[สถานที่: Penny's Comfort Foods]
(เมื่อเวอร์นอนเห็นคุณกับลุคอยู่ในร้านกับวินนี่และเวอร์นอน เขาชะงักไปครู่หนึ่ง แต่หลังจากนั้นก็ทำสีหน้าเยาะเย้ยออกมา)
เพโดร บรูกส์:
ตาแก่ ต่อให้มีทนายแล้วคิดว่าจะทำอะไรได้เหรอ ว่าความสู้กับบัลเดอร์ที่เป็นเบอร์หนึ่งเลยนะ ยังไงก็ไม่ชนะอยู่แล้ว ทำไมไม่เก็บเงินจ้างทนายนั่นไว้แล้วเอามาซื้อบริการพรีเมียมจากผมแทนล่ะ
วินนี่ คูเปอร์:
เห็นมั้ยคะคุณปู่ หมอนี่มันเดินทางผิดไปจนเกินจะเยียวยาแล้ว!
คุณ:
เพโดร…
(ร่างกายเวอร์นอนตอนนี้นั้นอยู่ในสภาพอ่อนแอ คุณกังวลว่าอาจจะเกิดเหตุลงไม้ลงมือขึ้นจึงคิดจะเดินไปยืนกั้นระหว่างคนทั้งสอง แต่ว่าลุคจับแขนคุณไว้และบีบเบา ๆ)
ลุค เพียร์ซ:
อย่าเพิ่งใจร้อนไป
(เขาขยิบตาให้คุณ และขยับของบางสิ่งในกระเป๋าให้ดู เป็นปากกาบันทึกเสียงนั่นเอง เขาคิดว่าเพโดรอาจจะอารมณ์เสียขึ้นมา และหลุดพูดทุกอย่างออกมาเองอย่างนั้นเหรอ)
เวอร์นอน กรีน:
เพโดร ทำไมยังไม่ลาออกมาอีก ตัวเธอควรรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันผิดกฎหมาย!
เพโดร บรูกส์:
ผิดกฎหมายเหรอ กฎหมายข้อไหนล่ะ มีหลักฐานหรือไง
คุณ:
มีสิ! สิ่งที่เกิดขึ้นในร้านอาหารแห่งนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นคดีวางยาพิษโดยเจตนา! พวกเราเจอใบเสร็จที่ชี้ว่าคุณเป็นคนซื้อยาฆ่าแมลงที่เป็นพิษกับคน คุณจะว่ายังไงล่ะคะ
(เพโดรเห็นหลักฐานที่คุณกับลุครวบรวมมาวางอยู่บนโต๊ะด้านหลัง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที)
เพโดร บรูกส์:
เก่งขึ้นเยอะเลยนี่ตาแก่ นอกจากพูดจาสั่งสอนฉันไม่หยุดไม่หย่อน ยังปลอมแปลงหลักฐานขึ้นมาด้วยงั้นเหรอ! ช่างเป็นตาแก่สองหน้าเสียจริง! ต่อหน้าก็ดีกับฉัน แต่ลับหลังกลับโยนความผิดให้ฉันเพื่อตัวเองจะได้พ้นผิด! แกนี่มันหน้าไหว้หลังหลอกเหลือเกินนะ!
วินนี่ คูเปอร์:
เพโดร นายกล้าว่าคุณปู่ว่าหน้าไหว้หลังหลอกได้ยังไง! เขาไม่เคยทำอะไรผิดต่อนายเลยสักครั้งนะ!
เพโดร บรูกส์:
เหลวไหล! มันแหงอยู่แล้วว่าเขาต้องขอโทษฉัน! ถ้าฉันไม่หน้าตาเหมือนลูกชายที่ตายไปของเขา เขาก็คงไม่โน้มน้าวฉันให้เข้าวิทยาลัยแล้วอยู่ในสเตลลิสหรอก! เขารู้บ้างหรือเปล่าเถอะว่าการปรับตัวและเอาชีวิตรอดในเมืองนี่มันยากขนาดไหน! ลืมเรื่องซื้อบ้านหรือลงหลักปักฐานไปได้เลย แค่หาเงินจ่ายค่าเช่าห้องกับซื้อข้าวกินก็หืดขึ้นคอแล้วในเมืองที่แข่งขันกันสูงลิบลิ่วขนาดนี้! ตาแก่นี่เป็นคนบีบให้ฉันตกอยู่ในสภาพนี้ เพราะงั้นเขาควรรับผิดชอบฉันสิ!
