เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
I love not man the less, but books moreรั่วชิงบ้านสกุลหาน
(Book) รีวิว แสงตะวันในฟ้าสีเทา
  • แสงตะวันในฟ้าสีเทา
    ผู้เขียน : เปยโม่ถิง
    ผู้แปล : Tear
    EverY
    เล่มเดียวจบ


              ตอนแรกไม่สนใจเรื่องนี้เพราะอ่านเรื่องย่อแล้วไม่ค่อยเข้าใจว่ามันจะเป็นเรื่องแนวไหนกันแน่ แต่ที่แน่นอนได้คือต้องเป็นแนวตัวเอกละครโศกแน่ๆ!

              มาเผลอเข้าไปอ่านตัวอย่างในเว็บยี่สิบกว่าหน้าก่อนวันพรีออเดอร์ช่วงงานหนังสือหนึ่งวันพอดี อ่านไปอ่านมาดันรู้สึกว่าน่าสนใจและชอบซะงั้น สุดท้ายเลยสั่งมาพร้อมกับลิสต์เรื่องอื่นๆ เสียเลย

              หนังสือเล่มหนาปาไปกว่าหกร้อยหน้านี่พูดถึง ลู่ฉง เด็กน้อยในหมู่บ้านอันห่างไกลที่มีพิธีกรรมและความเชื่อเป็นของตัวเอง เรียกว่าหลังเขาไกลปืนเที่ยงก็ไม่ผิด เด็กน้อยลู่ฉงอาศัยอยู่กับย่าที่เป็นหมอผี พ่อที่พิการหน้าตาอัปลักษณ์ และแม่ที่ถูกล่ามเอาไว้ในบ้านตลอดเวลา

              ชีวิตของลู่ฉงในวัยเด็กดูเหมือนจะไม่มีอะไรผิดแผกไปเท่าไรจนกระทั่งเขาอยู่ช่วงปีแรกของมัธยมปลาย ที่บ้านเกิดเหตุโศกนาฏกรรมขึ้น ย่ากับพ่อตาย เหลือแค่แม่ที่จิตไม่ปกติกับน้องสาวที่เพิ่งอายุหนึ่งขวบ เด็กสาวที่ลู่ฉงไม่อยากมองหน้าให้เต็มตา เด็กสาวที่ไม่มีแม้กระทั่งชื่อ สุดท้ายลู่ฉงตั้งชื่อให้เธอว่า อันเล่อ

              เพราะเหตุการณ์นั้นรุนแรงเกินรับไหว ชาวบ้านป่าพวกนี้ยังกลัวโชคร้าย ไม่มีใครอยากให้ลู่ฉงอยู่ที่นี่ต่อ ตัวลู่ฉงเองยังคิดอยากกระโดดน้ำให้ตายๆ ไปซะ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ มือหนึ่งอุ้มน้อง อีกมือจูงแม่ สุ่มเลือกเดินทางไปต่างเมืองและใช้ชีวิตแบบไร้ความหวังต่อไปนับตั้งแต่วันนั้น

              ถ้าให้พูดถึงก็ไม่นับว่าสปอยล์ เพราะมีเฉลยตั้งแต่บทแรกๆ แล้วว่าลู่ฉงและอันเล่อเกิดมาจากวิธีการที่น่ารังเกียจ แม่ของเขาถูกจับตัวมาเพื่อให้เป็นเมียพ่อ วันๆ ถูกขังอยู่ในบ้านจนกลายเป็นว่าสติไม่สมประกอบ ต่อมาจึงมีโรคกลัวคนแปลกหน้าโดยเฉพาะกับผู้ชาย

              ลู่ฉงมาอยู่ต่างเมืองต้องดูแลสามปากท้อง ทั้งแม่ทั้งอันเล่อ ไปๆ มาๆ เหมือนดูแลเด็กสองคน ความเป็นอยู่แน่นอนว่าไม่ดีนัก เขาหารายได้หลักจากการทำงานแบกหามที่ท่าเรือ ตอนกลางคืนไปรับจ้างย้ายบ้าน และนั่นทำให้เขาได้เจอกับ หลินจิ่น

