เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Janie Is Not So Welljanieishappy
หวังมาก, ผิดหวังมาก
  • เรารู้ตัวว่าเราคือคนที่มีความคาดหวังกับตัวเองสูง เราไม่รู้ว่าเพราะอะไรเราถึงได้เป็นแบบนี้ อาจจะเป็นเพราะเราอยากเป็นที่รักของคนในชีวิต เราจึงพยายามอย่างมากที่จะทำให้ทุกคนพอใจและรักหรือยอมรับเรา แต่สุดท้ายแล้ว ความพอใจของพวกเขามันก็ไม่มีอยู่จริง ความคาดหวังของพวกเขามันไม่มีที่สิ้นสุด คนที่เหนื่อยคือเรา เพราะไม่ว่าเราจะเลือกทางไหน พวกเขาก็ไม่เคยพอใจอยู่ดี
    เราโชคดีที่เรามีพ่อที่เข้าใจและให้ความสำคัญกับความสุขของเรามากกว่าความต้องการของตัวเขาเอง แต่เราก็ไม่มีความสุขอยู่ดี เพราะเรามัวแต่ไปกังวลว่าสิ่งที่เราเลือกหรือทำ มันจะทำให้เขามีความสุขไหม มันจะทำให้เขาเสียใจหรือเปล่า ความสุขของเขามันอยู่เหนือความสุขของเรา เวลาพ่อมีความสุข เราก็ดีใจที่เราทำให้พ่อมีความสุข แต่ถามว่าเรามีความสุขไหม ก็ไม่

    เราเอาความคาดหวังของทุกคนมาใส่ในหัวตัวเองแล้วก็สั่งตัวเองว่า เราต้องทำสิ่งต่างๆ เหล่านั้นให้ได้เพื่อที่คนพวกนั้นจะได้พอใจ เราจะได้เป็นที่ยอมรับของคนเหล่านั้น เราไม่มีความสุขกับการที่จะต้องฝืนทำในสิ่งที่เราไม่อยากทำ ต้องเป็นในสิ่งที่เราไม่ได้เป็นและไม่อยากเป็น ต้องอยู่ในกรอบที่เขาจัดไว้ให้ ต้องเติบโตมาเป็นมนุษย์สำเร็จรูปตามแบบที่พวกเราต้องการ 

    ถ้าคนทุกคนต้องการจากเราในสิ่งเดียวกันมันก็คงจะง่ายกว่านี้ แต่นี่ไม่ ทุกคนต่างคาดหวังจากเรากันคนละอย่างสองอย่าง เราต้องเป็นนั่น เราต้องเป็นนี่ เราต้องเก่งอันนั้น เราต้องเก่งอันนี้ เราต้องเรียนนี่นู่นนี่ เราต้องทำอันนั้นได้ อันนี้เราก็ต้องทำได้ อันนู้นเราก็ต้องทำได้อีก ถามจริง คนพวกนี้เคยคิดสักแวบนึงไหมว่า นี่คือชีวิตเรา เขาไม่ควรมาเสือก ก็คงจะไม่ หรือคิดได้แต่ก็ไม่นำพา

    ความสัมพันธ์ของเรากับหัวหน้าก็อย่างที่เราเคยเล่าไปแล้วในตอนก่อน เรามองเขาเหมือนพ่อ เขามองเราเหมือนลูก เขามีลูกน้องคนสนิทที่เขาฝึกมาแต่อ้อนแต่ออกจนตอนนี้อิตาคนนั้นมันกลายเป็นร่างโคลนของหัวหน้าเราไปแล้วอย่างสมบูรณ์ สองคนนี้เหมือนกันแทบทุกอย่าง หัวหน้าเราดูภูมิใจในตัวลูกน้องคนนี้มาก แล้วก็หวังจะฝึกเราให้เป็นร่างโคลนอีกร่างหนึ่งของหัวหน้า ตอนแรกๆ เราก็ยอมทำตาม พยายามเป็นในสิ่งที่เขาอยากให้เราเป็น แต่เราก็ทำไม่ได้สักที เพราะมันไม่ใช่ตัวเรา เราฝืนไม่ได้ แล้วหัวหน้าก็ไม่ยอมรับ สุดท้ายก็ต้องขอบคุณโรคซึมเศร้าที่มันเร่งอาการเราจนทำให้เราไม่สนใจห่าเหวอะไรทั้งหมดทั้งมวลในโลก พออาการเราเริ่มจะดีขึ้น เราก็ได้เรียนรู้ที่จะช่างแม่ง เราเลิกสนใจความต้องการของหัวหน้า เราเป็นในแบบที่เราเป็น เราไม่ฝืนตัวเองเพื่อให้เป็นอะไรตามความต้องการใครอีกต่อไป เราคือคนแบบนี้ สิ่งที่เราเป็นไม่ได้เลวร้าย ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน พ่อเรา คนที่เรารักที่สุดก็ไม่ได้เสียใจอะไรกับตัวตนของเรา เราก็เลยไม่แคร์หัวหน้าอีกต่อไป ซึ่งเขาก็ดูเหมือนจะรับไม่ได้

    เรารู้ตัวว่าเราไม่สามารถจะเก่งได้เท่าร่างโคลนของหัวหน้า เราไม่สามารถเป็นในสิ่งที่หัวหน้าพยายามจะปั้นให้เราเป็น เราเองมีสิ่งที่พวกเขาไม่มี แต่หัวหน้ากลับมองว่าเราขาด ไม่ได้มองในสิ่งดีๆ ที่เรามีมากกว่าพวกเขาว่ามันก็สำคัญ มันทดแทนกันได้ แล้วก็เลิกคาดหวังลมๆ แล้งๆ กับเราซะ ไม่ หัวหน้าไม่ทำ หัวหน้าเลือกที่จะมองแต่จุดด้อย จุดเสีย คอยหาเรื่องตำหนิติเตียนเราได้ทุกอย่าง

    เราเบื่อ เรารู้ว่าเราเปลี่ยนเขาไม่ได้แต่เราก็เบื่อ เราพยายามจะยอมรับว่า เออ นี่คือตัวเขา นี่คือนิสัยเขา ช่างเถอะ ปล่อยเขาไป แต่เราก็ปล่อยไปไม่ได้ตลอด เราช่างแม่งไม่ได้ทุกครั้ง หลายครั้งเราหงุดหงิดใส่หัวหน้าไป บางทีเราก็ร้องไห้ใส่เขา เราอธิบายตัวตนของเราให้เขาฟัง แต่สุดท้ายทุกอย่างก็วนกลับมาที่จุดเดิม หัวหน้าก็ยังคงเป็นผู้ชายแก่หัวเก่าคนเดิมที่ไม่เคยเข้าใจเราอย่างที่ปากเขาพร่ำบอกเราว่าเขาเข้าใจ

    หลายครั้งหัวหน้าถามเราว่าเราเป็นอะไร ทำไมดูเครียดๆ เงียบๆ ไม่พูด มีปัญหาอะไรรึเปล่า เราก็ได้แต่ถอนหายใจ พูดไปก็ไม่เข้าใจ ก็ไม่อยากจะเสียเวลาพูด เราเคยไว้ใจเขา เล่าให้เขาฟังทุกอย่าง หวังว่าเขาจะเข้าใจแล้วช่วยให้เราผ่านพ้นช่วงเวลายากๆ ไปได้ แต่เขาก็ทำลายความไว้ใจของเราด้วยคำพูดสิ้นคิดเพียงไม่กี่คำ 

    สำหรับเรา เมื่อความไว้ใจมันหายไป จะทำยังไงมันก็ไม่กลับคืนมาแล้วแหละ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in