อีกอย่าง การให้เงินสนับสนุนลูกชายตัวเองในหน้าที่การงานเนี่ย มันก็เรื่องปกติไม่ใช่หรือไง
วินนี่ คูเปอร์:
นายนี่มัน…เกินเยียวยาแล้วจริง ๆ
เพโดร บรูกส์:
นี่ฉันก็ยุติธรรมอยู่นะ ถ้าเขาสมัครบริการของบริษัทฉัน เขาก็ได้โปรโมตธุรกิจของตัวเอง ส่วนฉันก็ทำยอดได้ตามเป้า มันไม่แฟร์ตรงไหนกัน แต่เขาดันเลือกที่จะเล่นบทบาทฮีโร่ โยนเงินตัวเองไปให้พวกนักเรียนชั้นต่ำพวกนั้น! แล้วดูตอนนี้สิ มีนักเรียนหน้าไหนเข้ามาช่วยเขาบ้างไหมล่ะ ไม่มีสักคน มีแต่เธอนั่นแหละ แต่เธอก็มาอยู่ตรงนี้เพราะอยากได้เงินเขาเพื่อเรียนในวิทยาลัยต่อเท่านั้นล่ะสิ! นี่ไง ผลกรรมของคนที่ทำตัวย้อนแย้ง! เอางี้มั้ยล่ะ สมัครบริการพรีเมียมซะ แล้วฉันก็จะได้ทำยอดได้ตามเป้าไง
(ทุกคนช็อกในความหน้าไม่อายของเพโดร เวอร์นอนมองเพโดรด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ คำพูดเหล่านั้นกระทบจิตใจเขาอย่างรุนแรง)
วินนี่ คูเปอร์:
คุณปู่คะ!
(บรรยากาศสงบเงียบของร้านอาหารถูกแทนที่ด้วยเสียงหายใจถี่รัวของเวอร์นอน เขากุมหน้าอกและทรุดลงไปเพราะความเจ็บปวด คุณกับลุคเคลื่อนตัวไปดูอาการของเวอร์นอน แต่เพโดรกลับพุ่งตัวไปทางหลักฐานบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว ลุคคว้าข้อมือเพโดรไว้ได้ทันท่วงที)
เพโดร บรูกส์:
โอ๊ย! ปล่อยดิวะ!
(สีหน้าเพโดรซีดลงเพราะความเจ็บปวด ไม่สามารถสลัดแขนตัวเองให้หลุดออกจากการจับกุมของลุคได้ เพโดรจึงเหวี่ยงหมัดด้วยมืออีกข้างเพื่อโจมตีแทน ทว่าลุคป้องกันไว้ได้และบิดข้อมือเขาเป็นการโต้กลับ เพโดรร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะลุคล็อกแขนเขาไว้ที่หลังและตรึงเขาลงกับพื้นด้วยสีหน้าไร้ความปรานีราวกับใบมีดที่คมกริบ)
ลุค เพียร์ซ:
คุณเพโดร บรูกส์ อย่าพยายามทำลายหลักฐานเลย ถ้าคุณยอมรับผิดและสามารถเป็นพยานในคดีอาญาของ DeliCart ได้ คุณมีโอกาสที่จะได้ลดโทษกึ่งหนึ่งนะครับ
คุณ:
ไม่ใช่ว่าคุณน่ะกังวลว่าหลังจากลาออกไปแล้วจะหางานดี ๆ ทำไม่ได้หรอกเหรอคะ วางใจได้เลยค่ะ ในคุกน่ะ ทั้งกินอิ่มหลับสบาย แล้วก็มีงานให้ทำแน่นอน ไม่มีอะไรให้คุณต้องกังวลใจสักนิดเดียว
เพโดร บรูกส์:
นี่เธอ! ฉันเตือนไว้ก่อนเลยนะ เครือแพ็กซ์น่ะหนุนหลังพวกเราอยู่! เธอไม่อยากมีเรื่องกับเราหรอกใช่ไหม!
