แสงสว่างจากด้านนอกนั้นลอดผ่านช่องหน้าต่างด้านบนสุดซึ่งถูกเจาะเป็นวงกลมตกแต่งด้วยซี่เห็นเป็นลวดลายทำให้เกิดแสงเงาลงบนพื้นห้อง เมื่อแสงนั้นตกกระทบเข้ากับร่างของคนทั้งคู่ที่ยังคงกอดเกยกันก็อยู่แบบนั้น ย่อมทำให้เกิดเงาที่สะท้อนความเป็นรูปเป็นร่างของท่าทางที่คงไม่เหมาะสักเท่าไรของทรูอัลฟ่าและเพียวโอเมก้าหากใครได้เข้ามาพบเห็น
สัมผัสจากผิวเนื้อเนียนนุ่มที่อิงแอบแนบชิดกับร่างกายของทรูอัลฟ่าหนุ่มของเพียวโอเมก้าตัวขาวซึ่งนั่งทับซ้อนอยู่บนตักกว้าง สัมผัสอุ่นและเปียกชื้นบริเวณช่วงอกคงไม่พ้นเป็นน้ำตาที่กลั่นกรองออกมาจากตาคู่สวยของคุณหนูเยลเวอร์ตันที่เอาแต่ร้องไห้เงียบ ๆ แม้ฝ่ามือขาวจะลูบปลอบประโลมแผ่นหลังกว้างแต่ก็กลับจะดูเหมือนเป็นการกอดปลอบตัวเองเสียมากกว่า
“กลัวอะไรเลนนิกซ์ขนาดนั้นกันคุณหนู..”
ยิ่งได้ยินชื่อต้องห้ามก็ยิ่งทำให้เธียร์นั้นเบียดตัวเข้าหาทรูอัลฟ่าหนุ่มมากขึ้นจนตอนนี้คนตัวเล็กกกว่าแทบจะจมหายเข้าไปในอกของแมดส์
“ระ เรา.. ไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้น”
“เรื่องฮีทครั้งแรกน่ะหรือ”
“นายรู้ได้ยังไง..” เธียร์รู้สึกชาวาบไปทั้งตัวเมื่อได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยถึงเรื่องนั้นออกมา อดีตที่ไม่น่าจดจำมันไม่ควรถูกขุดคุ้ยขึ้นมาพูดถึง เหยื่อในเหตุการณ์ย่อมไม่ได้มีความยินดีกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะผ่านมานานสักเท่าไร “ตอบสิ..”
“มันก็ควรเป็นเรื่องที่ฉันต้องรู้ไม่ใช่หรือ”
“หากรู้แล้วช่วยอะไรไม่ได้ สู้ไม่รู้เสียยังดีกว่า”
เธียร์ เยลเวอร์ตัน กำลังรู้สึกอับอายจนขอบตานั้นร้อนผ่าวไปหมด เขายังนึกขยะแขยงและรังเกียจตัวเองในทุกครั้งยามที่นึกถึงมัน ความรู้สึกที่ไม่เคยหายไปเพียงแค่สะกิดมันนิดเดียวก็พร้อมจะระเบิดออกมา ช่างเป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าจะควบคุม
“หากยังบริสุทธิ์ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องกดตัวเองให้ดูไร้ค่า”
“….”
