนี้ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร แต่เซียวเต๋อจวิ้นคิดว่า สิ่งที่เขาเลือกตอนนี้ คือสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว และเขาจะไม่เสียใจภายหลัง

    FIN

     

    แถม

    “ว่าแต่ ระหว่างอาจวิ้นกับกว้านเฮิง มีความลับอะไรกันหรือ”

    เสียงของสวี่ซีกระซิบถามในความมืด ทั้งที่ขาของพวกเขาทั้งสองยังก่ายเกี่ยวกันไปมา มือข้างหนึ่งของผู้เป็นสามีไล้ผิวแก้มของเขาอย่างแผ่วเบา

    เซียวเต๋อจวิ้นเลิกคิ้ว ช้อนตามองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย

    “ความลับ?”

    “ใช่ ความลับที่รู้กันแค่สองคนนั่นน่ะ”

    เขากะพริบตาช้า ๆ ใช้เวลาเรียบเรียงความคิดอยู่นาน ขณะที่สวี่ซียังสาละวนอยู่กับการประทับริมฝีปากลงบนช่วงคอและลาดไหล่ของเขาอย่างเพลิดเพลิน

    “…อ๋อ”

    สุดท้ายแล้วก็นึกออก

    “อะไรหรือ”

    “ไว้ถ้ากว้านเฮิงกลับมาเมื่อไหร่ ฉันจะบอกแล้วกัน” เขายิ้ม “หรือไม่ถ้าสวี่ซีทำตัวดี ๆ ไม่เกาะแกะกันจนเกินงาม อาจจะพิจารณาบอกเร็วกว่านั้นก็ได้”

    สวี่ซีทำหน้าหงอยเหมือนลูกหมาหูตก

    “งั้นไม่อยากรู้แล้วก็ได้”

    สุดท้ายแล้ว สวี่ซีก็คงไม่มีวันรู้เรื่องนี้จริง ๆ เพราะให้ตายก็คงไม่เลิกวอแวเกาะแกะเต๋อจวิ้นราวกับคนเสพติดขนาดนี้หรอก

     

    ––––––––––

     

    200101

    สวัสดีปีใหม่ค่ะทุกคนนน

    ในที่สุดมันก็จบ แบบ จบจริง ๆ แล้ว สำหรับคนที่รู้สึกว่า เห้ย ทำไมมันสั้นนัก –– คือแต่เริ่มเดิมที เรื่องนี้วางไว้ที่ไม่เกินห้าตอนอยู่แล้วค่ะ ตั้งใจจะเป็นฟิกสั้น ๆ เขียนแก้มือ แต่ก็ดองมาจนถึงขณะนี้ได้....................

    เป็นเฮนเซียว(?)ลูเซียวเรื่องแรกที่เขียนจบเลย และเป็นฟิกด้อมนี้เรื่องแรกที่เขียนจนจบด้วย 5555 ตื่นเต้นมากค่า ไว้มีโอกาสจะเขียนอะไรที่ยาวกว่านี้ แต่ไม่เขียนโอเมกาเวิร์สแล้วนะคะ เหนื่อยมาก ดิฉันต่อสู้กับประเด็นชนชั้นหนักมาก ถ้าเขียนเรื่องหน้าเต๋อจวิ้นคงเป็นโอเมก้านักฉอดเรียกร้องสิทธิ (ಥ_ಥ) มันจะกลายเป็นฟิกตลกจริง ๆ (เรื่องนี้ยังแอบตลก แบบ บางทีมันก็เผลอใส่จังหวะแบบนั้นเข้าไปโดยไม่รู้ตัว...)

    ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบและคนที่อดทนรอจนมันจบด้วยนะคะ สำหรับใครที่ผิดหวังนึกว่ามันจะยาวเป็นมหากาพย์สกุลหวง ก็ต้องขออภัยด้วยจริง ๆ (อีกรอบ) เพราะพ้มไม่ได้จะให้มันยาวเลย มันเป็นฟิกชั่ววูบ (แถมใช้ชินดันสุ่มพล็อตอีก) มันจบได้คืออะเมซิ่งมากแล้ว (เขียนตั้งแต่ไม่มีคนชิปลูเซียวจนเขาชิปกันเยอะแยะแร้วอะแม่)

    ก็ หวังว่าจะเป็นปีใหม่ที่ดีของทุกคนนะคะ

    คอมเมนต์ได้ที่นี่หรือ #wrficnct เช่นเดิมค่ะ

    love you all.

    ป.ล. ตอนท้ายที่แถมนั่น แค่ก

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in