              ครั้งยังเด็ก ลู่ฉงเคยช่วยเหลือ หลินชวนไป่ น้องชายของหลินจิ่นตอนมาเดินป่า โตมาได้ช่วยรับจ้างย้ายบ้านให้เขา หลินชวนไป่จำเขาได้ทันที ส่วนหลินจิ่นผู้เป็นพี่ชายก็ให้ความสนใจในตัวลู่ฉงตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้า

              พูดไปพูดมามันก็คือรักต่างชนชั้นจำพวกหนึ่ง ลู่ฉงยากไร้สุดๆ ในขณะที่หลินจิ่นก็ร่ำรวยไม่น้อย เขาสนใจในตัวเด็กหนุ่มที่ไปทำงานก็ต้องแบกน้องสาวไปด้วย ทำคล้ายกับสิงโตเย้าแหย่เหยื่อของมัน ค่อยๆ ตะล่อมทีละน้อยๆ โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว

              หลินจิ่นในมุมมองของลู่ฉงก็คือ "เป็นคนดี" เขาช่วยแนะนำลู่ฉงให้ได้ทำงานในร้านอาหารชื่อดังแสนเพียบพร้อม คัดเฉพาะเด็กหนุ่มหน้าตาดีอายุน้อย ขึ้นชื่อลือชาว่าบางครั้งก็มีการขายบางอย่างเกิดขึ้นตามแต่ความพอใจ และที่นั่นเองลู่ฉงได้เจอกับ จางฉือ บริกรหนุ่มหน้าสวยที่ยอมขายตัวเองเพื่อแลกกับการหาเงิน

              ฟังดูแล้วหนักหน่วงไม่น้อยกับพล็อตประมาณนี้ แต่เราชอบจางฉือมากเลย แถมตรงนี้ก็สะทกสะท้อนอะไรหลายอย่าง แน่นอนว่าจางฉือไม่ได้อยากทำ แต่เพราะความจนทำให้เขาอยากสบาย หาเงินได้ประมาณหนึ่งถึงตัดสินใจหยุด ช่วงที่ต้องการความช่วยเหลือก็มีลู่ฉงคอยดูแล สองคนนี้จึงนับเป็นเพื่อนที่ดูแลกันมานานตลอด อันนี้จะขยายความต่อทีหลัง

              อย่างที่บอกไปว่าลู่ฉงมองว่าหลินจิ่น "เป็นคนดี" พอเริ่มคิดเริ่มเปิดใจก็ตกลงคบกัน ตลอดเวลาหลินจิ่นดูแลเขาดีมาก ไม่เคยแสดงท่าทีรังเกียจอะไรด้วยซ้ำ แต่แน่นอนว่าเล่มหนาหกร้อยหน้าแบบนี้แต่รักกันตั้งแต่ครึ่งเล่มแรกให้แน่ใจได้เลยว่ามีฉากตัดสัมพันธ์กันแน่นอน

              และตอนนั้นก็เป็นอีกช่วงหนึ่งที่ลู่ฉงต้องเจอปัญหารุมเร้ารอบด้าน ในเวลานั้นข้างกายไม่มีใครนอกจากป้าห้องตรงข้ามที่ฝากให้ดูแลแม่กับอันเล่อเป็นครั้งคราว กับจางฉือที่ทำงานด้วยกันเท่านั้น

              หนังสือแบ่งออกหลักๆ เป็นสองพาร์ท ช่วงวัยเยาว์กับช่วงที่เป็นผู้ใหญ่ การแสดงออกถึงความรักของลู่ฉงแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดระหว่างครึ่งเล่มแรกกับครึ่งเล่มหลัง

              ครึ่งเล่มแรกเขายังเด็ก ยังเยาว์วัย แสดงออกถึงความรักอย่างเต็มที่ ในดวงตามีเพียงคุณคนเดียว แต่พอโตขึ้น ผ่านโลกมามากขึ้น เขาเริ่มเรียนรู้ที่จะรักอย่างระมัดระวัง รู้ว่าบางครั้งก็ไม่ควรแสดงออกมากเกินไป

