เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
แปลเกม Tear of ThemisCynthia-T
TOT: เนื้อเรื่องหลัก 1-13
  • TOT: มือที่คอยอุ้มชู 1-13




    [สถานที่: Penny's Comfort Foods]


    (เมื่อเวอร์นอนเห็นคุณกับลุคอยู่ในร้านกับวินนี่และเวอร์นอน เขาชะงักไปครู่หนึ่ง แต่หลังจากนั้นก็ทำสีหน้าเยาะเย้ยออกมา)



    เพโดร บรูกส์:

    ตาแก่ ต่อให้มีทนายแล้วคิดว่าจะทำอะไรได้เหรอ ว่าความสู้กับบัลเดอร์ที่เป็นเบอร์หนึ่งเลยนะ ยังไงก็ไม่ชนะอยู่แล้ว ทำไมไม่เก็บเงินจ้างทนายนั่นไว้แล้วเอามาซื้อบริการพรีเมียมจากผมแทนล่ะ


    วินนี่ คูเปอร์:

    เห็นมั้ยคะคุณปู่ หมอนี่มันเดินทางผิดไปจนเกินจะเยียวยาแล้ว!


    คุณ:

    เพโดร…


    (ร่างกายเวอร์นอนตอนนี้นั้นอยู่ในสภาพอ่อนแอ คุณกังวลว่าอาจจะเกิดเหตุลงไม้ลงมือขึ้นจึงคิดจะเดินไปยืนกั้นระหว่างคนทั้งสอง แต่ว่าลุคจับแขนคุณไว้และบีบเบา ๆ)


    ลุค เพียร์ซ:

    อย่าเพิ่งใจร้อนไป


    (เขาขยิบตาให้คุณ และขยับของบางสิ่งในกระเป๋าให้ดู เป็นปากกาบันทึกเสียงนั่นเอง เขาคิดว่าเพโดรอาจจะอารมณ์เสียขึ้นมา และหลุดพูดทุกอย่างออกมาเองอย่างนั้นเหรอ)


    เวอร์นอน กรีน:

    เพโดร ทำไมยังไม่ลาออกมาอีก ตัวเธอควรรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันผิดกฎหมาย!


    เพโดร บรูกส์:

    ผิดกฎหมายเหรอ กฎหมายข้อไหนล่ะ มีหลักฐานหรือไง


    คุณ:

    มีสิ! สิ่งที่เกิดขึ้นในร้านอาหารแห่งนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นคดีวางยาพิษโดยเจตนา! พวกเราเจอใบเสร็จที่ชี้ว่าคุณเป็นคนซื้อยาฆ่าแมลงที่เป็นพิษกับคน คุณจะว่ายังไงล่ะคะ


    (เพโดรเห็นหลักฐานที่คุณกับลุครวบรวมมาวางอยู่บนโต๊ะด้านหลัง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที)


    เพโดร บรูกส์:

    เก่งขึ้นเยอะเลยนี่ตาแก่ นอกจากพูดจาสั่งสอนฉันไม่หยุดไม่หย่อน ยังปลอมแปลงหลักฐานขึ้นมาด้วยงั้นเหรอ! ช่างเป็นตาแก่สองหน้าเสียจริง! ต่อหน้าก็ดีกับฉัน แต่ลับหลังกลับโยนความผิดให้ฉันเพื่อตัวเองจะได้พ้นผิด! แกนี่มันหน้าไหว้หลังหลอกเหลือเกินนะ! 



    วินนี่ คูเปอร์:

    เพโดร นายกล้าว่าคุณปู่ว่าหน้าไหว้หลังหลอกได้ยังไง! เขาไม่เคยทำอะไรผิดต่อนายเลยสักครั้งนะ!


    เพโดร บรูกส์:

    เหลวไหล! มันแหงอยู่แล้วว่าเขาต้องขอโทษฉัน! ถ้าฉันไม่หน้าตาเหมือนลูกชายที่ตายไปของเขา เขาก็คงไม่โน้มน้าวฉันให้เข้าวิทยาลัยแล้วอยู่ในสเตลลิสหรอก! เขารู้บ้างหรือเปล่าเถอะว่าการปรับตัวและเอาชีวิตรอดในเมืองนี่มันยากขนาดไหน! ลืมเรื่องซื้อบ้านหรือลงหลักปักฐานไปได้เลย แค่หาเงินจ่ายค่าเช่าห้องกับซื้อข้าวกินก็หืดขึ้นคอแล้วในเมืองที่แข่งขันกันสูงลิบลิ่วขนาดนี้! ตาแก่นี่เป็นคนบีบให้ฉันตกอยู่ในสภาพนี้ เพราะงั้นเขาควรรับผิดชอบฉันสิ! 

