เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ตะ-ลอน-ดอนSilapa Junior
ตะ - ลอน - ดอน
  • การเที่ยวที่ดีคืออะไร

    ถ้าถามผมว่า การท่องเที่ยวที่ดีคืออะไร คงจะตอบยาก การท่องเที่ยวที่หรูหราฟู่ฟ่า หรือลำบากลำบนพจญภัยเจ็ดย่านน้ำ ต่างก็ล้วนแล้วแต่มีมุมที่มองให้มันดีด้วยกันทั้งนั้น แต่ทริปเหล่านี้คงจะถูกนิยาม ด้วยคำวิเศษณ์อื่นๆ ไปเสียก่อน ถ้าจะมีทริปไหนของผมที่คำว่าดีจะแซงคิวขึ้นมาเป็นคำต้นๆ คงต้องยกให้การเดินทางไปเกาะอังกฤษเมื่อสองปีที่แล้วครับ มันดียังไงลองไปดูกัน



    เที่ยวกับเพื่อน

    นานแล้วที่ผมมีอังกฤษเป็นหนึ่งในแผนการเที่ยว ไม่นานก็มีโอกาสและข้ออ้างในการไป คือไปเยี่ยมเพื่อนเก่าสมัยมัธยม ผมไปกับเพื่อนอีกคนชื่อแตงกวา (ซึ่งบังเอิญว่างตรงกันพอดี) จริตการเที่ยวเราก็คล้ายกัน คืออยากเที่ยวแบบ อยู่นานหน่อยไม่ต้องย้ายที่เยอะ ไม่ต้องถึงกับชะโงกทัวร์ แล้วก็ไม่ต้องถึงกับอดอยากริดรอนสิทธิตัวเอง กินแพงบ้างก็ได้ :P เราไม่ค่อยทะเลาะกัน แล้วมันก็เป็นคนตลกดี กลับมาแล้วก็รู้สึกโชคดีที่ได้มันคอยซัพพอร์ตช่วยเหลือร่วมสุขร่วมชิบหายกันไปตลอดทริป

    ชื่อแตงกวา คนส่วนใหญ่ชอบคิดว่าเป็นผู้หญิง แต่ที่จริงเป็นผู้ชาย

    อาหารเช้ามื้อหรูที่ Duck & Waffle

    เที่ยวพบเจอผู้คนใหม่

    ผมกับกวาเลือกหาที่พักกันผ่านเวปไซต์ Airbnb พูดแบบบ้านๆ ก็คือไปขออาศัยบ้านเขาอยู่ เพราะมันถูกสุด ของแถมได้มีโอกาสรู้จักคนใหม่ๆ บ้านแรกที่เราไปพักอยู่ที่ย่าน Finsbury ไม่ใกล้จากตัวเมืองนัก เจ้าของบ้านชื่อ Darren ผู้ทำงานเป็น Trainer ให้กับ google ควบกับรับจ๊อบช่างภาพพาร์ทไทม์ เค้าเป็นผู้ชายเงียบๆ ถามคำก็ตอบคำ แต่ก็ใจดี ให้อิสระในบ้าน ราวกับเราเป็นเจ้าของบ้านเสียเอง (คือพี่แกไม่อยู่บ้าน ถ้ากลับมาก็นั่งอะไรกุกกักๆ แต่ในห้อง ปล่อยให้เด็กไทยสองคน ปู้ยี่ปู้ยำห้องนั่งเล่นและครัวกันอย่างสนุกสนาน) จุดเด่นของบ้านคือทางเข้าที่ลึกลับซับซ้อน หน้าต่างที่มองออกไปเห็นพื้นที่สีเขียวครึ้มอกครึ้มใจ และกระป๋องเบียร์ที่ซุกซ่อนอยู่ทั่วไป ไปๆมาๆ เราเลยพาลไปสนิทกับ แมวของแดร์แรนสองตัว นามว่า Pudding และ Andre และสาวท้วมชาวฝรั่งเศสที่ย้ายเข้ามาอยู่ในห้องว่างอีกห้อง 