คุณ:
เครือแพ็กซ์มีตระกูลวอน ฮาเกนที่ร่ำรวยเป็นเจ้าของแล้วมันยังไง คุณคิดว่าแค่มีเงินแล้วจะสามารถอยู่เหนือกฎหมายได้งั้นเหรอคะ! ความยุติธรรมน่ะไม่เอนเอียงต่อสิ่งใดทั้งนั้น! ฉันจะสู้คดีให้คุณกรีนในชั้นศาล ต่อให้ต้องสู้ไปจนถึงชั้นศาลฏีกาฉันก็จะทำ แม้จะต้องเผชิญหน้ากับเครือแพ็กซ์ก็ตามค่ะ!
คุณ:
ป-ปล่อยเขาไปเถอะ…ฉันจะจ้างเธอเป็นทนายฝ่ายจำเลยของฉัน แล้วก็จะตัดความสัมพันธ์ทุกอย่างกับเขาด้วย!
เพโดร บรูกส์:
ท-ทำแบบนั้นไม่ได้นะ!
(ลุคลากตัวเพโดรไปทางประตู จากนั้นก็เหวี่ยงเขาออกไปนอกร้าน)
ลุค เพียร์ซ:
จากนี้ไปอย่าได้คิดมาคุกคามคุณกรีนที่นี่อีก นายคงไม่อยากรู้หรอกว่าถ้าไม่ยอมทำตามที่ฉันบอกแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
(ลุคปิดประตูใส่หน้าเพโดรและง่วนอยู่กับกลอนประตูอยู่พักหนึ่งเพื่อนำลายนิ้วมือของเพโดรออกไปจากฐานข้อมูลของกลอน หลังจากโดนลุคขู่ เพโดรก็กุลีกุจอลุกขึ้นและจากไปทันที)
คุณ:
คุณกรีน ให้เราเรียกรถพยาบาลให้ไหมคะ
(วินนี่ให้เวอร์นอนทานยาไปแล้ว แต่คุณก็ยังเป็นกังวลอยู่ดี)
เวอร์นอน กรีน:
ฉันไม่เป็นไรแล้ว…เอาสัญญามาเถอะ ฉันจะเซ็นเดี๋ยวนี้แหละ พ่อหนุ่มพูดถูก วิธีช่วยเพโดรที่ดีที่สุดคือการลากบริษัทนั่นเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมซะ ฉันกังวลเรื่องเบื้องลึกเบื้องหลังของบริษัทมากเกินไป อายุปูนนี้แล้วแท้ ๆ ยังมีความกล้าหาญไม่เท่าแม่หนูคนนี้เลย
เวอร์นอน กรีน:
ชมกันเกินไปแล้วค่ะ…
ลุค เพียร์ซ:
คุณพูดถูก จะไปหาทนายที่มีคุณธรรมมากไปกว่าเธอคนนี้คงไม่มีแล้วล่ะครับ เธอจะว่าความชนะแน่นอน
(หลังจากเวอร์นอนเซ็นสัญญาจ้างทนายความแล้ว คุณกับลุคก็ตัดสินใจที่จะนำกล้องวงจรปิดกลับไปซ่อมที่สำนักงานของลุค เวอร์นอนจะได้พักผ่อน คุณรู้สึกวางใจลงได้พอเห็นว่าวินนี่อยู่ดูแลเวอร์นอน)
[ได้รับหลักฐาน ‘บันทึกเสียงคำสารภาพของเพโดร’]
คุณ:
คุณกรีน พวกเราขอตัวก่อนนะคะ
(พอออกมาจากร้านอาหารแล้ว ลุคบอกว่าสำนักงานของเขาก็คือบ้านหลังที่เป็นมรดกตกทอดมาจากพ่อแม่ ซึ่งมันอยู่ไม่ไกลจาก Penny's Comfort Foods มากนัก ทั้งสองคนเลยเลือกที่จะเดินเท้าไปแทนที่จะโบกแท็กซี่แล้วไปติดแหง็กอยู่บนท้องถนน)
ทำไมเธอจ้องหน้าฉันขนาดนี้ล่ะ
คุณ:
ฉันไม่ได้เห็นหน้านายมานานมากเลย มีเรื่องที่อยากบอกเยอะเลยล่ะ ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี
ลุค เพียร์ซ:
ฉันก็เหมือนกัน ตอนที่ฉันจากไป ฉัน…ฉันคิดเรื่องเธอตลอดเลย มีเรื่องราวมากมายที่ฉันอยากจะแบ่งปันกับเธอ ตอนนี้เราก็ได้กลับมาเจอกันแล้ว ฉันรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรออกมาก็ได้ แค่เห็นเธอสบายดีก็พอแล้วล่ะ
คุณ:
อย่าเก็บทุกอย่างไว้คนเดียวสิ ฉันอยากฟังนะ!