“ว่ายังไงล่ะเยลเวอร์ตัน”
เอ็ดมันด์ เลนนิกซ์ นั้นทำได้แค่เพียงสัมผัส เธียร์ เยลเวอร์ตัน แต่เพียงภายนอกบนผิวกายขาว มือร้อนที่แตะลากไล้กรีดตามร่องสะโพกจนสัมผัสเข้ากับความชื้นแฉะของร่างกายที่ถูกขับออกมาในยามฮีท สัมผัสเล้าโลมที่พยายามไล่ต้อนให้เพียวโอเมก้าโอนอ่อนนั้นคงเกือบจะลึกซึ้งไปมากกว่าที่ควรหากไม่ได้พี่ชายของเยลเวอร์ตันเองเข้ามาช่วยเหลือ
เขาไม่เข้าใจสักนิดว่าตัวเองนั้นเป็นฝ่ายผิดหรือที่ฮีท.. ในเมื่อไม่เคยมีใครคิดจะช่วยเขาป้องกันเหตุการณ์ที่ใครต่างก็รู้ว่ามันต้องเกิดกับโอเมก้าทุกคน ความละเลยและตั้งใจที่จะไม่ใส่ใจของพวกเขากลับกลายเป็นความผิดที่โยนมาให้เพียวโอเมก้าทั้งหมด
มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับคนไร้อำนาจที่จะต่อสู้กับคนที่มีอำนาจอยู่ล้นมือ… เมื่อถูกบังคับให้ผิดก็ต้องเป็นคนผิดทั้งที่ไม่ได้ทำอะไร เขาเองก็ไม่อยากจะโทษว่ามันคือความผิดเอ็ดมันด์ที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ สัญชาตญาณดิบของอัลฟ่าที่เป็นหนุ่มก็คงยากที่จะจัดการเฉกเช่นเดียวกับโอเมก้ามือใหม่ที่ต้องจัดการกับฮีทแรกของตัวเอง
หลายวันที่เขาต้องทนทุกข์ทั้งจากสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำผิดด้วยการถูกขังอยู่ในห้องที่แน่นหนา ทั้งยังต้องคอยผวาอยู่ทุกเมื่อยามได้ยินเสียงจากด้านนอกของพวกอัลฟ่าที่ได้กลิ่นของตัวเองและพยายามจะเข้ามาในห้อง คำพูดคุกคาม เสียงน่ารังเกียจและกลิ่นของอัลฟ่าชั้นต่ำพวกนั้นมันช่างน่าขยะแขยง อีกทั้งการต้องต่อสู้กับสัญชาตญาณของร่างกายที่เอาแต่เรียกร้องในสิ่งที่เธียร์ไม่เคยคิดจะต้องการก็ดูจะเป็นช่วงเวลาที่เพียวโอเมก้าไม่เคยลืม
“เราไม่เคยเป็นของใคร..”
ไม่ใช่แค่เพียงร่างกายของเธียร์ที่บริสุทธิ์ เพราะไม่ว่าจะจิตใจหรืออะไรก็ตามที่เป็นคุณหนูเยลเวอร์ตันนั้นบริสุทธิ์เกินกว่าจะแปดเปื้อน
“และจะไม่มีวันเป็นของใครเช่นกัน”
เพราะทั้งโลกใบนี้สำหรับ เธียร์ เยลเวอร์ตัน คงไม่มีใครที่อาจจะเห็นค่าของตัวเองได้เท่ากับตัวเพียวโอเมก้าเอง
“คงเป็นเรื่องยากสำหรับโอเมก้าที่จะไม่มีคู่..”
“ต่อให้เป็นคู่แห่งโชคชะตาหากไม่รัก เราก็ไม่ต้องการเขา”
“ยังมีคนเชื่อเรื่องพวกนี้กันอยู่อีกหรือ” แมดส์ ไทเลอร์ แค่นหัวเราะในลำคอด้วยความไม่เชื่อ “โชคชะตาบ้าบออะไรนั่นมันก็แค่เรื่องเล่า”
หากมันเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าจริง ๆ ก็คงจะดี…
“แต่ถึงอย่างนั้น นายจำไม่ได้หรือว่าฉันเคยบอกให้ระวังตัวเองไว้…”
ทรูอัลฟ่าหนุ่มที่เงียบอยู่นานเอ่ยถามคนตัวขาวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนเช่นทุกครั้ง ฝ่ามือหนานั้นไม่แม้แต่จะแตะต้องลงบนร่างกายของเพียวโอเมก้าที่ซ้อนทับอยู่บนร่างกายของตัวเองแต่อย่างใด นอกเสียจากจะปล่อยมือของตัวเองค้ำยันไว้กับพื้นข้างลำตัวของตัวเอง
“แม้แต่กับนาย?” เจ้าของตาใสละใบหน้าออกจากไหล่กว้างแล้วเงยหน้าขึ้นมาช้อนตาที่ยังคงคลอหน่วงไปด้วยน้ำตามองใบหน้าดุดันของผู้ดูแลคนใหม่ของตัวเอง
“ไว้ใจคนง่ายเหลือเกินนะเยลเวอร์ตัน” แมดส์ ไทเลอร์ เอ่ยตำหนิคนที่ดูจะไล่ตามใครไม่ทันอย่างอดไม่ได้
“เราแค่รู้สึกก็เท่านั้น..”