    อีกอย่าง การให้เงินสนับสนุนลูกชายตัวเองในหน้าที่การงานเนี่ย มันก็เรื่องปกติไม่ใช่หรือไง


    วินนี่ คูเปอร์:

    นายนี่มัน…เกินเยียวยาแล้วจริง ๆ


    เพโดร บรูกส์:

    นี่ฉันก็ยุติธรรมอยู่นะ ถ้าเขาสมัครบริการของบริษัทฉัน เขาก็ได้โปรโมตธุรกิจของตัวเอง ส่วนฉันก็ทำยอดได้ตามเป้า มันไม่แฟร์ตรงไหนกัน แต่เขาดันเลือกที่จะเล่นบทบาทฮีโร่ โยนเงินตัวเองไปให้พวกนักเรียนชั้นต่ำพวกนั้น! แล้วดูตอนนี้สิ มีนักเรียนหน้าไหนเข้ามาช่วยเขาบ้างไหมล่ะ ไม่มีสักคน มีแต่เธอนั่นแหละ แต่เธอก็มาอยู่ตรงนี้เพราะอยากได้เงินเขาเพื่อเรียนในวิทยาลัยต่อเท่านั้นล่ะสิ! นี่ไง ผลกรรมของคนที่ทำตัวย้อนแย้ง! เอางี้มั้ยล่ะ สมัครบริการพรีเมียมซะ แล้วฉันก็จะได้ทำยอดได้ตามเป้าไง


    (ทุกคนช็อกในความหน้าไม่อายของเพโดร เวอร์นอนมองเพโดรด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ คำพูดเหล่านั้นกระทบจิตใจเขาอย่างรุนแรง)


    วินนี่ คูเปอร์:

    คุณปู่คะ!


    (บรรยากาศสงบเงียบของร้านอาหารถูกแทนที่ด้วยเสียงหายใจถี่รัวของเวอร์นอน เขากุมหน้าอกและทรุดลงไปเพราะความเจ็บปวด คุณกับลุคเคลื่อนตัวไปดูอาการของเวอร์นอน แต่เพโดรกลับพุ่งตัวไปทางหลักฐานบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว ลุคคว้าข้อมือเพโดรไว้ได้ทันท่วงที)



    เพโดร บรูกส์:

    โอ๊ย! ปล่อยดิวะ!


    (สีหน้าเพโดรซีดลงเพราะความเจ็บปวด ไม่สามารถสลัดแขนตัวเองให้หลุดออกจากการจับกุมของลุคได้ เพโดรจึงเหวี่ยงหมัดด้วยมืออีกข้างเพื่อโจมตีแทน ทว่าลุคป้องกันไว้ได้และบิดข้อมือเขาเป็นการโต้กลับ เพโดรร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะลุคล็อกแขนเขาไว้ที่หลังและตรึงเขาลงกับพื้นด้วยสีหน้าไร้ความปรานีราวกับใบมีดที่คมกริบ)


    ลุค เพียร์ซ:

    คุณเพโดร บรูกส์ อย่าพยายามทำลายหลักฐานเลย ถ้าคุณยอมรับผิดและสามารถเป็นพยานในคดีอาญาของ DeliCart ได้ คุณมีโอกาสที่จะได้ลดโทษกึ่งหนึ่งนะครับ


    คุณ:

    ไม่ใช่ว่าคุณน่ะกังวลว่าหลังจากลาออกไปแล้วจะหางานดี ๆ ทำไม่ได้หรอกเหรอคะ วางใจได้เลยค่ะ ในคุกน่ะ ทั้งกินอิ่มหลับสบาย แล้วก็มีงานให้ทำแน่นอน ไม่มีอะไรให้คุณต้องกังวลใจสักนิดเดียว


    เพโดร บรูกส์:

    นี่เธอ! ฉันเตือนไว้ก่อนเลยนะ เครือแพ็กซ์น่ะหนุนหลังพวกเราอยู่! เธอไม่อยากมีเรื่องกับเราหรอกใช่ไหม!