ลุค เพียร์ซ:
เรื่องเล่าฉันน่ะยาวมากเลยนะ คุณพอจะจัดตารางเวลาให้เรื่องเล่าของผมได้ไหมล่ะครับ คุณทนาย
[สนทนากันระว่างเดินไปบ้านลุค]
คุณ:
ลุค นายกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ ทำไมนายไม่ติดต่อฉันมาล่ะ
ลุค เพียร์ซ:
เอ่อ…ฉันเพิ่งกลับมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้-
คุณ:
ขอความจริงด้วยค่ะ
ลุค เพียร์ซ:
ก็ได้ ฉันกลับมาได้ระยะนึงแล้วล่ะ แต่ยุ่ง ๆ อยู่กับพวกงานด่วนเลยไม่มีเวลาไปเจอเธอเลย
[คุยเรื่องส่วนสูง]
ลุค เพียร์ซ:
มือเธอ…วัดส่วนสูงฉันอยู่งั้นเหรอ
คุณ:
แน่นอนสิ ฉันอยากรู้ว่านายสูงขึ้นมาขนาดไหนนี่นา ทำไมอายุเลย 20 แล้วแต่ยังสูงขึ้นได้อีกล่ะ นายต้องสูงประมาณ 180 ซม.แล้วแน่ ๆ
ลุค เพียร์ซ:
ตอนฉันออกเมืองไปฉันอายุ 16 เอง แน่นอนว่าต้องสูงขึ้นอยู่แล้วสิ ตอนนี้ฉันสูง 180 เป๊ะ ๆ เลย คุณทนายพอใจกับเลขนี้ไหมครับ
[คุยเรื่องสร้อยคอลุค]
คุณ:
นายยังเก็บกุญแจดอกนั้นไว้อยู่เหรอ
ลุค เพียร์ซ:
แหงสิ ก็เธอเป็นคนให้มานี่นา
[คุยเรื่องสีผิวลุค]
คุณ:
ถ้าเทียบกับเมื่อก่อน ผิวนายตอนนี้นี่…
ลุค เพียร์ซ:
คล้ำขึ้นใช่ไหมล่ะ เธอรู้มั้ย ฉันอยากผิวออกแทน ๆ มาตลอดเลย ฉันไม่ชอบที่ตัวเองถูกบอกว่าผิวขาวน่ะ
คุณ:
ฮะ ๆ นั่นแหละที่ฉันจะบอก นายยังผิวขาวเหมือนเดิมเลยนะ! หลายปีมานี้ไม่ใช่ว่านายหมกตัวทำการทดลองอยู่ในแล็บเหรอ คนเราจะผิวคล้ำขึ้นได้ยังไงเล่าถ้าอยู่แค่ในแล็บน่ะ
ลุค เพียร์ซ:
อย่าทำกันอย่างนี้ซี่ พูดตรงจังเลยน้าเธอเนี่ย
[ใกล้ถึงสำนักงานนักสืบแล้ว]
ลุค เพียร์ซ:
จะถึงแล้วล่ะ สำนักงานฉันอยู่ข้างหน้านี่เอง
คุณ:
เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ไปเหยียบสำนักงานนักสืบ ฉันตั้งตารออยู่นะคะ คุณนักสิบเพียร์ซ!
ลุค เพียร์ซ:
รับรองได้เลยว่าไม่ผิดหวังแน่!
