เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
แอบเก็บเธออยู่ใน ฮาร์ท ฮาร์ท ข้างในหัวใจNoot Tharara
ฉากในหนังที่ทำเราเสียน้ำตาแบบ mission complete
  • มีหนังมากมายหลายเรื่องที่ทำเราเสียน้ำตากับมัน บ้างก็เป็นฉากรัก บ้างก็เป็นฉากสูญเสีย บ้างก็เป็นฉากซึ้งครอบครัว บ้างก็ดราม่าบีบหัวใจ แต่สิ่งที่จะเล่าวันนี้คือ ฉากเสียน้ำตาที่เราร้องไห้แล้วรู้สึก mission complete ไม่เชิงรู้สึกอิ่มเอมใจ แต่มันทำให้การดูหนังเรื่องนั้นมันรู้สึกสมบูรณ์อะ คือถ้าไม่มีฉากนี้หนังมันจะไม่ดีขนาดนี้ เป็นฉากร้องไห้ที่มาเติมเต็มหนัง ฟีลคล้าย ๆ กับกินเบียร์ Rose อะ ที่ก็ขมนิด ๆ แต่มีรสหวานติดปลายลิ้น (เกี่ยวป่ะวะ)

    สิ่งแรกที่จะบอกก่อนคือ มีสปอยล์นะ สปอยล์มาก ๆ และสิ่งสองที่จะบอกคือ หนังที่เราจะพูดถึงมีเรื่องอะไรบ้าง เผื่อว่าถ้าใครยังไม่เคยดู แล้วอยากจะไปหาดูก่อน ก็เป็นไอเดียที่ดี ส่วนสำหรับใครที่ไม่แคร์สปอยล์ ก็รูดดดดดดดตามลงมาเลยจ่ะ

    1. Blood Boiling Youth (เกาหลี 2014)
    2. Deaf: Hear me (Ting shuo) (ไต้หวัน 2009)
    3. Always Sunset On Third Street 1 (ญี่ปุ่น 2005)
    4. PK (อินเดีย 2014)
    5. Children of Heaven (อิหร่าน 1997)

    เอ้า พอลิสท์เสร็จแล้วเพิ่งเห็นว่าไม่มีหนังฝรั่งเลย

    แหม ก็หนังฝรั่งที่เราเสียน้ำตา ก็แฮร์รี่ตอนจบ ฉากสเนปงี้, About time ในฉากที่คุณก็รู้ว่าฉากไหน, Interstellar ที่เรา ๆ ท่าน ๆ ก็รู้กันอยู่ เห็นมะ ก็เลยเก็บไว้ไปเล่าในโพสท์อื่นดีกว่า

    เอ้า แต่อันที่ลิสท์มาคนก็ไม่ค่อยเคยดูกันป่ะว้าา

    เออว่ะ..

    เอ้า แล้วจะมาทำให้เสียความมั่นใจทำไมเนี่ย จะเล่าก็เล่ามา











    1.Blood Boiling Youth (เกาหลี 2014)

    เรื่องย่อลวก ๆ

    เป็นเรื่องราวนักเรียนนักเลงเกาหลีสมัยยุค 80s ซึ่งมีความคล้ายปัจจุบันคือ มีแก๊งนักเลงประจำโรงเรียนที่ชอบบุลลี่คนอื่น มีแก๊งนักเลงหญิง ที่ไปตบกัับแก๊งอื่นที่มาท้าทายอำนาจ ซึ่งนางเอกเป็นแก๊งนักเลงหญิงที่ว่า ส่วนพระเอกก็เป็นแก๊งนักเลงชาย? หึ่ พระเอกเป็นคนที่โดนบุลลี่ โคตรกาก แถมเคลมตัวเองว่าเป็นคาสโนว่าอีก และก็มีหญิงสาวสวยใสย้ายมาใหม่ ซึ่งพระเอกเราก็หมายตาหมายใจ แต่นางเอกเราก็หมายตาหมายใจพระเอก แล้วก็มีหัวหน้าแก๊งนักเลงชายที่มาหมายตาหมายใจนางเอกอีกที เรื่องมันก็ประมาณนี้