    คุณ:

    เครือแพ็กซ์มีตระกูลวอน ฮาเกนที่ร่ำรวยเป็นเจ้าของแล้วมันยังไง คุณคิดว่าแค่มีเงินแล้วจะสามารถอยู่เหนือกฎหมายได้งั้นเหรอคะ! ความยุติธรรมน่ะไม่เอนเอียงต่อสิ่งใดทั้งนั้น! ฉันจะสู้คดีให้คุณกรีนในชั้นศาล ต่อให้ต้องสู้ไปจนถึงชั้นศาลฏีกาฉันก็จะทำ แม้จะต้องเผชิญหน้ากับเครือแพ็กซ์ก็ตามค่ะ!



    คุณ:

    ป-ปล่อยเขาไปเถอะ…ฉันจะจ้างเธอเป็นทนายฝ่ายจำเลยของฉัน แล้วก็จะตัดความสัมพันธ์ทุกอย่างกับเขาด้วย!


    เพโดร บรูกส์:

    ท-ทำแบบนั้นไม่ได้นะ!


    (ลุคลากตัวเพโดรไปทางประตู จากนั้นก็เหวี่ยงเขาออกไปนอกร้าน)


    ลุค เพียร์ซ:

    จากนี้ไปอย่าได้คิดมาคุกคามคุณกรีนที่นี่อีก นายคงไม่อยากรู้หรอกว่าถ้าไม่ยอมทำตามที่ฉันบอกแล้วจะเกิดอะไรขึ้น


    (ลุคปิดประตูใส่หน้าเพโดรและง่วนอยู่กับกลอนประตูอยู่พักหนึ่งเพื่อนำลายนิ้วมือของเพโดรออกไปจากฐานข้อมูลของกลอน หลังจากโดนลุคขู่ เพโดรก็กุลีกุจอลุกขึ้นและจากไปทันที)


    คุณ:

    คุณกรีน ให้เราเรียกรถพยาบาลให้ไหมคะ


    (วินนี่ให้เวอร์นอนทานยาไปแล้ว แต่คุณก็ยังเป็นกังวลอยู่ดี)


    เวอร์นอน กรีน:

    ฉันไม่เป็นไรแล้ว…เอาสัญญามาเถอะ ฉันจะเซ็นเดี๋ยวนี้แหละ พ่อหนุ่มพูดถูก วิธีช่วยเพโดรที่ดีที่สุดคือการลากบริษัทนั่นเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมซะ ฉันกังวลเรื่องเบื้องลึกเบื้องหลังของบริษัทมากเกินไป อายุปูนนี้แล้วแท้ ๆ ยังมีความกล้าหาญไม่เท่าแม่หนูคนนี้เลย


    เวอร์นอน กรีน:

    ชมกันเกินไปแล้วค่ะ…


    ลุค เพียร์ซ:

    คุณพูดถูก จะไปหาทนายที่มีคุณธรรมมากไปกว่าเธอคนนี้คงไม่มีแล้วล่ะครับ เธอจะว่าความชนะแน่นอน


    (หลังจากเวอร์นอนเซ็นสัญญาจ้างทนายความแล้ว คุณกับลุคก็ตัดสินใจที่จะนำกล้องวงจรปิดกลับไปซ่อมที่สำนักงานของลุค เวอร์นอนจะได้พักผ่อน คุณรู้สึกวางใจลงได้พอเห็นว่าวินนี่อยู่ดูแลเวอร์นอน)


    [ได้รับหลักฐาน ‘บันทึกเสียงคำสารภาพของเพโดร’]


    คุณ:

    คุณกรีน พวกเราขอตัวก่อนนะคะ


    (พอออกมาจากร้านอาหารแล้ว ลุคบอกว่าสำนักงานของเขาก็คือบ้านหลังที่เป็นมรดกตกทอดมาจากพ่อแม่ ซึ่งมันอยู่ไม่ไกลจาก Penny's Comfort Foods มากนัก ทั้งสองคนเลยเลือกที่จะเดินเท้าไปแทนที่จะโบกแท็กซี่แล้วไปติดแหง็กอยู่บนท้องถนน)