(ทั้งคุณและลุคพูดคุยและหัวเราะกันมาตลอดทั้งทาง ทว่า ป้ายที่ปรากฎสู่สายตาของคุณนั้น…)
คุณ:
ลุค ตึกสามชั้นนี่คือบ้านนายใช่ไหม แล้วป้าย “กาลเก่า” นี่คือ? ไม่ใช่ว่าชื่อมันควรจะเป็น “สำนักงานนักสืบเอกชนเพียร์ซ” อะไรแบบนี้หรอกเหรอ หรือนายปล่อยชั้นแรกให้คนอื่นเช่ากัน
ลุค เพียร์ซ:
ก็เพราะพวกนักสืบเอกชนที่ขยั้นขยันบางคนนั่นแหละ คนก็เลยชอบเข้าใจผิดว่าเราเป็นปาปารัสซี ลูกค้าส่วนใหญ่เลยไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองมาที่สำนักงานนักสืบ ฉันก็เลยเปิดร้านของเก่าขึ้นมาเพื่อทำให้งานมันสะดวกขึ้นน่ะ ห้องทำงานนักสืบฉันอยู่บนชั้นสองโน่น
คุณ:
งี้นี่เอง…
(ตอนแรกคุณคิดว่าร้านของเก่าชั้นแรกเป็นแค่ร้านที่เปิดไว้แค่บังหน้าเท่านั้น แต่พอเดินเข้าไปในร้าน คุณรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้ก้าวเข้ามาในโลกอีกใบเสียแล้ว
[สถานที่: ร้านกาลเก่า]
(ภายในร้านไม่ได้กว้างอะไรมากมาย แต่กลับเต็มไปด้วยของเก่าทุกประเภทจากหลายยุคสมัย เช่น นาฬิกาไขลานตรงหน้าคุณที่มีนกสาลิกาทองเกาะบนกิ่งไม้ประดับอยู่ โดยมันจะกระพือปีกตรงกับลานนาฬิกาที่ขยับไปมา กล่องดนตรีไม้ที่อยู่บนชั้นข้าง ๆ กันกำลังเล่นเพลง “Clair de lune” ของศิลปิน Claude Debussy อยู่ พอคุณขยับเข้าไปใกล้ก็ได้กลิ่นไม้แซนดัลลอยมาแตะจมูกเบา ๆ ตะเกียงลานที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาอย่างวิจิตรงดงาม หนังสือการ์ตูนครบชุด โคมไฟตั้งโต๊ะทำจากทองเหลืองที่ดีไซน์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวในพระคัมภีร์ไบเบิล ของพวกนี้ทำให้คุณรู้สึกราวกับว่าได้ย้อนเวลาจากปี 2030 ที่คุณอยู่ตอนนี้กลับไปสู่อดีตเลย)
ลุค เพียร์ซ:
ชอบมั้ย เจ๋งใช่ปะล่ะ ถึงจะเรียกไม่ได้ว่าเป็นของโบราณจริง ๆ แต่สิ่งของจากศตวรรษที่แล้วก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวในแบบของมันล่ะนะ
คุณ:
นี่ของสะสมนายทั้งหมดเลยเหรอ
ลุค เพียร์ซ:
ถ้าพูดให้ถูกก็…แค่บางอย่างนะ ฉันถือว่าตัวเองกำลังเก็บรักษาของเหล่านี้ไว้ จนกว่าวันที่เจ้าของที่แท้จริงจะหามันพบ ของแต่ละชิ้นล้วนมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง ก็คือมีเรื่องราวในอดีตถูกกักเก็บไว้ภายใน และมีเรื่องราวในอนาคตกำลังรอคอยอยู่ข้างหน้า
(ลุคเดินไปที่เคาน์เตอร์ เพียงแค่กดปุ่ม ๆ หนึ่งไป เคาน์เตอร์ธรรมดาก็เปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงานแสนไฮเทคทันที โต๊ะนี่คงเป็นของที่ “อายุน้อยที่สุด” ในร้านแล้วละนะ)
ลุค เพียร์ซ:
ขอเวลาเอาเมมโมรีการ์ดออกมาสักสิบนาที เธอจะจับเวลาก็ได้นะ
คุณ:
โอเคเลย งั้น เริ่มจับเวลาละนะ!