    ตอนดูแรก ๆ นี่ไม่หวังจะเอาอะไรนะ กะว่าดูเอาบันเทิงอย่างเดียว ดู ๆ ไปแล้วเรื่องมันก็ไม่มีอะไรเท่าไร เพราะมัวแต่โฟกัสว่าพระเอกจะได้คู่กับนนางเอกมั้ย อีสาวสวยใสนั่นจริง ๆ แล้วแรดเงียบมั้ย จนมาถึงจุดนี้ที่รู้สึกว่ามันพีค ซึ่งหนังก็ปูเรื่องจุดนี้เนียน ๆ มาโดยตลอด มันเลยทำให้เรารู้สึก เห้ย พีคว่ะ

    ต้องเล่าไปที่ตัวพระเอก(จุงกิล) ครอบครัวจุงกิลจะมีพ่อขี้เมา ที่ชอบไปกินเหล้าบ้านนางเอก(ยองซุก) ทำให้จงกิลเข้าใจว่าพ่อตัวเองกับแม่ยองซุกมีซัมติงรองกัน เลยไม่ชอบหน้ายองซุกตั้งแต่เด็ก และย่าที่ดูแลจุงกิล ใจดี ประนีประนอม คอยเกลี้ยกล่อมทุกครั้งที่จุงกิลกับพ่อทะเลาะกัน

    ประเด็นที่พ่อลูกคู่นี้ทะเลาะกันหลัก ๆ เลยก็คือ การที่พ่อขี้เหล้า เพราะพ่อขี้เหล้าและเจ้าชู้ แม่ก็เลยทิ้งไป ฉะนั้นก็เลยทะเลาะกันแทบทุกครั้งที่เจอหน้า มันก็แอบบั่นทอนพระเอกนิด ๆ เพราะพระเอกคิดถึงแม่มาโดยตลอด ของใช้เกี่ยวกับแม่ก็แทบจะไม่มี เหลือแค่รูปถ่ายใบเดียว นอกนั้นพ่อเผาทิ้งหมดแล้ว 

    จนกระทั่งวันนึงที่จุงกิลไปมีเรื่องกับแก๊งนักเลง แล้วก็เละไม่เป็นท่ากลับบ้านมา พ่อเห็นสภาพก็ถาม แต่จุงกิลเดินหนีเข้าห้อง ตามประสานิสัยคนเป็นพ่อ ก็เดินมาบ่น ๆ ถึงห้อง บ่นไปบ่นมาก็หลุดว่ามาเจอรูปแม่ที่จุงกิลซ่อนไว้ โอโห ทีนี้ก็เดือดสิครับ มาแอบค้นห้องขนาดนี้ และตามประสาคนทะเลาะกัน คือพ่นอะไรก็ได้ออกมาให้อีกฝ่ายเจ็บใจที่สุด แล้วก็ไม่พ้นเรื่องพ่อขี้เมา ไม่เอาอ่าว ทำแม่หนีไป พ่อก็ขึ้นเหมือนกัน ตบไปผลั๊วะนึง อีจุงกิลถึงกับสติแตก ทำลายข้าวของในห้อง แล้วอาทนดูไม่ได้ มากระชากคอเสื้อ แล้วพูดความจริงออกมา

    "ยังคิดว่าแม่มึงหนีไปเพราะพ่อมึงอีกหรอ แม่มึงหนีไปเพราะมีชู้โว้ยยย ไม่เชือมึงก็ไปดูในตู้เสื้อผ้าในห้องพ่อมึงสิ ที่พ่อต้องโกหกมึงเพราะเขากลัวมึงเสียใจว้อยยย"

    จุงกิลไม่ปล่อยไว้นาน รีบวิ่งเข้าไปดู พบว่าเสื้อผ้าแม่ยังแขวนอยู่ที่เดิม ทั้ง ๆ ที่ย่าเก็บมันไปทิ้งแล้วครั้งนึง และครั้งนี้ย่าก็จะเก็บมันไปทิ้งอีกรอบ พ่อก็ยังไม่ยอม นั่งร้องไห้กอดเสื้อผ้าของเมียที่ทิ้งไป

    หนังก็ฉายย้อนไปฉากใจสลายของพ่อ หลังจากที่พ่อไปทำงานต่างถิ่นกลับมา ก็พบว่าเมียไม่ได้อยู่ที่บ้านแล้ว แล้วก็เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เพื่อที่ลูกจะได้ไม่เสียใจ 