มันไม่มีเหตุผลเพราะต่อให้หาเหตุผลมาได้มันก็คงเป็นเหตุผลที่ใช้ไม่ได้สำหรับความรู้สึกของคุณหนูเยลเวอร์ตัน
“รู้สึก?”
“เราไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่” เพราะหากเข้าใจ เธียร์ เยลเวอร์ตัน ก็คงไม่สับสนและว้าวุ่นอยู่แบบนี้เป็นแน่
“ไว้หาคำตอบได้ค่อยมาบอกกันก็คงไม่สายเกินไป”
“นายไม่รู้สึกเลยหรือไทเลอร์..” ตาใสยังคงมองใบหน้าของคนตาดุด้วยความสงสัย ความเป็นไปไม่ได้ที่อยู่ ๆ ก็เกิดขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อพวกนี้จะมีเพียงเธียร์เท่านั้นหรือที่รู้สึก “หรือเราจะคิดมากไปเอง..” ปากบางพึมพำกับตัวเองงึมงำก่อนจะผงะจนแทบหงายหลังเมื่อจู่ ๆ คนที่นิ่งสงบอยู่ในตอนแรกนั้นคว้าหมับเข้าที่เอวบางจนมือใหญ่ของทหารจำเป็นนั้นแทบจะจับได้เกินครึ่งเอวของคุณหนูเยลเวอร์ตัน
“แล้วฉันต้องรู้สึกอย่างไรกันกับการเข้าใกล้เพียวโอเมก้า..” ใบหน้าดุคมที่โน้มจนใกล้ชิดคนตัวขาวนั้นย่อมทำให้แมดส์ได้เห็นใบหน้าน่ารักได้อย่างใกล้ชิดอีกครั้งอย่างเต็มตา
สายลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านเข้ามาจากทางหน้าต่างด้านบนชวนทำให้กลิ่นของคนทั้งคู่ผสมกันจนยากจะแยกได้ แดนใต้ที่ว่าเต็มไปด้วยอากาศซึ่งร้อนชื้นคงจะเป็นจริงอย่างที่ว่าเมื่อภายในห้องของคุณหนูเยลเวอร์ตันนั้นกลับอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
โดยไม่รู้ว่าแท้จริงของอากาศที่ร้อนขึ้นนั้นเพราะอากาศหรือเพราะคนกันแน่?
คนตัวขาวกำช่วงบ่ากว้างของอีกคนแน่นอย่างทำอะไรไม่ถูกเมื่อโดนจู่โจมอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ใบหน้าน่ารักผินหนีปลายจมูกของทรูอัลฟ่าหนุ่มในขณะที่ก็พยายามจะดันตัวอีกฝ่ายให้ออกห่างจากตัวเอง
มันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับ แมดส์ ไทเลอร์ ที่จะได้กลิ่นของคนอื่นเลยสักนิด ไม่ว่าจะกลิ่นหอมแค่ไหนหรือเชิญชวนมากสักเท่าไหร่มันก็คงไม่มีผลกระทบกับไทเลอร์ที่เมินเฉยกับเรื่องพวกนี้
“ไม่ต้องรู้สึก…”
เธียร์ เยลเวอร์ตัน เอ่ยตอบคำถามที่ทำให้ตัวเองขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง คำตอบที่พูดออกไปนั้นคือความรู้สึกจริง ๆ ที่เธียร์อยากจะให้อีกคนเป็น เพราะหากไม่รู้สึกอะไรกับเพียวโอเมก้าก็นับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับเธียร์ที่อยู่กับการต้องรองรับความรู้สึกแย่ ๆ ที่คนอื่นมีต่อเพียวโอเมก้า
“งั้นก็ดีใจด้วยเพราะฉันเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไร..”