              ถามว่าอีพระเอกมันเชี่ยมั้ยมันก็เชี่ยแหละ เข้าทำนองรู้ว่ามีของดีอยู่แต่กลับไม่ใส่ใจรักษา พอถึงเวลาขึ้นมาก็หาของที่ว่าไม่เจอ หลินชวนไป่เองก็เคยด่าพี่ชายทำนองนี้บ่อยๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลินจิ่นได้ทุกอย่างตามที่เขาต้องการ ดังนั้นจึงเลือกที่จะไปอย่างง่ายดาย การบอกเลิกก็สุดแสนจะชวนให้คนโมโห ดังนั้นพอต้องการอยากจะกลับมาเป็นเหมือนเก่าเลยต้องทุ่มค่อนข้างมากเหมือนกัน

              กว่าจะได้เจอกันอีกครั้งทั้งคู่ล้วนเป็นผู้ใหญ่ เขาที่เคยมั่นใจว่าตัวเองเป็นสามอันดับแรกของคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตลู่ฉง ตอนนี้กลับถูกเบียดตกไปรั้งท้าย แน่นอนว่าอันดับหนึ่งคืออันเล่อ สองคือจางฉือเบียดมากับ อวี๋เฟิง เพื่อนสาวของลู่ฉง ยังมีคุณน้าห้องตรงข้ามอีก โชคดีที่ไม่มีหมามีแมว ไม่งั้นพระเอกต้องถูกจัดลำดับต่ำกว่าสัตว์เลี้ยงแน่ๆ

              ความจริงจะพูดว่าน้ำเน่าก็พูดได้ไม่เต็มปากเพราะมันไม่ขนาดนั้น เอาจริงๆ คือพระเอกดูแลและใส่ใจนายเอกมาตลอด ไม่เคยรังเกียจที่จนเลยอันนี้คือเรื่องจริง เพียงแค่ช่วงนั้นตัดสินใจผิดพลาด ส่วนนายเอกก็ได้บทเรียนและเติบโตขึ้น ไม่ได้มีซีนแบบว่าชั้นไม่รักเธอชั้นจะหนีเธอไปให้ไกลแสนไกลอะไรแบบนี้ เป็นเรื่องของเหตุและผลล้วนๆ

              ที่สำคัญหนังสือมันไม่ได้โชว์แค่ความรักของคนคู่หนึ่งอย่างเดียวแต่มันให้เห็นโลกในหลายแง่มุม โลกแห่งความเหลื่อมล้ำ การพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดในสังคม การมองโลก ฯลฯ เราอ่านแล้วได้ข้อคิดหลายอย่างมากๆ จากหนังสือเล่มนี้เลยก็ว่าได้

              ความจริงมีคู่รองด้วยคือน้องชายของหลินจิ่น แต่บทรักไม่ได้เยอะอะไรนัก ไปหนักๆ ช่วงตอนพิเศษเอา คาแรคเตอร์ของหลินชวนไป่จะเป็นเหมือนผู้ใหญ่ไม่ยอมโต เราว่าเหมาะกันดีกับคนไม่พูดมากและดูแลคนอื่นได้อย่าง หลี่เจิ้งกั๋ว

              แต่ส่วนตัวเราชอบจางฉือที่สุด จางฉือนี่เรียกได้ว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมากับลู่ฉง ทำงาน ซื้อบ้าน จนกระทั่งมานั่งขี้เกียจรากงอกอยู่ในห้อง แทบจะเป็นครอบครัวเราสามคนอยู่แล้ว มีลู่ฉงเป็นหัวหน้าครอบครัว จางฉือกับอันเล่อเป็นลูกบ้าน (ขำมากตอนที่บรรยายเวลาจางฉืออยู่กับอันเล่อ เหมือนอันเล่อโดนบ่มเพาะนิสัยไม่ดีของจางฉือมาเต็มที่เลย หนูลูกกก)

              พูดถึงอันเล่อ ยัยเด็กคนนี้เป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาที่สุดในเรื่องแล้ว เพราะผู้ชายในเรื่องนี้เอ็นดูเธอมาก แทบจะเคยอุ้มเธอมากันทั้งนั้น จนตอนท้ายนางบ่นว่าทำไมใครๆ ก็เคยอุ้มหนูหมดเลย 5555