    หลังจากเหตุการณ์นี้ พ่อกับลูกก็เข้าใจกันมากขึ้น เลิกทะเลาะกัน ก็แฮปปี้เอนดิ้งตามประสาหนังรอมคอมแหละ จริง ๆ แล้วฉากแบบนี้พบได้ทั่วไปมากนะ แต่ที่มันพบได้ทั่วไปเพราะว่าเราเจอได้ในชีวิตจริง มันมีในสังคมจริง ๆ คนที่ทิ้งคนรักทิ้งลูกไปมีรักใหม่ โดยไม่เหลียวกลับมามอง เหมือนไม่เคยรักกันมาก่อนมันมีจริง ๆ











    2. Deaf: Hear me (Ting shuo) (ไต้หวัน 2009)

    เรื่องย่อลวก ๆ 

    เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มคนส่งอาหารเดลิเวอรี่(ชื่อ: เทียนเขา) ที่ตกหลุมรักหญิงสาวที่เป็นใบ้(หยางหยาง) โดยพยายามเข้าหาทุกทาง ทำให้พบว่าหญิงสาวตัวจ้อยคนนี้ทำงานหนักมาก งานจ๊อบเล็กจ๊อบใหญ่เอาหมด เพราะต้องส่งเสียน้องที่เป็นนักกีฬาว่ายน้ำ ซึ่งน้องก็เป็นใบ้เหมือนกัน หลัก ๆ ของเรื่องก็คือการที่พระเอกตามจีบนางเอกนั่นแหละ น่ารักดี ถ้าชอบหนังรักใสใส ฟีล You are the apple of my eye เรื่องนี้ก็น่าสนใจ

    ลงคลิปให้เพื่ออรรถรสนะคะ สำหรับคนที่ไม่อยากอ่านซับกากก็ดูในคลิปเลย มีอิ๊งซับให้ ส่วนคนที่ภาษาอังกฤษขรุขระเหมือนดินลูกรังเหมือนเรา เราก็ใช้กูเกิ้ลทรานสเลทแปลให้แล้วจ้า ก็ดูคลิปสลับกับเลื่อนลงไปอ่านซับกากได้เลยจ้า



    สองพี่น้องเป็นใบ้อยู่ด้วยกัน ไม่มีพ่อแม่ วันนึงน้องนางเอก(เปง)ไปเมาเหล้ามา พอมาถึงบ้าน คนพี่ก็บ่น (ทั้งหมดคุยกันเป็นภาษามือ) 

    "ทำไมไปกินเหล้ามา เดี๋ยวก็ส่งผลเสียต่อการฝึกซ้อมหรอก เธอลืมความฝันของเธอไปแล้วรึไง"
    "พี่มันก็สนใจแต่ความฝันฉัน แล้วความฝันของพี่ล่ะ"
    "อะไร?"
    "ความฝันของพี่คืออะไร ..อย่ามีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่นมากกว่าตัวเองเลย"
    "นี่กำลังพูดบ้าอะไร ความฝันของเธอก็คือความฝันของพี่ไง"

    คนน้องก็ลุกแล้วเดินหนีเลยครับ

    "แล้วทำไมพี่ถึงขโมยความฝันของฉันไปล่ะ"

    พี่ก็ตามไปนั่งคุกเข่าแล้วพูด

    "ขโมยงั้นหรอ?" 
    "พี่ก็คือพี่ และฉันก็คือฉัน แล้วทำไมพี่ถึงต้องเอาความฝันของฉันมาเป็นที่ตั้งด้วย ไม่มีใครมีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่นหรอกนะ ถึงฉันจะฟังที่คนอื่นพูดไม่ได้ แต่ฉันก็อยากเป็นเจ้าของชีวิตตัวเองนะ ฉันอาจจะไม่ได้เหรียญทองเลยสักเหรียญตลอดชีวิตของฉัน พี่ไม่ควรมาเสียสละทั้งชีวิตพี่เพื่อฉันอะ"
    "ช่วยบอกหน่อยได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น"
    "โค้ชบอกว่า การว่ายน้ำ(performance)ของฉันแย่ลง ซึ่งมันส่งผลต่อการคัดเลือก"
    "เธอจะไม่ได้แข่งอีกต่อไปแล้วหรอ"
    "ใช่ ฉันหมดสิทธิ์สำหรับปีนี้แล้ว หมดแล้วโอกาสที่ฉันจะแสดงให้โลกเห็น ว่าฉันทำงานมาหนักแค่ไหน และหมดโอกาสที่พี่จะได้โบกป้ายชื่อฉันในวันแข่ง"

