เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My Diaryfebturday
เคยหลงรักใครผ่านตัวหนังสือไหม?
  • เราเป็นคนหนึ่งที่หลงรักการอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ 
    โดยเฉพาะการอ่าน "นวนิยาย" แนวประโลมโลก

    สมัยมอปลาย... นวนิยายดังๆของนักเขียนดังๆอย่าง แก้วเก้า (ว.วินิจฉัยกุล)  ทมยันตี  โสภาค สุวรรณ   กิ่งฉัตร ปิยะพร ศักดิ์เกษม ดวงตะวัน (เด็กสมัยนี้รู้จักม้ายยยยย) เราว่าเรากวาดทั้งห้องสมุดมาอ่านแล้ว บางเรื่องอ่านจนลืมไปว่าตัวเองเคยอ่านแล้ว

    พอเรียนมหาลัย คงเพราะความชอบพวกวรรณกรรมอะไรแบบนี้ ก็เลยมาเรียนอะไรที่เกี่ยวกับวรรณกรรมโดยตรง (555) แต่พอมาเรียนอะไรพวกนี้มันทำให้เราอ่านนิยายไม่สนุกเท่าที่ควรจะเป็นนะ อ่านแล้วก็คิดโน่นนั่นนี่ ทฤษฎี บลาๆๆๆ ยิ่งเรียนสูงขึ้นๆ ก็ยิ่งอ่านหนังสือสนุกน้อยลง บางครั้งอยากจะเลิกเรียนกลับไปอ่านหนังสือแบบโง่ๆเหมือนเดิม

    เราว่ารสนิยมในการอ่านหนังสือเปลี่ยนไปตามอายุนะ (คุณคะ ตอนนี้เราอ่านหนังสือธรรมะและ      ฮาวทูการใช้ชีวิตเยอะมาก)


    พอแก่ขึ้น เรียนมหาลัยเราชอบอ่านเรื่องสั้นแนวการเมือง อ่านวรรณกรรมแนวเพื่อชีวิต แนวสังคม พวกนิยายประโลมรักก็ยังอ่านได้แต่ไม่ได้อินเหมือนสมัยเป็นเด็ก ยกเว้นบางเรื่องที่ชอบมากจริงๆ อย่าง  "ของขวัญวันวาน" ของ ว.วินิจฉัยกุล รักมากกกก อ่านซ้ำๆ ชอบคาแรกเตอร์ของพระเอกมากกกกกประเภทเย็นชา ปากจัด เหมือนไม่แคร์ใคร แต่จริงๆโดดเดี่ยวเดียวดาย ต้องการความรัก พระเอกแบบนี้อย่าให้เจอนะคะ รักเลย ^^  ถ้ามีโอกาสเจออาจารย์ ว.วินิจฉัยกุล อยากจะเข้าไปกราบแล้วบอกว่าหนูรักงานอาจารย์มากค่ะ งานของอาจารย์เป็นแรงดลใจให้หนูหลายเรื่องเลย(กราบบบบบ)

    พอโลกมันเปลี่ยน แนววรรณกรรมมันก็เปลี่ยนแล้ว เชลฟ์ที่เคยวางวรรณกรรมพวกรางวัลซีไรต์ถูกกวาดทิ้งอย่างไม่ไยดี คือไม่มีคนอ่านแล้ว  วรรณกรรมเยาวชนถูกแทนที่ด้วยนิยายวาย/นิยายออนไลน์ (คนรุ่นเก่าบางคน เรียกว่า วรรณกรรมขยะเลยเหอะ)   ถามว่ารู้สึกไง จริงๆใจหายนะ เด็กๆสมัยนี้ไม่ค่อยได้อ่านวรรณกรรมชั้นครู วรรณกรรมที่ภาษาดีๆกันอีกแล้ว  อย่าง "ท่อนแขนนางรำ" ของ มนัส จรรยงค์ ไปถามเด็กๆ คงส่ายหัวไม่รู้จักกันเป็นแถว