    ลุค เพียร์ซ:

    ทำไมเธอจ้องหน้าฉันขนาดนี้ล่ะ


    คุณ:

    ฉันไม่ได้เห็นหน้านายมานานมากเลย มีเรื่องที่อยากบอกเยอะเลยล่ะ ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี


    ลุค เพียร์ซ:

    ฉันก็เหมือนกัน ตอนที่ฉันจากไป ฉัน…ฉันคิดเรื่องเธอตลอดเลย มีเรื่องราวมากมายที่ฉันอยากจะแบ่งปันกับเธอ ตอนนี้เราก็ได้กลับมาเจอกันแล้ว ฉันรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรออกมาก็ได้ แค่เห็นเธอสบายดีก็พอแล้วล่ะ


    คุณ:

    อย่าเก็บทุกอย่างไว้คนเดียวสิ ฉันอยากฟังนะ!


    ลุค เพียร์ซ:

    เรื่องเล่าฉันน่ะยาวมากเลยนะ คุณพอจะจัดตารางเวลาให้เรื่องเล่าของผมได้ไหมล่ะครับ คุณทนาย

     


    [สนทนากันระว่างเดินไปบ้านลุค]


    คุณ:

    ลุค นายกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ ทำไมนายไม่ติดต่อฉันมาล่ะ


    ลุค เพียร์ซ:

    เอ่อ…ฉันเพิ่งกลับมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้-


    คุณ:

    ขอความจริงด้วยค่ะ


    ลุค เพียร์ซ:

    ก็ได้ ฉันกลับมาได้ระยะนึงแล้วล่ะ แต่ยุ่ง ๆ อยู่กับพวกงานด่วนเลยไม่มีเวลาไปเจอเธอเลย


    [คุยเรื่องส่วนสูง]


    ลุค เพียร์ซ:

    มือเธอ…วัดส่วนสูงฉันอยู่งั้นเหรอ


    คุณ:

    แน่นอนสิ ฉันอยากรู้ว่านายสูงขึ้นมาขนาดไหนนี่นา ทำไมอายุเลย 20 แล้วแต่ยังสูงขึ้นได้อีกล่ะ นายต้องสูงประมาณ 180 ซม.แล้วแน่ ๆ


    ลุค เพียร์ซ:

    ตอนฉันออกเมืองไปฉันอายุ 16 เอง แน่นอนว่าต้องสูงขึ้นอยู่แล้วสิ ตอนนี้ฉันสูง 180 เป๊ะ ๆ เลย คุณทนายพอใจกับเลขนี้ไหมครับ


    [คุยเรื่องสร้อยคอลุค]


    คุณ:

    นายยังเก็บกุญแจดอกนั้นไว้อยู่เหรอ


    ลุค เพียร์ซ:

    แหงสิ ก็เธอเป็นคนให้มานี่นา


    [คุยเรื่องสีผิวลุค]


    คุณ:

    ถ้าเทียบกับเมื่อก่อน ผิวนายตอนนี้นี่…


    ลุค เพียร์ซ:

    คล้ำขึ้นใช่ไหมล่ะ เธอรู้มั้ย ฉันอยากผิวออกแทน ๆ มาตลอดเลย ฉันไม่ชอบที่ตัวเองถูกบอกว่าผิวขาวน่ะ


    คุณ:

    ฮะ ๆ นั่นแหละที่ฉันจะบอก นายยังผิวขาวเหมือนเดิมเลยนะ! หลายปีมานี้ไม่ใช่ว่านายหมกตัวทำการทดลองอยู่ในแล็บเหรอ คนเราจะผิวคล้ำขึ้นได้ยังไงเล่าถ้าอยู่แค่ในแล็บน่ะ



    ลุค เพียร์ซ:

    อย่าทำกันอย่างนี้ซี่ พูดตรงจังเลยน้าเธอเนี่ย


    [ใกล้ถึงสำนักงานนักสืบแล้ว]


    ลุค เพียร์ซ:

    จะถึงแล้วล่ะ สำนักงานฉันอยู่ข้างหน้านี่เอง


    คุณ:

    เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ไปเหยียบสำนักงานนักสืบ ฉันตั้งตารออยู่นะคะ คุณนักสิบเพียร์ซ!