ทั้งที่ไม่อยากให้อีกคนรู้สึกแต่พอได้รับคำตอบแบบนั้นมันก็กลับทำให้เธียร์รู้สึกชาไปทั่วทั้งร่างกายเสียอย่างนั้น จะด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์หรือคำพูดตรงไปตรงมาของแมดส์ก็ล้วนจะเป็นพิษสำหรับเยลเวอร์ตันไปเสียหมด
“ถ้าอย่างนั้นนายก็ควรปล่อยเราได้แล้ว” เจ้าของเสียงน่าฟังเอ่ยในขณะที่มือขาวนั้นเผลอยกขึ้นจับหลังคอของตัวเองอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อรู้สึกร้อนวาบขึ้นมา
“เป็นอะไร” ฝ่ามือใหญ่ละออกจากเอวบางก่อนจะเลื่อนขึ้นไปจับมือขาวที่เอาแต่กุมหลังคอตัวเอง และการกระทำของแมดส์ ไทเลอร์ ก็ทำให้เธียร์นั้นเผลอปัดมืออีกฝ่ายออกในทันทีราวกับไม่ต้องการให้มายุ่ง
“เราขอโทษ..” ปฏิกิริยาที่ไปเองนั้นยังคงสวนทางกับความรู้สึกผิดของคนตัวขาวที่เผลอทำอะไรแย่ ๆ ใส่คนตรงหน้า “เราไม่ชอบให้ใครมายุ่งแถวหลังคอตัวเอง”
แมดส์ ไทเลอร์ ก็พอเข้าใจได้ว่าทำไมโอเมก้าถึงแสนหวงจุดนี้นักหนา จุดสำคัญที่มีผลต่อการใช้ชีวิตย่อมต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
“ไม่อยากให้ใครยุ่งแล้วทำไมถึงไม่ใส่ปลอกคอกัน..”
“มันไม่ได้จำเป็นสำหรับเรา”
แม้ปากจะบอกว่าไม่จำเป็นแต่เพียงแค่มองตาก็ทำให้แมดส์พอจะเข้าใจอะไรได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“ใครที่บอกว่าไม่จำเป็น”
“พวกเขา..”
โอเมก้าปกติทั่วไปยังมีสิทธิ์ได้สวมใส่ปลอกคอเพื่อป้องกัน แต่เพียวโอเมก้าอย่างเขาไม่มีสิทธิ์สักนิดที่จะ
ทำอะไรเพื่อป้องกันตัวเอง ในเมื่อพวกเขาที่ว่าเป็นคนตัดสินใจทุกอย่างแทนเธียร์ทั้งหมด
“ไร้สาระสิ้นดี”
แมดส์ ไทเลอร์ สบถออกมาก่อนจะหยัดตัวยืนขึ้นเต็มความสูงในขณะที่เธียร์นั้นยังคงนั่งอยู่ที่พื้นในระดับซึ่งต่ำกว่า ใบหน้าน่ารักยังคงแหงนมองทรูอัลฟ่าที่ยืนก้มหน้ามองตัวเองด้วยสายตาเรียบนิ่งด้วยความรู้สึกที่ถูกบังคับกลาย ๆ เพราะอิทธิพลของทรูอัลฟ่าที่บังคับให้เจ้าตัวต้องสบตากับอีกฝ่าย
“เราไม่ได้อยู่ในจุดที่เลือกได้…”
“ฉันนี่ล่ะจะเป็นคนเลือกให้”
“นี่มันอะไรกัน..”