    ในความใจหายเราก็มีความเข้าใจวรรณกรรมออนไลน์สมัยนี้นะ  เว็บเด็กดีนี่ก็เคยไปเขียน (เขียนไม่จบแล้วก็ทิ้งไป ฮ่าาา)   จริงๆเราไม่ค่อยได้เขียนงานในแนวฟิคชั่นเท่าไหร่ สมัยวัยรุ่นเขียนพวกแหววๆไม่ได้เลย เคยเขียนเรื่องสั้นแนวเสียดสีสังคมแล้วได้รับคำชมจากพี่นักเขียนคนหนึ่งด้วยล่ะ ^^  (แต่เราก็ทิ้งความฝันที่จะเขียนหนังสือทิ้งไป เพราะจริงๆการเขียนเป็นทักษะที่ยากที่สุด ต้องมีความมานะอดทนมาก กว่าจะกรองความคิดให้เป็นตัวหนังสือ - เราหมายถึง งานเขียนดีๆนะ  เอาจริงถนัดงานรีไรต์มากกว่า )

    เอาล่ะ ยุคสมัยเปลี่ยนไป ตอนนี้เค้ามีนิยายแชตจอยลดาแล้วนะเธอ 555 โลกมันเปลี่ยนไปขนาดนั้น
    แต่ที่ไม่เปลี่ยนไปคืออะไรรู้ไหม "การที่เราหลงรักใครซักคนผ่านตัวหนังสือไงล่ะ" 

    เวลาเราชอบสไตล์การเขียนของใคร ใครเขียนงานที่โดนใจเรา เราซึมซับตัวตนของนักเขียนผ่านงาน มันกลายมาเป็นความรักทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว


    เราเคยชอบงานของนักเขียนคนหนึ่ง ชอบมากกก เข้าทำนองเป็นแฟนคลับแหละ แต่ก็ไม่ได้แสดงตัวอะไร สมัยก่อนช่องทางการสื่อสารมันไม่ง่ายขนาดนี้ นักเขียนที่เราชอบคนนั้นก็ไม่ได้เขียนออนไลน์ด้วย การจะบอกว่าชอบงานเค้า (จริงๆคือชอบตัวตนของเค้าส่วนหนึ่ง)  พอมีโอกาสเจอตัว เราก็จะเข้าไปบอกเลย ชอบงานพี่มากนะคะ ชอบมาก ตามอ่านตลอด คือได้แค่นี้ก็พอ

    แต่ล่าสุดมีนักเขียนคนหนึ่งที่เราชอบงานเค้ามาก เคยเอามาวิเคราะห์ส่งอาจารย์ก็ตั้งหลายเรื่อง เคยเอาไปเล่าและสอนให้คนอื่นฟังก็เยอะ คือชื่นชมผลงานมาก หลงรักงานเค้ามากจริงๆ แต่เร็วๆนี้เราได้เห็นพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตจริง (ที่รับไม่ได้เลย) ยอมรับว่าเสียความรู้สึกมาก เสียใจ TT ทำใจนานหลายเดือนนะ กว่าจะกลับมาอ่านงานเค้าได้อีก  คือ บางทีความชอบมันก็มากับการคาดหวังตัวตนจริงๆของคนคนนั้นนะ เวลาไม่เป็นไปอย่างที่หวัง (ใครให้แกหวัง) ก็อดเสียใจ เสียความรู้สึกไม่ได้

    มันมี 2 ทฤษฎีแบบกว้างๆที่เคยเรียนมา (ถ้าผิดอย่าว่านะ เรียนมานานแล้ว)  คือ อย่างแรก เวลานักเขียนเขียนงาน งานของเค้ามันแยกกับ ตัวตนจริงไม่ออกหรอก งานเขียนก็มีความสัมพันธ์ สะท้อนตัวตนของนักเขียน  แต่อีกทฤษฎีหนึ่งบอกว่าให้ลองอ่านแบบคิดดูว่า  นักเขียนตายไปแล้ว The Death of the Author คือ อย่าไปโยงชีวิตจริงนักเขียนกับงานเขียน อ่านเฉพาะตัวบท ให้ดูงานเขียนเป็นสำคัญ