    ลุค เพียร์ซ:

    รับรองได้เลยว่าไม่ผิดหวังแน่!


    (ทั้งคุณและลุคพูดคุยและหัวเราะกันมาตลอดทั้งทาง ทว่า ป้ายที่ปรากฎสู่สายตาของคุณนั้น…)


    คุณ:

    ลุค ตึกสามชั้นนี่คือบ้านนายใช่ไหม แล้วป้าย “กาลเก่า” นี่คือ? ไม่ใช่ว่าชื่อมันควรจะเป็น “สำนักงานนักสืบเอกชนเพียร์ซ” อะไรแบบนี้หรอกเหรอ หรือนายปล่อยชั้นแรกให้คนอื่นเช่ากัน


    ลุค เพียร์ซ:

    ก็เพราะพวกนักสืบเอกชนที่ขยั้นขยันบางคนนั่นแหละ คนก็เลยชอบเข้าใจผิดว่าเราเป็นปาปารัสซี ลูกค้าส่วนใหญ่เลยไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองมาที่สำนักงานนักสืบ ฉันก็เลยเปิดร้านของเก่าขึ้นมาเพื่อทำให้งานมันสะดวกขึ้นน่ะ ห้องทำงานนักสืบฉันอยู่บนชั้นสองโน่น


    คุณ:

    งี้นี่เอง…


    (ตอนแรกคุณคิดว่าร้านของเก่าชั้นแรกเป็นแค่ร้านที่เปิดไว้แค่บังหน้าเท่านั้น แต่พอเดินเข้าไปในร้าน คุณรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้ก้าวเข้ามาในโลกอีกใบเสียแล้ว


    [สถานที่: ร้านกาลเก่า]



    (ภายในร้านไม่ได้กว้างอะไรมากมาย แต่กลับเต็มไปด้วยของเก่าทุกประเภทจากหลายยุคสมัย เช่น นาฬิกาไขลานตรงหน้าคุณที่มีนกสาลิกาทองเกาะบนกิ่งไม้ประดับอยู่ โดยมันจะกระพือปีกตรงกับลานนาฬิกาที่ขยับไปมา กล่องดนตรีไม้ที่อยู่บนชั้นข้าง ๆ กันกำลังเล่นเพลง “Clair de lune” ของศิลปิน Claude Debussy อยู่ พอคุณขยับเข้าไปใกล้ก็ได้กลิ่นไม้แซนดัลลอยมาแตะจมูกเบา ๆ ตะเกียงลานที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาอย่างวิจิตรงดงาม หนังสือการ์ตูนครบชุด โคมไฟตั้งโต๊ะทำจากทองเหลืองที่ดีไซน์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวในพระคัมภีร์ไบเบิล ของพวกนี้ทำให้คุณรู้สึกราวกับว่าได้ย้อนเวลาจากปี 2030 ที่คุณอยู่ตอนนี้กลับไปสู่อดีตเลย)


    ลุค เพียร์ซ:

    ชอบมั้ย เจ๋งใช่ปะล่ะ ถึงจะเรียกไม่ได้ว่าเป็นของโบราณจริง ๆ แต่สิ่งของจากศตวรรษที่แล้วก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวในแบบของมันล่ะนะ


    คุณ:

    นี่ของสะสมนายทั้งหมดเลยเหรอ


    ลุค เพียร์ซ:

    ถ้าพูดให้ถูกก็…แค่บางอย่างนะ ฉันถือว่าตัวเองกำลังเก็บรักษาของเหล่านี้ไว้ จนกว่าวันที่เจ้าของที่แท้จริงจะหามันพบ ของแต่ละชิ้นล้วนมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง ก็คือมีเรื่องราวในอดีตถูกกักเก็บไว้ภายใน และมีเรื่องราวในอนาคตกำลังรอคอยอยู่ข้างหน้า


    (ลุคเดินไปที่เคาน์เตอร์ เพียงแค่กดปุ่ม ๆ หนึ่งไป เคาน์เตอร์ธรรมดาก็เปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงานแสนไฮเทคทันที โต๊ะนี่คงเป็นของที่ “อายุน้อยที่สุด” ในร้านแล้วละนะ)


    ลุค เพียร์ซ:

    ขอเวลาเอาเมมโมรีการ์ดออกมาสักสิบนาที เธอจะจับเวลาก็ได้นะ


    คุณ:

    โอเคเลย งั้น เริ่มจับเวลาละนะ!