เอนยาเอ่ยถามคนที่เดินพรวดเข้ามาในห้องโดยไร้ซึ่งการเคาะด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย หัวหน้านายทหารอย่างไทเลอร์มักจะทำอะไรที่ไร้ซึ่งมารยาทเป็นเรื่องปกติจนเกินเยียวยา และในวันนี้เองก็เช่นกันที่อีกฝ่ายทำมันอีกครั้งท่ามกลางความตกใจของเพียวโอเมก้าที่กำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังการอาบน้ำช่วงเย็นก่อนที่แม่บ้านคนสนิทจะต้องกลับออกไป
แผ่นหลังขาวเนียนกับช่วงเอวบางถูกเผยให้เห็นชั่ววินาทีก่อนที่เจ้าตัวจะดึงเสื้อคลุมขึ้นเมื่อรับรู้ถึงการเข้ามาใหม่ยังคงติดตาทรูอัลฟ่าหนุ่ม แต่ที่ชัดเจนในสายตาของแมดส์ตอนนี้ก็คงไม่พ้นใบหน้าของคุณหนูเยลเวอร์ตันที่ขึ้นริ้วสีแดงเพราะความอายเมื่อครู่
“มีอะไรหรือไทเลอร์..” คนที่กระชับเสื้อคลุมเข้าหากันจนปิดบังผิวขาวเอ่ยถามคนผิวเข้มในทันที วันทั้งวันที่เจ้าตัวหายไปอย่างไร้คำบอกกล่าวนั้นสร้างความสงสัยให้กับคุณหนูเยลเวอร์ตันไม่น้อย เพราะอย่างน้อยแมดส์ก็ให้อิสระเธียร์เพิ่มมากขึ้นด้วยการให้เจ้าตัวสามารถเดินเล่นในปราสาทได้แต่ห้ามออกไปด้านนอก เพราะอย่างนั้นวันทั้งวันในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาคุณหนูเยลเวอร์ตันก็เอาแต่ขลุกอยู่ในห้อง
หนังสือซึ่งติดกับสวนดอกไม้ของปราสาท
“ของคุณหนู..”
กล่องในมือของแมดส์ถูกยื่นมาตรงหน้าเธียร์ท่ามกลางสายตาที่เฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ของเอนยา กล่องไม้ที่ถูกสลักลวดลายสวยงามขนาดไม่ใหญ่มากทำให้ตาใสจ้องมองมันด้วยความสนใจ
“พี่ฝากมาให้เราหรือ” เมื่อคิดได้เช่นนั้นน้ำเสียงของเยลเวอร์ตันก็ดูจะร่าเริงขึ้นจนทำให้เอนยาอดยิ้มไม่ได้ ท่าทางกระตือรือร้นที่จะรับของจากทรูอัลฟ่ามาด้วยความสนใจ
“หมดธุระแล้ว ฉันคงต้องขอตัว” แมดส์ว่าก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องหลังจากพูดจบ ทิ้งไว้ก็แต่ เธียร์ เยลเวอร์ตัน ที่ยังคงจ้องมองของที่ได้รับมาในมือจนลืมแต่งตัวไปเสียสนิท
“คราวนี้พี่จะฝากอะไรมาให้เรานะเอนยา..” เสียงใสเอ่ยถามคนสนิทอย่างต้องการความคิดเห็น แม้จะอยากรู้มากแค่ไหนแต่เจ้าตัวก็ยังคงไม่ยอมเปิดกล่องนั้น
“อาจจะเป็นผ้าเช็ดหน้าที่คุณหนูเคยบอกคุณชาย..”