    แดร์เรน
    บรรยากาศละแวก Finsbury park
    คนที่นี่จ๊อกกิ้งท้าอากาศหนาวกัน

    เธอชื่อว่า Lorraine ลอร์เรนเป็นคน Montpelier ลักษณะเป็นเมืองติดทะเลเล็กๆ อายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมและแตงกวา เธอเรียน เมเจอร์ภาษาอังกฤษ (ไม่น่าล่ะถึงคุยกับเราน้ำไหลไฟดับขนาดนี้) ฝันอยากจะเปิดร้าน Café & Bakery เล็กๆ สักแห่ง เธอมีแฟนแล้ว และอยากจะมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้ในอนาคต ว่างเมื่อไรลอร์เรนก็จะตีตั๋วบินมาลอนดอนด้วยเงินเก็บของตัวเอง เวลาสั้นยาวเธอไม่เกี่ยง และครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 9

    เราคุยกันถูกคอมากตั้งแต่เรื่องพ่อแม่พี่น้องไปจยถึงศาสนา เธอแปลกใจ เพราะปกติตัวเองเป็นคนขี้อายมาก แล้วเด็กหนุ่มเอเชียสองคนก็ถือเป็นสิ่ง Exotic สำหรับเธอ

    ใช่ ภายใต้เสื้อผ้าสไตล์พั้งค์- อีโม ห่วงจมูกและรอยสักเต็มตัว 

    เราเองก็แปลกใจไม่แพ้กับเธอ 

    คืนวันสุดท้ายของเธอผมเข้าไปให้เธอแนะนำสถานที่แปลกๆ แนะนำยี่ห้อชาให้ซื้อกลับไปเป็นของฝาก และถือโอกาสคุยเล่นต่อ เธอบอกว่าอยากให้มาเยี่ยมที่บ้าน บ้านเธอก็ทำเป็น Airbnb เหมือนกัน ผมบอกไปว่าผมจะไปนะ อิจฉาเธอจังที่มีความฝันที่ชัดเจนขนาดนี้ เธอยิ้มแล้วต่อว่า

    “ I kinda felt it when I talk about my dreams, but you know what, most of people in my life all have dreams and they’re achieving it, why don’t do yours? ” 

    ผมยิ้ม ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

    ตอนเช้าตีห้า ผมตื่นไปส่งลอร์เรนที่ป้ายรถเมล์หน้าบ้าน

    เที่ยวเปิดโลก

    ในชีวิตนี้ใครจะไปคิดว่าจะมีโอกาสได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์อย่าง Big Ben หรือ Stonehenge สะท้อนผ่านเรตินา หรือจะได้ยืนคร่อม เส้นแบ่งเวลาโลก ลองติจูดที่ 0 ด้วยเท้าของตัวเอง การท่องเที่ยวมันคือความรู้สึกเหนือจริงที่เกิดขึ้นติดๆ กันอย่างไม่มีหยุดพัก

    ไหนพรุ่งนี้จะไปเดินตลาดขายของเก่าชื่อดัง Portobello market หรือ นั่ง London eye สูงเสียดฟ้าในวันต่อไป

    ด้วยทัศนคติติดบวกแบบสุดๆ เวลามาเที่ยวเนี่ย มองเห็นอะไรก็น่าดูน่าจดจำ มีอะไรให้คิดอยู่ตลอด เพราะอุตส่าห์เสียเงินเสียทองมาขนาดนี้ก็ต้องกอบโกบไปให้สุด 

    เราจะหงุดหงิดยาก 
    เราจะซาบซึ้งง่าย ช่างคิดมากขึ้น

    สโตนแฮนจ์ : )

    เที่ยวให้รู้

    ประโยชน์ของทัศนศึกษา คือการสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ เสริมความเข้มข้นของเนื้อหา และความพิเศษต่อความเข้าใจจดจำ มาทัศนศึกษาที่อังกฤษครั้งนี้ผมก็ได้บทเรียนมากมาย 