              จู่ๆ ก็นึกได้ว่าบรรยากาศความสู้ชีวิตของลู่ฉงมันคล้ายๆ กับเซี่ยงซีจากเรื่อง Out Of Tune หนึ่งในเรื่องโปรดของเรา แตกต่างกันตรงที่เซี่ยงซีตัวคนเดียวไม่มีใครแล้วได้มาเจอเฉิงโป๋เยี่ยนที่ห่วงเขาและให้ความช่วยเหลือเขาจากใจจริง มีรำคาญบ้างเป็นบางเวลาตามวิสัยมนุษย์แต่ยังไม่ได้คิดเรื่องอกุศล แต่ลู่ฉงไม่ได้ตัวคนเดียว ต้องหาเลี้ยงแม่และน้องตั้งแต่อายุยังน้อย และหลินจิ่นก็อยากแอ้มเด็กคนนี้อยู่ ค่อยๆ ตะล่อม ค่อยๆ วางแผนให้เค้าตกบ่วงจนตัวเองพอใจ แต่นางก็มีข้อดีของนางตรงที่ดูแลอีกฝ่ายอย่างไม่นึกรังเกียจนี่แหละ

              เอาเป็นว่าใครอยากหาอะไรหม่นๆ นิดหน่อยแต่ให้กำลังใจและข้อคิดได้ดีก็ควรซื้อมาอ่านนะ เล่มหนาตัวหนังสือเยอะ เราชอบเวลาได้จมไปกับอะไรแบบนี้มาก อ่านเพลินสุด

              Note: (สปอยล์ + ระบาย อยากอ่านคลุมดำ >>>>>) นี่เศร้ากับเรื่องจางหมิงที่ตามหาพ่อมาก แบบเฮ้อออโชคชะตามันเล่นตลกอะไรขนาดนั้น ตระเวนตามหาพ่อมาหลายเมือง ทำมาแล้วหลายปี เมียหนีไปแต่งงานใหม่ก็ยังไม่หยุดค้นหาพ่อตัวเองเพราะเชื่อว่าเขายังมีชีวิตอยู่ มันเศร้าตรงที่สุดท้ายคนเขียนก็ทิ้งไว้แค่นั้นในวันที่ลู่ฉงไปส่งจางหมิงเพื่อหาพ่อในเมืองอื่น วันที่ฝนตกหนัก (คิดว่าน่าจะเป็นที่มาของปกหนังสือ) และจนกระทั่งจบเรื่องไปเราก็ไม่มีทางรู้เลยว่าสุดท้ายจางหมิงหาพ่อตัวเองเจอมั้ย แงงงงง

              ก็ประมาณนี้ บายจ้าาา


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Oom Cartoon (@fb1284901078387)
ขอบคุณที่รีวิวนิยายดีๆให้ได้อ่านกันน้า เราตัดสินใจอ่านหลายเรืื่องจากที่แอดรีวิวค่ะ ทุกเรื่องที่อ่านรีวิวแล้วตามไปซื้ออ่านแล้วชอบม้ากกกกกกกกจริงๆ
@fb1284901078387 ฮือออ ขอบคุณนะคะะะ แต่ว่ารีวิวก็เป็นเรื่องของความรู้สึกของใครของมัน เราชอบเขียนอิงตามความรู้สึกของตัวเองเป็นหลักด้วย 5555 แสดงว่าเราสองคนมีความชอบคล้ายๆ กันนะเนี่ย
Yuki Warangkana (@fb5211119822247)
ตรงๆ เลยเรื่องนี้เห็นมานาน แต่นึกว่าเป็นโศกาละครเศร้าอมทุกข์ เลยยังไม่ซื้อ แต่ที่ตัดสินใจซื้อเพราะหน้าปก แฟนนักวาดน่ะค่ะ ส่วนที่กำลังจะตัดสินใจอ่าน เพราะคุณรีวิว เราชอบ out of tune
uminaka16 (@uminaka16)
ขอบคุณค่า รอรีวิวเรื่องนี้มาหลายวัน สรุปว่า ซื้อแหล่ะ ชอบละครชีวิต :)