เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Janie Is Not So Welljanieishappy
หัวหน้าผู้แสนดี
  • เคยอ่านบทความอันนึง คนเขียนเป็นโรคทางจิตเวชซึ่งเราจำไม่ได้แล้วว่าโรคอะไร แล้วเค้าก็ตัดสินใจบอกหัวหน้าเค้าไป แต่หลังจากที่เค้าบอกหัวหน้าไปว่าเค้าป่วย สิ่งที่หัวหน้าปฏิบัติกับเค้ากลับเป็นสิ่งที่เค้าไม่ต้องการ หัวหน้าปฏิบัติกับเค้าไม่เหมือนเดิม หัวหน้าดูเป็นห่วงเป็นใยเค้ามากขึ้น จับตาดูพฤติกรรมของเค้า ไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบได้ทุกวันจนคนถูกถามไม่รู้จะตอบอะไร สุดท้ายก็หนีไม่พ้นการโกหกหัวหน้าไปว่า ชั้นสบายดี

    ใช่ ชั้นสบายดี เลิกถามคำถามแบบว่า วันนี้คุณเป็นยังไงบ้าง อะไรทำนองนี้สักที ถ้าคุณไม่ได้สนใจที่จะรู้จริงๆ ก็กรุณาอย่าเสือก แล้วอย่าทำเป็นเข้าใจถ้าคุณไม่เข้าใจ

    เรารู้สึกแทบไม่ต่างอะไรกับคนเขียนบทความนั้น เราเสียใจทุกวินาทีที่เราตัดสินใจบอกหัวหน้าเราเรื่องที่เราหาหมอจิต ที่เราถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้า และเราต้องกินยาต้านซึมเศร้าเพื่อรักษามัน

    หัวหน้าเราเป็นผู้ชายอายุ 50 กว่าๆ ที่มีความเชื่ออย่างหนักแน่นว่า โรคซึมเศร้ามันไม่มีจริง เป็นคนประเภทที่หากคุณบอกเค้าว่าคุณเครียด เค้าก็จะบอกให้คุณสวดมนต์ นั่งสมาธิ ทำบุญ ทำทาน ศึกษาพระธรรมคำสอน อะไรทำนองนั้นแทน เรารู้อยู่เต็มอกและแน่ใจมากๆ ว่า ที่เค้าแนะนำแบบนั้นมันมาจากความหวังดีล้วนๆ เค้าเป็นคนดีคนนึง และเราก็ดีใจที่มีเค้าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเรา แต่อีกแง่นึง เราก็เสียใจที่เค้าเป็นแบบนี้

    เราตัดสินใจบอกเค้าวันนั้นเพราะเราคิดว่าเค้าจะเข้าใจ เค้าดูเป็นคนเปิดรับอะไรใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เราก็คิดว่า เออ กับโรคเวรนี่เค้าก็คงจะเข้าใจเหมือนกัน แล้วการคุยกับเค้ามันก็ให้ความรู้สึกเหมือนเราคุยกับพ่อ เหมือนเราได้คุยกับคนที่เราไว้ใจได้ คนที่จะรับฟังเราโดยไม่ตัดสิน คนที่จะรักเราไม่ว่าเราจะไปทำอะไรมาก็ตาม เรารู้ว่าเค้าไม่ใช่พ่อ เรารู้ว่าเค้าไม่ได้รักเราเหมือนอย่างลูกอย่างหลานอย่างที่เค้าเคยบอก แต่เราก็ยินดีที่จะคิดแบบนั้น เพราะเราคงไม่มีวันบอกพ่อเรื่องนี้ แล้วเราก็อยากมีใครสักคนที่เราไว้ใจได้ คุยด้วยได้ในทุกเรื่อง

    หลังจากที่เราบอกเค้า เค้าก็พูดมาว่า “ขนาดนั้นเลยหรอ” ... “แล้วเจนคิดว่าเจนเป็นซึมเศร้าหรอ”
    “ใช่” เราตอบ
    เรารู้สึกแบบนั้นว่าเราคงเป็น เราไม่ได้คิดไปเองเหมือนที่ใครๆ บอก เราป่วย เราต้องได้รับการรักษา
    “ผมว่าเจนไม่ได้เป็นหรอก” หัวหน้าบอก “บางทีเจนอาจจะเงียบเกินไป เจนแค่เป็นคนไม่พูด หมอเค้าคงไม่เข้าใจมั้ง เลยคิดว่าเจนป่วย”

    หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้บอกอะไรหัวหน้าอีกเลย เรารู้สึกเบื่อที่จะต้องไปอธิบายตัวเองให้ใครฟัง จากสิ่งที่เค้าพูด มันทำให้เรารู้สึกได้ว่า เค้าไม่เข้าใจ แลัวเค้าก็ไม่มีวันจะเข้าใจ

    หัวหน้าก็ยังคงถามอยู่เรื่ิอยๆ ในตอนแรก โดยคำถามเค้าก็ยังเป็นคำถามของคนที่ไม่เข้าใจ แล้วหลังจากนั้นมา เราก็เริ่มรู้สึกว่าหัวหน้าแปลกๆ ไป เค้าไม่บ่นเราเหมือนเดิม เค้าไม่ค่อยจู้จี้ จุกจิก หรือคาดหวังอะไรกับเรามากเหมือนแต่ก่อน เค้าถามทุกครั้งที่เราไปหาหมอว่าเราไปหาหมออะไรมา แล้วหมอว่ายังไง ยังไปหาอยู่อีกหรอ แล้วก็ไม่ถามอะไรต่อ มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเรารู้สึกว่า หรือบางที เค้าอาจจะไม่พอใจที่เราลางานไปหาหมอ มันทำให้เราเสียงานเสียการ ที่เค้าถามก็เพราะเค้าไม่พอใจ

    ไปหาหมอจิตครั้งล่าสุด หมอถามมาว่า ที่เราปวดหลังเนี่ย มันกระทบการงานมั่งมั้ย เราบอก กระทบ กระทบมากด้วย หมอก็ถามถึงเรื่องการทำงานของเรา เราก็อธิบายให้หมอฟัง หมอทำหน้าย่นแล้วถามว่า มันกระทบกับงานขนาดนี้ แล้วหมอออโธไม่ทำอะไรเลยหรอ หมอควรไปคุยกับหมอออโธเองนะ ไม่ใช่กับเรา แล้วหมอก็ถามว่า รู้สึกกกดดันมั้ย หรือมีใครกดดันอะไรมั้ยเรื่องความเจ็บป่วยของตัวเอง โอ้โห โคตรกดดันเลยค่ะหมอ กดดันชิบหาย กดดันจะตายห่าอยู่แล้วเนี่ย แต่ก็ไม่ได้พูดไปแบบนั้น
    “ก็ไม่มีใครว่าอะไรตรงๆ นะคะ แต่ก็รู้สึกกดดัน หนูว่าหนูกดดันตัวเองด้วยส่วนนึง”
    …ก็หวังว่าหมอจะเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการจะบอก
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in