“เราก็คิดแบบนั้น” มือขาวจัดแจงวางกล่องไม้ไว้บนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะเดินไปแต่งตัวให้เรียบร้อยหลังจากถูกขัดจังหวะในการแต่งตัวเมื่อครู่
ท่าทางว่าหนังสือที่เธียร์ยังอ่านค้างไว้ที่ห้องหนังสือในวันนี้คงจะน่าตื่นเต้นกว่าปกติน่าดูเพราะของขวัญจากพี่ชายที่ถูกส่งมา
ปราสาทหลังใหญ่ในช่วงค่ำคืนยิ่งดูเงียบเหงากว่าปกติเมื่อความมืดนั้นเข้าปกคลุม แสงไฟจากเชิงเทียนที่ถูกจุดตามที่ต่าง ๆ รวมไปถึงคบเพลิงเล็กหรือโคมไฟก็ช่วยเพิ่มความสว่างให้กับตัวปราสาทหลังนี้ เสียงย่ำเท้าเป็นจังหวะที่ไม่ดังมากนักตามน้ำหนักเท้าของคนที่มักทำอะไรเบาเป็นทุนเดิมอย่างคุณหนูเยลเวอร์ตันยังคงก้องไปทั่วปราสาท
ขาเรียวของคนตัวขาวนั้นกำลังมุ่งหน้าไปยังห้องหนังสือซึ่งอยู่ทางด้านล่างนั้นเป็นจุดหมายของคุณหนูเยลเวอร์ตันในค่ำคืนนี้ หนังสือเล่มที่ถูกอ่านค้างไว้ยังคงรอคอยให้เพียวโอเมก้านั้นเข้าไปอ่านมันต่อ
ดูจากจำนวนหน้าที่ยังเหลือแล้วคนตัวขาวก็ประมาณได้ว่าคืนนี้คงเป็นคืนที่ตัวเองจะต้องนอนดึกเป็นแน่ หรือไม่ก็คงต้องนอนที่ห้องหนังสือแทนการเดินขึ้นไปทางด้านบน
แสงไฟในห้องที่เต็มไปด้วยหนังสือจำนวนหนึ่งถูกจุดขึ้นเมื่อเธียร์ก้าวเข้ามาในห้อง มือขาวจัดการวางกล่องไม้ในมือที่หยิบลงมาจากห้องของตัวเองลงบนโต๊ะที่ใช้อ่านหนังสือ ก่อนที่คนตัวขาวจะทรุดนั่งลงบน
เก้าอี้แล้วเอื้อมไปหยิบหนังสือที่ถุกอ่านค้างไว้มาอ่านต่อ
ขนนกที่ถูกนำมาใช้เป็นปากกานั้นยังคงเป็นเครื่องมือที่ทำให้ เธียร์ เยลเวอร์ตัน นั้นสามารถจดบันทึกสิ่งที่ตัวเองไม่เคยได้รับรู้ลงไปในหน้ากระดาษสีขาวอย่างเป็นระเบียบ โลกภายนอกที่เพียวโอเมก้าอาจไม่เคยได้สัมผัสแต่ก็ใช่ว่าเจ้าตัวจะไม่พยายามศึกษา เพราะอย่างน้อยหากวันหนึ่งที่ได้ออกไปมันก็คงเป็นตัวช่วยได้ไม่น้อยสำหรับเขา
แต่แล้วเนื้อความในหนังสือที่กำลังอ่านนั้นก็ทำให้มือขาวนั้นต้องเก็บปากกาขนนกนั้นกลับไปที่เดิมในทันที
“จะเป็นไปได้ยังไง..”