ลุค เพียร์ซ:
ด-เดี๋ยวสิ ขี้โกงนี่! ฉันยังไม่ได้เอาเครื่องมือออกมาเลยด้วยซ้ำ!
(ท่าเริ่มกดปุ่มจับเวลาบนมือถืออันแสนโอเวอร์ของคุณกระตุ้นให้ลุครีบงัดกล่องเครื่องมือเขาออกมาจากโต๊ะทำงานอย่างรวดเร็ว เขาเงียบไปเนื่องจากกำลังจดจ่อกับงานที่มือ ทำให้คุณนึกถึงเมื่อหลายปีก่อนที่เขาตั้งใจอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดเพื่อไปแข่งขันวิชาการ แต่ลุคตรงหน้าคุณตอนนี้ไม่ใช่เด็กห่าม ๆ ในความทรงจำของคุณอีกต่อไปแล้ว เขาโตมาเป็นผู้ชายที่มีความเป็นผู้ใหญ่และพึ่งพาได้ นี่คือผลจากการไปเรียนต่อแปดปีของเขาอย่างนั้นเหรอ จู่ ๆ คุณก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาเพราะรู้สึกว่าทั้งคุณและเขาต่างพลาดที่จะได้เห็นความเป็นไปในชีวิตของอีกฝ่ายไปหลายอย่างเลย)
ลุค เพียร์ซ:
พ่อแม่เธอเป็นไงบ้าง ฉันยังไม่มีเวลาไปเยี่ยมพวกท่านเลยตั้งแต่กลับมาที่นี่
คุณ:
ตอนที่ฉันเรียนอยู่ที่วิทยาลัย พ่อกับแม่ก็โดนว่าจ้างไปเป็นนักวิจัยในโปรเจ็กต์วิจัยลับเหมือนกับนายเลย
(มือของลุคหยุดชะงักลง)
ลุค เพียร์ซ:
โปรเจ็กต์วิจัยลับงั้นเหรอ
คุณ:
ใช่แล้ว ไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับคนภายนอกหรอกนะ แต่อย่างน้อยเขาก็ยังส่งโปสการ์ดวันหยุดกับเงินมาให้อยู่เรื่อย ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ แต่เขาก็เป็นพวกบ้าวิจัยทั้งคู่ ฉันเลยคิดว่าคงไม่เป็นอะไรกันหรอก
(ลุคดูโล่งใจขึ้นหลังจากได้ยินคุณพูดแบบนั้น จึงลงมือทำงานตัวเองต่อ)
ลุค เพียร์ซ:
งั้นเหรอ ดีแล้วล่ะ ถ้าเธอมีโอกาส ฝากบอกพวกเขาด้วยว่าฉันกลับมาที่สเตลลิสแล้ว เขาจะได้รู้ว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้ว เพราะว่าฉันจะดูแลเธอเอง
คุณ:
แหม ช่างเป็นผู้ใหญ่เหลือเกินน้า คงไม่ได้วางแผนจะก่อเรื่องอะไรอยู่หรอกใช่ไหม ตอนเด็ก ๆ ฉันโดนดุไปด้วยทุกทีเพราะนายลากฉันไปทำโน่นทำนี่ด้วยเนี่ย
ลุค เพียร์ซ:
ไม่เอาน่า เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว
เอาล่ะ ทำภารกิจเสร็จสิ้น ฉันใช้เวลาไปเท่าไหร่เอ่ย
คุณ:
เจ็ดนาทีครึ่ง สุดยอดเลย!