    ว่าแล้วก็ชี้ไปยังป้ายผ้าชื่อน้องที่พี่ทำไว้

    "ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมามันไร้ค่าหมดแล้ว"
    "พี่ขอโทษ ทั้งหมดเป็นความผิดของพี่เอง ขอโทษจริง ๆ พี่ขอโทษ" ว่าแล้วพี่ก็คุกเข่าลงไปอีก
     
    น้องก็ลุกขึ้นมาผลััก

    "นี่พี่ไม่เข้าใจรึไง? ทั้งหมดนี้มันไม่เกี่ยวกับพี่ ฉันไม่เสียใจสักนิดที่ฉันจะไม่ได้เหรียญ แต่ฉันเสียใจที่ฉันไม่สามารถเอาเหรียญมาให้พี่ได้!"
    "ให้พี่หรอ?"
    "พี่ทั้งทำงานหนัก ไม่เคยได้ออกไปเดท ไหนจะอดมื้อกินมื้ออีก พี่เสียสละให้ฉันหมดเลย แต่ฉันไม่สามารถชนะและเอาเหรียญทองมาให้พี่ได้ แล้วฉันจะสู้หน้าพี่ได้ยังไง ไหนจะหนี้สินที่เรากู้มา เราจะเอาที่ไหนมาจ่ายในเมื่อไม่ได้เงินรางวัลแล้ว"
    "อย่ากังวลเรื่องหนี้ไปเลยนะ"

    พูดยังไม่ทันจบดี น้องก็วิ่งไปอ้วก พี่ก็รีบไปลูบหลัง ห้าผ้ามาเช็ดหน้าให้

    "ฉันเป็นน้องพี่ แต่ฉันก็ทำตัวให้พี่ต้องคอยมาดูแลอยู่เรื่อย" 

    ว่าแล้วก็ตบหน้าตัวเอง ผลั๊วะ พี่ก็ดึงมือไว้

    "ใครดูแลใคร แล้วมันสำคัญยังไงหรอ"
    "ฉันไม่อยากจะเป็นภาระให้พี่"
    "เธอไม่ใช่ภาระของพี่นะ แต่เธอคือน้องของพี่ พี่แค่อยากทำทุกอย่างที่พี่ทำได้ รู้มั้ยว่าตอนที่เธอว่ายน้ำ ตอนที่เธอกำลังลงแข่ง มันทำให้พี่ภูมิใจมากที่มีเธอเป็นน้อง จำได้มั้ยตอนที่เรายังเป็นเด็ก เธอเมินเฉยเวลาที่มีคนมารังแก เธอไม่เคยโกรธเลย แต่เวลาที่มีคนมารังแกพี่ เธอจะมาจัดการให้ตลอด พี่ภูมิใจมากที่มีเธอเป็นน้อง เธอไม่ใช่ภาระ ..ถ้าชาติหน้ามีจริง เธอจะอยากเกิดมาเป็นน้องของพี่มั้ย?"

    ว่าแล้วก็กอดกัน


    ฟีลหนังเอเชียอะเนาะ ที่ครอบครัวจะเสียสละ โอบอุ้มกัน มันเลยทำให้เรารู้สึกอินไปด้วยเวลามีฉากแบบนี้ในหนัง ใจจริงก็อยากให้ไปดูแบบทั้งเรื่องแหละ จะได้เข้าใจความสัมพันธ์ของตัวละครมากขึ้น พอมาถึงฉากนี้จะได้ร้องไห้หนักกว่าตอนที่คัทมา อีกอย่างคือหนังเขาน่ารักจริง ๆ เป็นหนังเอเชียอบอุ่น ๆ อะ









    3. Always Sunset On Third Street (ญี่ปุ่น 2005)

    เรื่องย่อลวก ๆ 

    เป็นเรื่องราวชีวิตของผู้คนที่บ้านตั้งอยู่บนถนนสายที่มองเห็น Tokyo Tower ซึ่งภาคนี้เป็นภาคแรก จะเห็นว่า Tokyo Tower ยังสร้างไม่เสร็จ หนังก็จะแสดงให้เราเห็นถึงการเริ่มต้นชีวิตของตัวละครหลังจากผ่านสงครามโลกมาได้ไม่กี่ปี เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ย่อลวก ๆ ยากอะ เพราะรายละเอียดยิบย่อยเยอะตามสไตล์งานญี่ปุ่น ถ้าเล่าลวก ๆ เราก็จะไม่เห็นความดีงามของหนังที่เขาอุตส่าห์ใส่มา แนะนำจริง ๆ อยากให้ไปดูเรื่องนี้ ดูการ์ตูนของ Studio Ghibli แล้วอิ่มเอมใจฉันท์ใด เรื่องนี้ก็ดูจบแล้วอิ่มเอมใจฉันท์นั้น