    ได้รู้ว่า Florence Nightingale ถูกยกให้เป็นผู้ก่อตั้ง การพยาบาลสมัยใหม่ เธอชอบการท่องเที่ยว และดิ้นรนที่จะมีความสุขภายใต้ค่านิยมของสังคมที่มีต่อเพศหญิงและสังคมคนรวยในสมัยนั้น 

    ใน Natural History Museum ผมได้เห็น ฟันของช้างหน้าตาประหลาดมากแค่ไหน เช่นเดียวกับฟันของแมวน้ำ ซึ่งล้วนแล้วแต่ถูกวิวัฒนาการมาให้สอดรับกับวิถีชีวิต 

     ได้ซาบซึ้งกับภาพวาดชื่อดังอย่าง The swing หรือ A Bar at the Folies-Bergère ใกล้ชิดชนิดที่เอามือไปแตะต้องได้ (แต่ไม่ได้ทำนะ)

    ที่หอศิลป์ Tate Modern ก็ได้รู้ซึ้งถึงอิธิพลของภาพกับเสียงต่ออารมณ์ จากงานแสดงสื่อผสม ฝั่งหนึ่งเป็นวีดีโอสัมภาษณ์ทหารที่ไปออกรบที่อิรัก อีกฝั่งเป็นการร้อยเรียงวีดีโอคลิปที่ให้อารมณ์คล้ายกัน เช่นพูดถึงระเบิดก็จะเป็นภาพของขวดน้ำอัดลมแตกออก พูดถึงความร้อนในอิรักก็จะเป็นภาพ ซุเปอร์ไฮเวย์ในวันแดดเปรี้ยง

    ภายใน Tate Modern

    งานแสดงที่แกลเลอรี่ข้างๆ

    จากได้ทราบถึงประวัติความเป็นมาของชา จาก Twining’s museum (รู้ไม๊ว่าเมื่อก่อนเค้ากินกาแฟกันก่อนชา) 

    และที่สำคัญ ได้รู้ว่า London bridge นั้นเป็นสะพานร่วมสมัยธรรมดา และ สะพานที่เราเข้าใจว่าเป็น London bridge จากเพลง “London bridge is falling down, my fair lady” มันชื่อว่า Tower bridge! 

    ถึงจะเป็นบทเรียนราคาแพง แต่ก็สมราคา...ไหมนะ

    ทหารเวรที่แต่งตัวตามกล่องคุกกี้อาร์เซนอล

    ขบวนพาเหรดหน้าพระราชวัง Buckingham

    คน/วัฒนธรรม 

    เหตุการณ์ประทับใจอันดับต้นๆ ของทริปนี้เกิดขึ้นวันที่ไปเดินเล่นกันที่ย่านโซโห ณ ร้านหนังสือการ์ตูน Orbital ผมเดินไปเจอ งานหนังสือผสมโมเดลผสมการ์ด กล่องใหญ่ที่เคยเห็นที่ร้านหนังสือเมืองไทย มันมีเอกลักษณ์มากจนผมอยากได้ แต่ติดอยู่ที่ว่าทั้งแพงทั้งใหญ่ ผมเลยถามถึงพนักงงานว่ามีเล่มอื่นของนักเขียนคนนี้ไหม  

    พนักงาน 1 : (ตอบแทบจะทันที) มีนี่ แล้วก็นี่ค่ะ 2 อันนี้จะเป็นรวบรวมกราฟฟิก ส่วนอันนี้มันซีลอยู่ โทษทีนะคะ แต่มันก็จะคล้ายๆ อันนี้แหละค่ะ (ชี้ไปที่หนังสือกล่องใหญ่นั่น) ผมยิ้มขอบคุณ ตัดสินใจซื้อเล่มซีลนั้น เดินไปจ่ายที่แคชเชียร์ 

     พนักงาน 2 : good choice! รู้ไหมครับว่าวันที่ 16 มิถุนา เขาจะมี fan meet ที่นี่ด้วยนะ อ๋อ จริงเหรอครับ น่าเสียดายจัง คงจะอยู่ไม่ถึงหรอกครับ อาทิตย์หน้าก็จะกลับแล้ว ว่าแต่ร้าน เอ่อ…ฟอย 

    พนักงาน 2 : อ๋อ Folyes book shop ใช่ไหมครับอยู่ตรงนี้เอง เดินไป 5 นาที เลี้ยวขวา แล้วก็ขวาอีกที you should go there, it’s AMAZING! 