    ลุค เพียร์ซ:

    ด-เดี๋ยวสิ ขี้โกงนี่! ฉันยังไม่ได้เอาเครื่องมือออกมาเลยด้วยซ้ำ!



    (ท่าเริ่มกดปุ่มจับเวลาบนมือถืออันแสนโอเวอร์ของคุณกระตุ้นให้ลุครีบงัดกล่องเครื่องมือเขาออกมาจากโต๊ะทำงานอย่างรวดเร็ว เขาเงียบไปเนื่องจากกำลังจดจ่อกับงานที่มือ ทำให้คุณนึกถึงเมื่อหลายปีก่อนที่เขาตั้งใจอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดเพื่อไปแข่งขันวิชาการ แต่ลุคตรงหน้าคุณตอนนี้ไม่ใช่เด็กห่าม ๆ ในความทรงจำของคุณอีกต่อไปแล้ว เขาโตมาเป็นผู้ชายที่มีความเป็นผู้ใหญ่และพึ่งพาได้ นี่คือผลจากการไปเรียนต่อแปดปีของเขาอย่างนั้นเหรอ จู่ ๆ คุณก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาเพราะรู้สึกว่าทั้งคุณและเขาต่างพลาดที่จะได้เห็นความเป็นไปในชีวิตของอีกฝ่ายไปหลายอย่างเลย)


    ลุค เพียร์ซ:

    พ่อแม่เธอเป็นไงบ้าง ฉันยังไม่มีเวลาไปเยี่ยมพวกท่านเลยตั้งแต่กลับมาที่นี่


    คุณ:

    ตอนที่ฉันเรียนอยู่ที่วิทยาลัย พ่อกับแม่ก็โดนว่าจ้างไปเป็นนักวิจัยในโปรเจ็กต์วิจัยลับเหมือนกับนายเลย


    (มือของลุคหยุดชะงักลง)


    ลุค เพียร์ซ:

    โปรเจ็กต์วิจัยลับงั้นเหรอ


    คุณ:

    ใช่แล้ว ไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับคนภายนอกหรอกนะ แต่อย่างน้อยเขาก็ยังส่งโปสการ์ดวันหยุดกับเงินมาให้อยู่เรื่อย ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ แต่เขาก็เป็นพวกบ้าวิจัยทั้งคู่ ฉันเลยคิดว่าคงไม่เป็นอะไรกันหรอก


    (ลุคดูโล่งใจขึ้นหลังจากได้ยินคุณพูดแบบนั้น จึงลงมือทำงานตัวเองต่อ)


    ลุค เพียร์ซ:

    งั้นเหรอ ดีแล้วล่ะ ถ้าเธอมีโอกาส ฝากบอกพวกเขาด้วยว่าฉันกลับมาที่สเตลลิสแล้ว เขาจะได้รู้ว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้ว เพราะว่าฉันจะดูแลเธอเอง


    คุณ:

    แหม ช่างเป็นผู้ใหญ่เหลือเกินน้า คงไม่ได้วางแผนจะก่อเรื่องอะไรอยู่หรอกใช่ไหม ตอนเด็ก ๆ ฉันโดนดุไปด้วยทุกทีเพราะนายลากฉันไปทำโน่นทำนี่ด้วยเนี่ย


    ลุค เพียร์ซ:

    ไม่เอาน่า เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว 

    เอาล่ะ ทำภารกิจเสร็จสิ้น ฉันใช้เวลาไปเท่าไหร่เอ่ย


    คุณ:

    เจ็ดนาทีครึ่ง สุดยอดเลย!