    เราจะเว้นตรงนี้ไว้เยอะ ๆ เผื่ออยากเปลี่ยนใจไปดูหนังก่อน ยังทันนะ













    หนังเรื่องนี้มีฉากที่ทำให้ร้องไห้อิ่มเอมใจเยอะมาก ซึ่งจะไม่ยกมาหมด(ก็บอกว่าอยากให้ไปดูเอง) แต่มีฉากนึงที่รู้สึกว่าชอบมาก คือตัวละคร ริวโนะสึเกะ เจ้าของร้านขายของเล่นเด็ก และเป็นนักกวีไส้แห้งที่เขียนงงานส่งสำนักพิมพ์เท่าไรก็ไม่ผ่าน เลยได้แต่เขียนนิยายเด็กลงนิตยสารเด็ก จนวันนึงไปกินเหล้า ก็โดนสาวร้านเหล้าสุดสวย เสน่ห์แรงหว่านเสน่ห์ใส่ ริวโนะสึเกะผู้ไม่เคยต้องหญิงก็อ่อนระทวยแทบจะละลายไหลลงไปอยู่กับเหล้าในแก้ว(เว่อร์)

    วันต่อมา สาวร้านเหล้าคนนั้นก็ได้ภาระก้อนใหญ่มา คือเด็กผู้ชายคนนึงชื่อ จุนโนะซึเกะ ซึ่งเป็นลูกของเกอิชาที่เคยทำงานด้วยกันทอดทิ้ง ถ้ามีเด็กในร้านแบบนี้ใครจะมากินเหล้า ก็เลยต้องไปขอร้องให้ริวโนะสึเกะช่วยรับไว้ดูแลที "แล้วจะแวะมาหาบ่อย ๆ นะคะ" เจอแบบนี้เข้าไปก็อ่อนระทวยตกปากรับคำทันที

    ตามประสาเด็กมีปมในใจ จุนโนะสึเกะเป็นคนเงียบ นั่งเงียบ ๆ อยู่ในมุม จนพบว่าพระเอกเป็นคนเขียนนิยายเรื่องที่ตนเองชอบ ก็แทบถวายตัวรับใช้ทันที ยิ่งพอรู้ว่าพระเอกมีหนังสือภาคต่อทุกเล่มนี่ถึงกับนวดแขนขวดขาให้กันเลยทีเดียว หลังจากนั้นเหมือนจุนโนะสึเกะก็มีริวโนะสึเกะเป็นไอดอล ทำให้พยายามแต่งนิยายบ้าง จนวันนึงริวโนะสึเกะมาเจอนิยายที่จุนโนะสึกเกะเขียนไว้ มันเจ๋งมาก ๆ ก็เลยลองส่งไป ปรากฏว่าได้ตีพิมพ์ลงนิตยสาร พอจุนโนะสึกเกะรู้ แทนที่จะโกรธก็รู้สึกดีใจมากจนร้องไห้ออกมา

    ความสัมพันธ์ของสองคนนี้คือการเป็นคนอื่นของกันและก้น โดยเฉพาะริวโนะสึกเกะจะย้ำมาก ๆ ว่านายเป็นคนอื่นนะ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็หาข้าวหาน้ำให้จุนกินครบทุกมื้อ(ขอไม่มี -โนะสึกเกะ ต่อท้ายได้มั้ย คงไม่งงชื่อหรอกเนาะ ขี้เกียจอะ 55555) วันที่จุนหายไป ริวก็เป็นห่วงมากจนแทบเป็นบ้า วันคริสต์มาสก็ไปยืมเงินเพื่อนบ้านมาซื้อปากกาหมึกซึมให้จุน แถมให้คนแต่งตัวเป็นซานต้าคลอสมาให้ของขวัญด้วย