    ครับ ร้าน ฟอยส์ ก็อะเมซซิ่งจริงอย่างที่เขาบอกไม่มีผิด ร้านใหญ่โต 4-5 ชั้น แบ่งหมวดหมู่เสียละเอียดยิบ แถมยังมีการจัดบรรยากาศแต่ละส่วนให้สอดคล้องกับชนิดหนังสือด้วย ผมอยากได้หนังสือเล่มนึงอยู่พอดีเลยเดินไปถามว่ารู้จักหนังสือเล่มนี้ไหม พนักงานก็ตอบว่ารู้จักสิครับ หนังสือเค้าออกจะดัง พูดไปพลางก็คีย์ชื่อหนังสือ และเดินไปหยิบมาให้ผมเสร็จสรรพ 

    วันนั้นนี่เห็นแจ้งเลย การคัดคนที่มีความสนใจกับตัวงานที่ทำและมีใจรักบริการ มันให้ผลลัพธ์ที่ต่างกันมาก มันทำให้ผมเข้าใจว่า ร้านอาหารที่นี่ ‘การกินที่ร้านถึงแพงกว่าสั่งกลับบ้าน’ เพราะเขาให้ความสำคัญกับการบริการจริงๆ

    บิกเบน 18.45 น.
    ถึงปิดซ่อม ก็สวยได้

    รียูเนี่ยน

     เบสเป็นเพื่อนสมัยมัธยมของผม เราอยู่ห้องเดียวกันมาหลายปี ปีไหนอยู่ห้องเดียวกันก็จะสนิทกันมาก เบสเป็นคนอารมณ์ดี ช่างสังเกต เรามักจะแอบกลั้นขำกับเรื่องตลกเล็กๆ ของอาจารย์หรือเพื่อนอยู่เสมอ เจตนารมณ์หลัก จริงๆ เรียกว่าข้ออ้างดีกว่า ก็คือการมาเจอเบสถึงตลอดทริปจะไม่ได้เจอกันทุกวัน แต่เบสก็หาเวลามานั่งรถไฟจากพอร์ทสมัตมาลอนดอนพาเราเที่ยวพาเรากินอยู่หลายครั้ง (แต่ที่เก่งที่สุดนี่คงต้องยกให้เรื่องพาชอปปิ้ง)

    ดนตรีเปิดหมวกหน้าห้างแฮร์รอดส์


    แน่นอน เบสยังทำให้ผมหัวเราะตัวงอได้เหมือนเดิม 

    "เดี๋ยวปลายปีเรากลับไทย ไว้นัดกินข้าวกัน" 

    ว่าแล้วก็ตอบตัวเองอีกครั้ง ว่าที่จริงแล้ว การมาเยี่ยมเบสก็ไม่ใช่ข้ออ้างเสียหน่อย

    เบสพาชมวิวบน Spinnaker tower

    หมิงเป็นเพื่อนสมัยประถมของผม มาครั้งนี้ ไม่ได้ตั้งใจมาเจอหมิง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหมิงมาเรียนต่อที่นี่สารภาพเลยว่า ความทรงจำเพียงห้วงเดียวที่มีอยู่คือ เย็นวันหนึ่งตอนเด็กมาก ผมกำลังปีนเครื่องเล่นอะไรสักอย่างกับหมิงอยู่ ตอนนั้นพ่อมารับพอดี เราคงกำลังสนุกกัน หมิงเลยบอกพ่อผมว่า "ให้จูเนียร์ไปเล่นบ้านหมิงต่อได้ไหม เนี่ย ที่บ้านหมิงมีวีดีโอ ตรึมเลย!" ที่จดจำได้จนถึงทุกวันนี้เพราะพ่อผมขำและชอบเอามาเล่าต่อ ว่าไอ้เด็กจอมแก่นตัวนี้มันไปรู้ศัพท์แสงวิธีการพูดแบบนี้มาจากไหน