    ลุค เพียร์ซ:

    เห็นยังว่าไม่ได้โม้


    (คุณรับเมมโมรีการ์ดมาจากลุคและเสียบเข้ากับแท็บเล็ตของคุณ ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นถึงประตูหน้าของร้านอาหาร)


    ลุค เพียร์ซ:

    จากที่คุณกรีนเล่าให้ฟัง เพโดรสามารถวางยาในน้ำได้แค่ช่วง 06:30 ถึง 08:00 ที่ไม่มีใครอยู่ร้านเท่านั้น


    (คุณกรอวีดิโอไปจนถึงเวลาดังกล่าวและเล่นวีดิโอด้วยความเร็วคูณสอง เป็นไปตามคาด เพโดรปรากฏตัวขึ้นในวีดิโอจริง ๆ)


    คุณ:

    นั่นไง! เขาเข้าร้านมาตอน 07:28 และออกไปตอน 07:43 เขามีเวลาเหลือเฟือในการก่อเหตุเลย


    (ในวีดิโอ คุณเห็นเพโดรล้วงมือลงไปในกระเป๋าตุง ๆ นั่นคงเป็นยาฆ่าแมลงสูตร 330 แต่ว่า ภาพวงจรปิดไม่ได้จับภาพเพโดรตอนก่อเหตุไว้ได้ชัด ๆ เพราะจุดที่กล้องติดตั้งอยู่)


    [ได้รับหลักฐาน ‘ภาพวงจรปิดจากประตูหน้าร้าน’]


    (ภาพวงจรปิดไม่ได้จับภาพไว้แค่เพโดร หากแต่ยังจับภาพคนที่มาส่งถังน้ำ รวมไปถึงเวอร์นอนและคนดูแลเขาออกไปจากร้านจนกระทั่งกลับเข้าร้านมาอีกครั้ง ช่วงท้ายของวีดิโอแสดงภาพเวอร์นอนที่ทุบกล้องวงจรปิดทิ้งหลังจากพนักงานของสำนักงานรับรองความปลอดภัยด้านอาหารกลับไปแล้ว”


    ลุค เพียร์ซ:

    ที่คุณกรีนคงสงสัยเรื่องที่เพโดรมีเอี่ยวกับคดีคงเป็นเพราะผลการดำเนินงานของเขาใน DeliCart บวกกับแรงกดดันที่เขาได้รับจากการที่ต้องทำยอดให้ถึงเป้า


    คุณ:

    คุณกรีนคงไม่เก่งเทคโนโลยีแน่ ๆ หรือไม่ก็คงเพิ่งนึกได้ทีหลังว่าเมมโมรีการ์ดยังอยู่ในกล้องหลังจากพังมันไปแล้ว


    ลุค เพียร์ซ:

    แล้วก็ไม่รู้เรื่องวิธีที่เพโดรใช้ก่อเหตุด้วย เขาคงคิดว่าเพโดรใส่ยาฆ่าแมลงลงไปในถังน้ำอย่างเดียว เพราะงั้นเราเลยเจอหลักฐานหลายอย่างมาก


    คุณ:

    เรารวบรวมหลักฐานมาได้พอสมควรเลยนะ ฉันว่าจะจัดระเบียบข้อมูลพวกนี้ซะหน่อยเพราะต้องเอาไปว่าความวันพุธแล้ว


    ลุค เพียร์ซ:

    ให้ฉันช่วยนะ




    หลักฐานที่ได้รับเพิ่มมาในตอนนี้ 



    บันทึกเสียงคำสารภาพของเพโดร

    ในที่บันทึกเสียงนี้ เพโดรได้ยอมรับว่าตนได้รับแรงกดดันจากนายจ้าง และยังยอมรับด้วยว่าต้องการให้เวอร์นอนซื้อบริการพรีเมียมของ DeliCart เพื่อทำยอดขายของตนให้ถึงเป้า



    ภาพวงจรปิดจากประตูหน้าร้าน

    ภาพจากกล้องวงจรปิดจากประตูหน้าของร้านอาหารที่แสดงภาพเพโดรเข้าร้านอาหารมา


    *edited 23/07/22 เพราะลืมใส่หลักฐานมาอันนึงค่ะ

    *edited 24/07/22 แก้ไขชื่อ 'บันทึกเสียงคำสารภาพของเวอร์นอน' เป็น 'บันทึกเสียงคำสารภาพของเพโดร' นะคะ ขอโทษจริง ๆ ค่ะ ฉันเบลอเอง T_T


    Talk:


    ฉันกับเพื่อนที่นั่งอ่านตอนนี้: ขอทุบเพโดรสักทีเถอะ

    แปลไปโมโหไปคะ ฮึ่ม เจ้าหมอนี่มัน อยากทุบชะมัดเลย


    ตอนนี้แปลยากจนฉันชักกลัวตอน 1-16 ที่เป็นตอนขึ้นศาลเลยค่ะ...