    แล้ววันนึงพ่อแท้ ๆ ของจุนก็ปรากฏตัวขึ้น รวยด้วย มีคนขับรถให้ด้วย ต้องดูแลจุนได้ดีว่าตนแน่นอน ริวก็ได้แต่ยิ้มและบอกจุนว่านายไปอยู่กับพ่อนายแหละดีแล้ว จะได้เลิกเป็นภาระฉันสักที เรามันก็เป็นแค่คนอื่นของกันและกันนะ ไปซะเถอะ พูดไปก็หลบสายตาร้องขอของจุนไป พอจุนโดนต้อนขึ้นรถไป ริวก็ได้แต่ร้องไห้ ทำลายข้าวของในบ้านตัวเอง จนไปเจอจดหมายของจุน ที่เขียนขอบคุณที่เลี้ยงมา และรู้ด้วยว่าปากกาไม่ใช่ของซานต้าคลอส แต่เป็นริวที่ซื้อให้ 

    น้ำตาที่แตกอยู่แล้ว ทีนี้สติแตกด้วย วิ่งตามรถคันหรูของพ่อที่แท้จริง วิ่งไปล้มไป ได้แต่เห็นหลังรถอยู่ไหว ๆ สุดท้ายก็วิ่งไม่ทัน ทรุดลงกับพื้นอย่างสื้นหวัง พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าจุนวิ่งกลับมา แล้วก็เลยวิ่งเข้าไปกันกอดกัน กอดเสร็จริวก็ยังไม่ยอมรับสิ่งที่ตนรู้สึก ผลักจุนออก แล้วยังบอกว่า นายจะหลับมาทำไม ฉันมันก็แค่คนอื่น ไม่ใช่พ่อนายสักหน่อย ผลักอยู่สามสี่ที จุนก็วิ่งกลับมากอดทุกที จนสุดท้ายก็กอดกันร้องไห้กลับบ้าน

    ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าเด็กคือความสดใส ความไร้เดียงสา ตาใส ๆ มักจะทำให้เรารู้สึกเอ็นดูขึ้นมา ยิ่งถ้าได้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแบบนี้แล้ว แม้ว่าจะย้ำว่าเราต่างคนต่างเป็นคนอื่นของกันและกันแค่ไหน ไม่ได้ช่วยให้ไม่รู้สึกผูกพันกันหรอก ทำให้ริวผู้ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองคนเดียวมาโดยตลอดได้คิดถึงเด็กตาใสคนนี้โดยที่ไม่รู้ตัว











    4. PK (อินเดีย 2014)

    เรื่องย่อลวก ๆ 

    พระเอกเป็นมนุษย์ต่างดาวที่มาหาอะไรสักอย่างบนโลก พอเหยียบโลกได้ไม่กี่นาทีเท่านั้นแหละ ก็โดนตาแก่อินเดียวิ่งราวเอาเครื่องมือสื่อสารที่มีลักษณะเป็นสร้อยจี้สีฟ้า ๆ ไป ทำให้ติดต่อกับยานแม่ไม่ได้ แล้วเรื่องราววุ่นวายก็เกิดขึ้น เรื่องนี้เป็นหนังที่จิกเรื่องศาสนาเบา ๆ (เบาป่ะวะ) นั่นแหละ แต่เนื้อหาดีจริง สนุกมากด้วย ทำเอาเราชอบการที่หนังอินเดียใส่ส่าหรีเต้นไปเลย อยากเต้นให้ได้แบบนั้นบ้าง




    หลังจากพระเอกตามหาเครื่องมือสื่อสารอย่างเคว้ง ๆ ได้สักพัก ก็ได้พบกับคนที่เป็นพี่ชาย ที่ใจดี ยื่นมือมาช่วยเหลือเขา หลังจากนั้นเขาได้เข้าเมืองเดลีเพื่อตามหาเครื่องมือสื่อสารที่ว่า และยังได้เจอกับนางเอกที่เป็นนักข่าว ที่สนใจจะทำข่าวเกี่ยวกับศาสนาโดยใช้PKเป็นสื่อกลาง

    ฉากเรียกน้ำตาที่ว่ามาจากที่PKเข้าเมืองมา ทำให้ต้องแยกกับพี่ชาย พอพีเคเริ่มมีชื่อเสียงจากการเป็นสื่อกลางที่ตั้งคำถามกับศาสนา พี่ชายก็ได้เดินทางมาเยี่ยมน้องรัก ในขณะที่PKกำลังไปรับพี่ชายที่กำลังเดินลงมาจากรถไฟ รถไฟก็ระเบิด และPKก็เห็นพี่ชายที่กำลังวิ่งจะมากอดตนร่างสลายไปต่อหน้า