    หมิงมาเม้นในรูปถึงแล้วลอนดอน! ก่อนจะทักแชทมาทันที ถามว่า"มาเจอกันสักวันป่าว" ผมแอบบเกร็งผสมเกรงใจ เราไม่ได้เจอกันกี่สิปปีแล้ว แถมแตงกวาเองก็ไม่รู้จักหมิง แต่ท่าทางหมิงจะจริงจัง ไม่ได้ถามตามมารยาทแน่ 

    เราเจอกันในตัวเมือง หมิงพาเที่ยวพากินเล็กน้อย และสุดท้ายก็พาชอปเหมือนเดิม (ฮา) หมิงเป็นกันเองมาก แถมยังอัดแน่นไปด้วยเกร็ดความรู้เจ๋งๆ ตรึมเลย

     "เนี่ย ฟ้าชายฯมาตัดสูทร้านนี้เลยนะ" 

    "รู้ป่าว ทำไม Superdry ถึงถูกที่อังกฤษแพงที่ญี่ปุ่น เพราะว่ามันเคยเจ๊งแล้วอังกฤษ take over มา Rebrand ใหม่จนดังขึ้นมา"

    "ลองพลิกเหรีญด้านก้อยดู ถ้าเอาเหรียญทุกค่ามาเรียงกันมันจะเป็นรูปโล่ห์ อะไรสักอย่าง คูลดี" 

    หมิงพาไปกินราเมงสัญชาติอังกฤษ
    "มีปัญหาอะไรบอกเราได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ" หมิงบอกตอนลากัน

    ผมดีใจมาก ที่ได้มีโอกาสได้เจอเบสและหมิงอีกครั้ง 


    เที่ยวสะดุด

    ในวันท้ายๆ เราย้ายบ้านไปอยู่อีกฟากของลอนดอนไกลจากตัวเมือง เพื่อให้ใกล้ต่อการเดินทางสถานที่ท่องเที่ยวในอีกละแวกในวันท้ายๆ

    บรรยากาศที่ Greenwich
    Stefan เจ้าบ้านคนที่สอง เป็นบุคคลที่ต่างกับแดร์เรน เจ้าบ้านคนแรกเสียจน room 39 ควรเอาไปใส่ในเพลง ฉันต้องคู่กับเธอ 

    สเตฟานต้อนรับเราด้วย House rules ยาวเหยียดเต็ม A4 พร้อมอธิบายข้อต่อข้อให้เราฟังอย่างเข้มงวด กฎทั้งหมดครอบคลุมตั้งแต่ เวลาในการใช้ห้องน้ำ การเปิดปิดไฟ ที่วางอาหาร และ ลิสต์รายการของในห้องทั้งหมดบวกกับค่าปรับถ้าสิ่งใดเกิดบุบสลายขึ้นระหว่างช่วงการพัก 

    แต่ทีเด็ดอยู่ที่การล็อกประตูครับ 

    ขั้นตอนการล็อกนั้นซับซ้อนแถมจำยากมาก มีล็อกบนล็อกล่าง เวลาไหนล็อกแค่อันไหน งงไปหมด หนำซ้ำกลอนก็แข็งอย่างกับอะไรดี อะๆๆ พยักเพยิดมองตากับแตงกวาช่วยกันจำไป 
    พอปฐมนิเทศเสร็จปั๊ป ไปกวา ออกไปหาอะไรกินกันดีกว่า เราเปิดประตูออกไป แกร่ก เอ๊า มันก็ auto lock นี่หว่า สรุปต้องล๊อกตรงไหนล่ะเนี่ย ช่างมันเหอะ ไปแปปเดียว หิวๆๆ

    (ข้ามไปตอนกลับมา) แกร่ก… แอ๊ดดดด โห รู้เลยว่าโดนครูปกครองจับได้เป็นยังไง สเตฟานยืนตาเขียว แล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณไม่ได้ล็อกประตู” 