    ถ้าให้พูด ปัญหามันอยู่ที่แปลอังกฤษปรับบริบทคำไปค่อนข้างเยอะเพื่อให้อ่านง่ายขึ้น แต่ว่าไทยเรามันดันมีวิธีบรรยายกับวัฒธนธรรมใกล้จีนมากกว่าอังกฤษน่ะสิคะ…บางท่อนคือหนังคนละม้วนแบบสุด ๆ ไปเลย


    ปัญหาเรื่อง lost in translation นี่น่าหนักใจสำหรับงานแปลเสมอจริง ๆ

    น้องนางเอกเวอร์ชันจีนตอกหน้าเพโดรได้ถึงพริกถึงขิงกว่าอังกฤษมากเลยค่ะ…


    จะว่าไป อยากเล่าเรื่องชื่อร้านของลุคมากเลยค่ะ คือฉันนั่งดูชื่อร้านของภาษาอังกฤษกับญี่ปุ่น ส่วนเพื่อนนั่งดูภาษาจีนให้ แล้วก็นั่งคุยกันเรื่องที่ว่า แปลชื่อร้านดีไหมนะ อยากลองแปลดูจัง อยากทำให้คนอ่านชื่อร้านแล้วพอจะเดาได้ว่านี่ร้านของเก่านะ เพราะต้นฉบับจีนก็เป็นแบบนั้นน่ะค่ะ 


    คืออย่างร้านอาหารปู่เวอร์นอนเขาก็มีคำว่า Foods อยู่แล้ว หลาย ๆ คนน่าจะอ่านแล้วเดาได้ทันทีว่าเอ้อ อันนี้ร้านอาหารนะ ฉันเลยอยากให้ร้านของเก่าของลุคเป็นแบบนั้นบ้างค่ะ 


    ร้านลุค เวอร์อังกฤษใช้ชื่อว่า 

    [Time’s Antiquities] แปลคร่าว ๆ ก็ความโบราณของกาลเวลา 

    เพราะคิดว่าคนน่าจะไม่คุ้นคำว่า antiquities ที่แปลว่าความโบราณกัน ฉันเลยคิดเรื่องแก้ชื่อร้านให้เป็นชื่อไทยขึ้นมาล่ะค่ะ 


    เวอร์ชันจีนใช้ว่า

    [时光古物 店]

    时光 ช่วงเวลา มักเน้นถึงช่วงเวลาในอดีตที่ส่งผลต่อความรู้สึก/ ส่งผลกระทบทางใดทางหนึ่ง

    古物 ของเก่า

    店 ร้านค้า


    ส่วนเวอร์ชันญี่ปุ่นก็

    [タイムズショップ]

    เป็นทับศัพท์ภาษาอังกฤษของคำว่า Time’s Shop แปลคร่าว ๆ ก็ร้านของเวลา

     

    พอมาดูแบบนี้ก็เห็นว่าทุกภาษามันมีคำว่าเวลาหมดเลย ก็เลยนึกถึงคำว่า กาล ของไทยขึ้นมาค่ะ บวกกับที่ฉันรู้สึกว่าคนบ้านเราชอบตั้งชื่อร้านง่าย ๆ สั้น ๆ ก็เลยเอาคำว่าเก่ามาต่อค่ะ ก็เลยออกมาเป็นร้าน ‘กาลเก่า’ แบบที่ทุกคนเห็นกัน


    จริง ๆ ฉันก็เคยคิดเรื่องแก้ชื่อ Penny's Comfort Foods อยู่นะคะ ถ้าเป็นร้านอาหารไทยก็คนมาแนว ๆ ครัวป้าเพ็นนี / ครัวคุณเพ็นนี / ครัวบ้านเพ็นนี / ร้านอาหารบ้านเพ็นนี อะไรแบบนี้น่ะค่ะ (ฮา)


    หรือว่าฉันควรจะแก้ดีนะ…


    ช่างมันก่อนแล้วกันค่ะ ตอนนี้ช่วงทอล์กจะยาวเกินไปแล้ว!


    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ


    ขอให้เป็นวันที่ดีค่ะ




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in