    ด้วยความที่คาแรคเตอร์พี่ชายโดนปูมาให้ ใจดี ที่เป็นคนแรกที่สอนเรื่องการใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์ให้กับPK และยังทำดีกับน้องชายอย่างไม่หวังผลตอบแทนอะไร พูดง่าย ๆ คือตัวละครที่ทำมาให้คนรักแล้วคนเขียนบทก็เชือดทิ้งให้คนดูใจสลายเล่น ๆ ฉากนี้เลยสะเทือนใจมาก ทั้งสงสารพี่ชาย ทั้งสงสารตัวPK












    5. Children of Heaven (อิหร่าน 1997)

    เรื่องย่อลวก ๆ

    เรื่องราวของสองพี่น้อง อาลีกับซาร่า ที่พี่เอารองเท้าน้องไปซ่อมแล้วทำหาย ด้วยความยากจน พ่อตกงาน แม่ป่วย ทำให้พวกเขาต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ และต้องสลับกันใส่รองเท้าไปโรงเรียนทุกวัน

    เรื่องนี้เน้นให้เห็นความยากจนล้วน ๆ เลย แต่เด็กสองคนนี้ก็ยังมองโลกในแง่ดี และเก็บความรู้สึกบางอย่างไว้กับตัวเองเพราะเข้าใจถึงสถานการณ์ของครอบครัวดี อาลีเก็บความลับเรื่องที่เขาโดนครูหมายตาลงโทษทุกวันเพราะต้องรอเปลี่ยนรองเท้ากับซาร่าทำให้มาโรงเรียนสาย แม้ว่าจะวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตแล้วก็ตาม ส่วนซาร่าก็เก็บความรู้สึกที่อยากมีรองเท้าสวย ๆ เหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่น ๆ 


    จนกระทั่งวันหนึ่ง โรงเรียนได้รับสมัครตัวแทนนักวิ่งไปแข่งวิ่งมาราธอน ด้วยความที่อาลีวิ่งหน้าเริดมาโรงเรียนทุกวัน ทำให้เขาได้เป็นตัวแทนโรงเรียน

    สิ่งที่อาลีหวังมีแค่รางวัลที่สามเท่านั้น ซึ่งก็คือร้องเท้า ตลอดการวิ่งมีทั้งเด็กขี้โกง อาลีทั้งลมลุกคุกคลาน สุดท้าย อาลีก็ได้ที่หนึ่ง ทำให้เขาร้องไห้ออกมา เพราะเขาอยากได้รางวัลที่ 3 ไม่ได้อยากได้ถ้วยรางวัลเลย

    หลังจากเอาใจช่วยมาทั้งเรื่อง และไม่รู้ว่าตัวละครจะหลุดพ้นปัญหานี้อย่างไร พอเรื่องจบดีแต่ไม่ได้ดีมาก ครอบครัวนี้ก็ไม่ได้รวยขึ้นมา ก็ยังจนอยู่ แต่ทุกอย่างมันลงตัวมากขึ้น ทำเราร้องไห้ตามแบบ ดีใจด้วยยยย ในที่สุดก็มีวันนี้ อะไรแบบนี้



    ................................................................................................................


    หนังทุกเรื่องที่เรากล่าวมาหาดูง่ายม๊าก ยกเว้นเรื่อง Deaf ที่ไม่แผ่นในไทย แต่คิดว่าน่าจะรู้ว่าจะไปหาอิ๊งซับได้จากที่ไหน ส่วนเรื่อง Children of heaven เห็นหนังเก่า ๆ แบบนี้ แต่หาได้ตามกระบะ 3 แผ่น 99 บาท ในบีทูเอสนะ


    สุดท้ายนี้ นี่เป็นครั้งแรกของเราที่เขียนแนวอื่นนอกจากเล่าเรื่องของตัวเอง อยากให้ช่วยแนะนำเราด้วย ติเรามาเลย เราจะได้เอาไปปรับปรุง (แต่อย่าติเรื่องเราขี้เกียจพิมพ์ -จุนโนะสึเกะ เลยนะ เราขี้เกียจจริง ๆ) ขอบคุณค่ะ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Winai Chaichana (@winaichaichana)
Always ดีมาก ๆ ครับ เคยดูตอนเรียนวิชาเอกสมัยมหาลัย :)