ยิ่งอ่านซ้ำมันก็ยิ่งทำให้เธียร์ไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่บอกเล่าผ่านตัวหนังสือในกระดาษจะเป็นเรื่องจริง มันอาจจะถูกที่เป็นตัวเธียร์เองที่สงสัยว่าอาการประหลาดที่เกิดขึ้นของตัวเองมันคืออะไร
ทั้งการได้กลิ่นประจำตัวของ แมดส์ ไทเลอร์ ทั้งความรู้สึกร้อนผ่าวที่หลังคอ หรือ แม้กระทั่งร่างกายที่มักจะสวนทางกับความรู้สึกนิดคิดของตัวเองก็เช่นกัน
บุคคลอันตรายที่ไม่ควรเข้าใกล้อย่างไทเลอร์ทำไมถึงได้ดึงดูดและทำให้เยลเวอร์ตันรู้สึกปลอดภัยกันได้
คู่แห่งโชคชะตาจะรับรู้ได้ถึงกลิ่นประจำตัวของกันและกัน กลิ่นเข้มหรือจางล้วนแล้วแต่มาจากแรงดึงดูดระหว่างกันและกันที่ปล่อยออกมา โอเมก้าจะรับรู้ได้อย่างชัดเจนเมื่อรู้สึกร้อนวาบบริเวณหลังคอยามได้กลิ่นอัลฟ่าคู่ของตัวเอง
เธียร์ เยลเวอร์ตัน ยังคงนั่งนิ่งจ้องมองประโยคเดิมครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยสติที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เจ้าตัวไม่เคยปริปากบอกแม้กระทั่งคนสนิทเกี่ยวกับเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
มันต้องไม่ใช่อย่างที่คนตัวขาวคิด.. ไม่แน่มันอาจจะเป็นเพราะความเป็นทรูอัลฟ่าของอีกฝ่ายก็ได้ที่ทำใหเธียร์รู้สึกแบบนั้น หากเป็นเรื่องจริงขึ้นมา แมดส์ ไทเลอร์ เองก็ต้องรู้สึกได้เหมือนกับคุณหนูเยลเวอร์ตัน และการที่ทรูอัลฟ่าได้กลิ่นหอมของคู่ตัวเองก็คงเป็นเรื่องยากเช่นกันที่จะควบคุมตัวเองได้ แต่นั่นก็ช่างสวนกับการกระทำของแมดส์ที่ออกจะเมินเฉยต่อเธียร์เสียเป็นส่วนใหญ่
คู่แห่งโชคชะตามันจะไปมีอยู่จริงกันได้อย่างไร..
“ดึกดื่นป่านนี้ยังไม่นอนอีกหรือคุณหนู..” เสียงทักจากทางด้านหน้าประตูทำให้คนที่กำลังนั่งอยู่ในห้องนั้นสะดุ้งเบา ๆ ก่อนที่ตาใสจะหันมามองผู้มาใหม่ที่ยืนกอดอกมองตัวเองอยู่
“ระ เราอ่านหนังสือเสร็จพอดี” มือขาวที่สั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้เอื้อมไปปิดหน้าหนังสือที่สร้างความกังวลในใจให้ตัวเอง ก่อนมือขาวจะคว้าเอาหนังสือเล่มนั้นหอบใส่อ้อมกอดไปเก็บไว้บนตู้หนังสือชั้นบนซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
ก้อนในในอกที่ค่อนมาทางด้านซ้ายเต้นถี่ระรัวไปด้วยทั้งความตกใจและกังวลที่มีต่อตัวทรูอัลฟ่าหนุ่ม ยิ่งรีบมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เจ้าตัวนั้นทำอะไรงกเงิ่นไปเสียหมด แม้กระทั่งหนังสือที่พยายามจะเก็บก็ดู
ลำบากเหลือเกินในตอนนี้สำหรับเพียวโอเมก้าที่กำลังตื่นตระหนก
“ถ้ามันเก็บไม่ถึงก็ไม่ต้องพยายามหรอกคุณหนู..”
ทรูอัลฟ่าเจ้าของผิวสีเข้มที่ไม่รู้ว่าเดินเข้ามาใกล้เพียวโอเมก้าตอนไหนนั้นยืนซ้อนหลังคนตัวเล็กกว่าก่อนจะจัดการหยิบหนังสือในมือขาวไปเก็บเข้าชั้นหนังสือเอง หลังจากที่ทนยืนมองท่าทางที่ดูจะทำอะไรลำบากของอีกฝ่ายมาสักพักใหญ่
เป็นอีกครั้งที่เธียร์ถูกอีกฝ่ายคร่อมทับอ้อม ๆ จากท่าทางการยืนซ้อนทับกัน แขนแกร่งที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและเส้นเลือดขึ้นอย่างชัดเจนยิ่งทำให้เพียวโอเมก้าเหมือนตัวเองกำลังตัวเล็กลงไปเรื่อย ๆ
“ขอบคุณ..” คนที่เอาแต่ก้มหน้าจนผมปรกหน้าเอ่ยเบา ๆ ในขณะที่ฝ่ามือขาวนั้นกุมเข้าหากันแน่นเมื่อไทเลอร์นั้นไม่มีท่าทีจะถอยห่างออกจากตัวเอง
“คิดว่าตัวเองจะโดนลงโทษหรือคุณหนูถึงได้ตัวสั่นขนาดนี้..”