ลุค เพียร์ซ:
เห็นยังว่าไม่ได้โม้
(คุณรับเมมโมรีการ์ดมาจากลุคและเสียบเข้ากับแท็บเล็ตของคุณ ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นถึงประตูหน้าของร้านอาหาร)
ลุค เพียร์ซ:
จากที่คุณกรีนเล่าให้ฟัง เพโดรสามารถวางยาในน้ำได้แค่ช่วง 06:30 ถึง 08:00 ที่ไม่มีใครอยู่ร้านเท่านั้น
(คุณกรอวีดิโอไปจนถึงเวลาดังกล่าวและเล่นวีดิโอด้วยความเร็วคูณสอง เป็นไปตามคาด เพโดรปรากฏตัวขึ้นในวีดิโอจริง ๆ)
คุณ:
นั่นไง! เขาเข้าร้านมาตอน 07:28 และออกไปตอน 07:43 เขามีเวลาเหลือเฟือในการก่อเหตุเลย
(ในวีดิโอ คุณเห็นเพโดรล้วงมือลงไปในกระเป๋าตุง ๆ นั่นคงเป็นยาฆ่าแมลงสูตร 330 แต่ว่า ภาพวงจรปิดไม่ได้จับภาพเพโดรตอนก่อเหตุไว้ได้ชัด ๆ เพราะจุดที่กล้องติดตั้งอยู่)
[ได้รับหลักฐาน ‘ภาพวงจรปิดจากประตูหน้าร้าน’]
(ภาพวงจรปิดไม่ได้จับภาพไว้แค่เพโดร หากแต่ยังจับภาพคนที่มาส่งถังน้ำ รวมไปถึงเวอร์นอนและคนดูแลเขาออกไปจากร้านจนกระทั่งกลับเข้าร้านมาอีกครั้ง ช่วงท้ายของวีดิโอแสดงภาพเวอร์นอนที่ทุบกล้องวงจรปิดทิ้งหลังจากพนักงานของสำนักงานรับรองความปลอดภัยด้านอาหารกลับไปแล้ว”
ลุค เพียร์ซ:
ที่คุณกรีนคงสงสัยเรื่องที่เพโดรมีเอี่ยวกับคดีคงเป็นเพราะผลการดำเนินงานของเขาใน DeliCart บวกกับแรงกดดันที่เขาได้รับจากการที่ต้องทำยอดให้ถึงเป้า
คุณ:
คุณกรีนคงไม่เก่งเทคโนโลยีแน่ ๆ หรือไม่ก็คงเพิ่งนึกได้ทีหลังว่าเมมโมรีการ์ดยังอยู่ในกล้องหลังจากพังมันไปแล้ว
ลุค เพียร์ซ:
แล้วก็ไม่รู้เรื่องวิธีที่เพโดรใช้ก่อเหตุด้วย เขาคงคิดว่าเพโดรใส่ยาฆ่าแมลงลงไปในถังน้ำอย่างเดียว เพราะงั้นเราเลยเจอหลักฐานหลายอย่างมาก
คุณ:
เรารวบรวมหลักฐานมาได้พอสมควรเลยนะ ฉันว่าจะจัดระเบียบข้อมูลพวกนี้ซะหน่อยเพราะต้องเอาไปว่าความวันพุธแล้ว
ลุค เพียร์ซ:
ให้ฉันช่วยนะ
หลักฐานที่ได้รับเพิ่มมาในตอนนี้
บันทึกเสียงคำสารภาพของเพโดร
ในที่บันทึกเสียงนี้ เพโดรได้ยอมรับว่าตนได้รับแรงกดดันจากนายจ้าง และยังยอมรับด้วยว่าต้องการให้เวอร์นอนซื้อบริการพรีเมียมของ DeliCart เพื่อทำยอดขายของตนให้ถึงเป้า
ภาพวงจรปิดจากประตูหน้าร้าน
ภาพจากกล้องวงจรปิดจากประตูหน้าของร้านอาหารที่แสดงภาพเพโดรเข้าร้านอาหารมา
*edited 23/07/22 เพราะลืมใส่หลักฐานมาอันนึงค่ะ
*edited 24/07/22 แก้ไขชื่อ 'บันทึกเสียงคำสารภาพของเวอร์นอน' เป็น 'บันทึกเสียงคำสารภาพของเพโดร' นะคะ ขอโทษจริง ๆ ค่ะ ฉันเบลอเอง T_T
Talk:
ฉันกับเพื่อนที่นั่งอ่านตอนนี้: ขอทุบเพโดรสักทีเถอะ
แปลไปโมโหไปคะ ฮึ่ม เจ้าหมอนี่มัน อยากทุบชะมัดเลย
ตอนนี้แปลยากจนฉันชักกลัวตอน 1-16 ที่เป็นตอนขึ้นศาลเลยค่ะ...