    จากนั้นการอยู่อย่างหวาดระแวงก็เริ่มขึ้น 

    เราไม่กล้าที่จะกลับดึก คุยกันในเสียงระดับแมวคราง ใช้ครัวใช้ห้องน้ำกันลับๆ ล่อๆ (โดนว่าไปอีกว่าทำไมไม่ใส่ไข้ในตู้เย็น อะไรนะประเทศคุณบางทีก็ไม่ใส่เหรอ that’s silly) แตงกวาถึงกับหมกอยู่ในห้อง บอกว่าเดี๋ยวกินขนมถุงเอา บางทีก็ไม่แน่ใจแล้วว่านี่เราจ่ายเงินมาอยู่จริงๆ เหรอ ทนกันมาได้จนวันสุดท้าย (โอดครวญถึงแดร์เรนอยู่วันเว้นวัน) ในที่สุดเราก็จะได้กลับบ้าน ออกจากโรงเรียนประจำแห่งนี้สักที วู้ววฮู้ว 

    เราเต้นร่ากันพลางเอาของไม่จำเป็นทั้งหมด (ที่อาจจะพังได้)ในตู้ออกมาวางคืนที่เดิม ปูที่นอน วางเชิงเทียง ที่เขี่ยบุหรี่ ฯลฯ จบที่หมอนอิงสีส้มสองผืน ดีมากพวกเรา อ๊ะจัดหมอนให้ได้องศาสักหน่อยทันได้นั้นเอง ปุ… กระดุมหมอนหลุดติดมือผมขึ้นมา สาบานว่าแทบไม่ได้ออกแรง 

    “เชี่ยแล้วไงมึง วางกลับลงไป วางกลับลงไป!” แตงกวาขึ้นเสียงใส่ ผมวางเม็กกระดุมแปะลงไปตามกวาสั่ง แล้วพวกเราก็รีบเผ่นออกจากบ้านทันที (ฮา) ลาแล้วลาลับนะครับครูปกครองสเตฟาน

    จริงๆ ลืมไปว่าเค้าสามารถแจ้งปรับเราย้อนหลังได้อยู่ดี แต่เค้าก็ไม่ได้ทำนะ

    เช้าวันสุดท้ายที่ Covent garden

    เราท่องเที่ยวได้ดีแค่ไหนกัน

    ถึงจะนับรวมเหตุตะกุกตะกักรายทาง สำหรับผม มันเป็นทริปที่ดี ก็อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นนั่นแหละครับ ในการท่องเที่ยวทั้งหมดทั้งมวลมาเนี่ย ผมยกให้การไปเยือนเกาะอังกฤษครั้งนั้น เหมาะสมกับคำว่าดี ที่สุด การท่องเที่ยงที่ดีคือการที่เราได้เปิดรับประสบการณ์ ทั้งความรู้ และความรู้สึก ได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มศักยภาพ รับรู้เรื่องใหม่ พร้อมทั้งสานต่อความสัมพันธ์เก่าๆ 

    ขอบคุณแตงกวาที่หลวมตัวมาเที่ยวกับเรา 
    ขอบคุณเบสและหมิงที่ต้อนรับอย่างดี 
    ขอบคุณลอร์เรนสำหรับแรงบันดาลใจ 
    ขอบคุณแดร์เรนสำหรับความเอกเขนก 
    ขอบคุณสเตฟานที่ทำให้เราไม่ลืมกฎเกณฑ์ 
    ขอบคุณเพื่อน-พี่-น้อง ที่คอยกดไลค์รูป อ่านบทความให้คำแนะนำติชม 
    ขอบคุณพ่อ-แม่ สำหรับคำอนุญาตพร้อมเงินทุนสนับสนุน 
    และสุดท้าย ขอบคุณชีวิต 

    That’s why the travelling is so great.

    สะพายเป้ออกไปท่องโลกกว้างกันเถอะครับ : )

    บ๊ายบายลอนดอน

    ถ่ายกับ wellington arch 


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in