    บางทีชีวิตคนอ่านเลือกยากเหมือนกันนะว่าจะใช้ทฤษฎีไหน เอาเป็นว่าแล้วแต่สถานการณ์แล้วกัน
    เราหลงรักเค้าผ่านตัวหนังสือได้ แต่นั่นล่ะ
    นั่่นคืองานเค้า เป็นตัวตนแค่ส่วนหนึ่งของเค้า ไม่ใช่ตัวตนทั้งหมด อย่าคาดหวัง

    คิดง่ายๆว่า แค่เราได้หัวใจฟูเพราะตัวหนังสือของใครบางคน - มันก็วิเศษๆมากแล้วนะ


    ป.ล. ในจอยลดา เราเจอคนที่เราหลงรักตัวหนังสือของเค้าแล้วนะคะ หลงรักมากจริงๆ :) ถ้ามีโอกาสเจอตัวจริง อยากจะเข้าไปกอดเลยล่ะ (แต่คงไม่ทำจริงหรอก 5555)


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Piti Pui (@pitipui)
เราไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือนะ ชอบดูหนัง ชอบเสพงานศิลปะ การ์ตูน ไรงี้มากกว่า มาติดใจเอาคำว่า คนเขียน กับตัวจริงคนเขียน คือ มันต่างกัน แล้วนึกถึงประเด็นแบบว่า เร็ว ๆ นี้ก็มีพวก ผกก.หนัง หรือ นักเขียนบทหนังที่ sexual harass เด็ก หรืออาจารย์เขียนการดูมีสื่อลามกเด็กในครอบครอง อะไรเถือกนี้ ... แล้วก็มีคำถามว่า เราจะ "เสพงาน" ของคนเหล่านี้ไหม ด้านนึงก็บอกว่า เออ งานกับคนแยกกันนะ เราเสพงานเพราะงานตัวนั้นมีคุณค่า และเลือกสนับสนุนเพื่อให้ศิลปะแนวนี้มันอยู่ต่อไปได้ แต่อีกฝ่ายก็จะบอกว่า เราเสพงานเท่ากับสนับสนุนเจ้าของงาน เจ้าของงานที่นิสัยไม่ดี แทนที่จะแบนคนเหล่านี้ให้เขารู้ตัวว่าต่อให้งานดีแต่ทำตัวไม่ดีก็ไม่มีที่ยืนในสังคม ... ส่วนตัวไม่เคยปลื้มใครขนาดนั้น รักใครคงต้องเผื่อใจ ไม่งั้นจะเจ็บ เลยว่ารอดตัวไป ฮ่า ๆ ๆ
GR (@GRlooneytoon)
นึกว่าเราเป็นคนเดียวนะเนี่ย แอบชอบคนนึงผ่านตัวหนังสือ แต่พอเจอตัวจริง นิสัยจริงก็ผิดหวังเองคนเดียว มันก็จริงตรงที่ว่า เราคาดหวังไปเองเนอะ
febturday (@febturday)
@GRlooneytoon ต่อไปคงพยายามไม่คาดหวัง แต่ทำไมเจอคนที่ปลื้มทีไร อดคาดหวังไม่ได้ทุกที
GR (@GRlooneytoon)
@febturday ก็จริงนะ แต่เราทำใหม่ แบบรู้จักเขาน้อยลง แล้วเลือกหลงรักผ่านตัวหนังสืออย่างเดียว ทำถูกมั้ย ไม่รู้แต่สุขใจ แหะๆ
Sarane Champa (@Sarane)
ตัวเองเป็นคนหลงรักตัวหนังสือง่ายมาก จะเพราะเป็นเด็กประจำมาก่อนไม่ ่อยได้ดูทีวี เพราะงั้นเหลืออะไรในห้องสมุดก็จะยืมมาอ่าน แต่ตัวเองจะชอบงานท่านคึกฤทธิ์ งานคุณรงค์ งานคุณวาณิช ยิ่งแก่ ยิ่งไปสายคุณวินทร์ไปเลย งานฟิคอ่านไม่อิน แต่พักหลังเติมหวานด้วยการอ่านวายนะคะคุณขา


55555
febturday (@febturday)
@Sarane เราก็อ่านวายค่ะ อิอิ