ถ้าให้พูด ปัญหามันอยู่ที่แปลอังกฤษปรับบริบทคำไปค่อนข้างเยอะเพื่อให้อ่านง่ายขึ้น แต่ว่าไทยเรามันดันมีวิธีบรรยายกับวัฒธนธรรมใกล้จีนมากกว่าอังกฤษน่ะสิคะ…บางท่อนคือหนังคนละม้วนแบบสุด ๆ ไปเลย
ปัญหาเรื่อง lost in translation นี่น่าหนักใจสำหรับงานแปลเสมอจริง ๆ
น้องนางเอกเวอร์ชันจีนตอกหน้าเพโดรได้ถึงพริกถึงขิงกว่าอังกฤษมากเลยค่ะ…
จะว่าไป อยากเล่าเรื่องชื่อร้านของลุคมากเลยค่ะ คือฉันนั่งดูชื่อร้านของภาษาอังกฤษกับญี่ปุ่น ส่วนเพื่อนนั่งดูภาษาจีนให้ แล้วก็นั่งคุยกันเรื่องที่ว่า แปลชื่อร้านดีไหมนะ อยากลองแปลดูจัง อยากทำให้คนอ่านชื่อร้านแล้วพอจะเดาได้ว่านี่ร้านของเก่านะ เพราะต้นฉบับจีนก็เป็นแบบนั้นน่ะค่ะ
คืออย่างร้านอาหารปู่เวอร์นอนเขาก็มีคำว่า Foods อยู่แล้ว หลาย ๆ คนน่าจะอ่านแล้วเดาได้ทันทีว่าเอ้อ อันนี้ร้านอาหารนะ ฉันเลยอยากให้ร้านของเก่าของลุคเป็นแบบนั้นบ้างค่ะ
ร้านลุค เวอร์อังกฤษใช้ชื่อว่า
[Time’s Antiquities] แปลคร่าว ๆ ก็ความโบราณของกาลเวลา
เพราะคิดว่าคนน่าจะไม่คุ้นคำว่า antiquities ที่แปลว่าความโบราณกัน ฉันเลยคิดเรื่องแก้ชื่อร้านให้เป็นชื่อไทยขึ้นมาล่ะค่ะ
เวอร์ชันจีนใช้ว่า
[时光古物 店]
时光 ช่วงเวลา มักเน้นถึงช่วงเวลาในอดีตที่ส่งผลต่อความรู้สึก/ ส่งผลกระทบทางใดทางหนึ่ง
古物 ของเก่า
店 ร้านค้า
ส่วนเวอร์ชันญี่ปุ่นก็
[タイムズショップ]
เป็นทับศัพท์ภาษาอังกฤษของคำว่า Time’s Shop แปลคร่าว ๆ ก็ร้านของเวลา
พอมาดูแบบนี้ก็เห็นว่าทุกภาษามันมีคำว่าเวลาหมดเลย ก็เลยนึกถึงคำว่า กาล ของไทยขึ้นมาค่ะ บวกกับที่ฉันรู้สึกว่าคนบ้านเราชอบตั้งชื่อร้านง่าย ๆ สั้น ๆ ก็เลยเอาคำว่าเก่ามาต่อค่ะ ก็เลยออกมาเป็นร้าน ‘กาลเก่า’ แบบที่ทุกคนเห็นกัน
จริง ๆ ฉันก็เคยคิดเรื่องแก้ชื่อ Penny's Comfort Foods อยู่นะคะ ถ้าเป็นร้านอาหารไทยก็คนมาแนว ๆ ครัวป้าเพ็นนี / ครัวคุณเพ็นนี / ครัวบ้านเพ็นนี / ร้านอาหารบ้านเพ็นนี อะไรแบบนี้น่ะค่ะ (ฮา)
หรือว่าฉันควรจะแก้ดีนะ…
ช่างมันก่อนแล้วกันค่ะ ตอนนี้ช่วงทอล์กจะยาวเกินไปแล้ว!
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
ขอให้เป็นวันที่ดีค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in