ห่างไกลจากที่ แมดส์ ไทเลอร์ คิดอยู่มากโขกับความคิดของเยลเวอร์ตันในตอนนี้
“นายอยู่ใกล้เราเกินไป..” เธียร์ว่าก่อนจะผินใบหน้ามามองคนทางด้านหลังที่ยังคงยืนซ้อนหลังตัวเองอยู่
“แล้วถ้าใกล้กว่านี้คุณหนูจะเป็นยังไงกัน..”
คนอย่างแมดส์ไม่มีทางพูดอย่างเดียวเป็นแน่ เพราะหลังจากที่เจ้าตัวพูดจบแผ่นหลังของเธียร์เองก็สัมผัสได้ถึงความอุ่นของอกแกร่งที่แนบชิดพร้อมกับแขนแกร่งที่คร่อมทับกักคนตัวขาวอย่างสมบูรณ์
“ไทเลอร์..”
คนตัวขาวแทบจะมุดหนีเข้าไปในตู้หนังสือตรงหน้าเมื่อถูกเบียดร่างกายเข้ามาเช่นนั้น กลิ่นหอมประหลาดของคนผิวเข้มที่ชัดขึ้นทำให้ร่างเล็กห่อตัวเข้าหากันก่อนที่มือขาวจะยกขึ้นปิดจมูกของตัวเองอย่างช่วยไม่ได้
“ทำไมถึงยังไม่ใส่มันอีก”
ลมหายใจร้อนจากปลายจมูกของทรูอัลฟ่าหนุ่มรินรดลงบนผิวเนื้ออ่อนบริเวณหลังคอขาวที่ลอยอวดสายตาดุ ผิวขาวสว่างนวลตาเมื่อกระทบกับแสงไฟที่ถูกจุดขึ้นภายในห้องนั้นยังคงตัดกันได้ดีกับเส้นผมสีเข้มที่ถูกตัดแต่งอย่างเข้าทรง
“นะ นายหมายถึงอะไร”
“ยังไม่เปิดกล่องนั่นอีกหรือ?”
ไทเลอร์คงไม่ได้หมายถึงกล่องเมื่อเย็นนั่นหรอกใช่ไหม..
“อะ อยู่บนโต๊ะ..”
แมดส์หันไปมองตามคำบอกของคนตัวขาวก่อนจะพบกับกล่องไม้ที่ว่านั่นจริง ๆ ท่าทางเจ้าตัวคงยังไม่ได้เปิดดูเป็นแน่ถึงได้ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเช่นนี้
“ไปเปิดดูเสียสิ” แมดส์ยอมปล่อยคนตัวขาวให้เดินไปเปิดกล่องไม้บนโต๊ะในขณะที่ตัวเองนั้นเดินตามไปหยุดยืนอย่างเว้นระยะห่าง
ทันทีที่เธียร์เปิดกล่องไม้นั้นออกมาเพื่อดูสิ่งที่อยู่ข้างในก็ทำให้เจ้าตัวหันมามองทรูอัลฟ่าหนุ่มในทันทีด้วยความไม่เข้าใจ
“ไม่ใช่ของพี่หรอกหรือ?”
ของในกล่องที่คิดว่าส่งมาจากพี่ชายตัวเองนั้นมันคือสิ่งที่เธียร์คิดไปเองทั้งนั้น ภาพของปลอกคอสีดำสนิทที่ทำมาจากหนังแล้วหุ้มด้วยผ้าเนื้อดีเพื่อลดการเสียดสีสำหรับผู้ใส่นี่ต่างหากที่เป็นของจริง
“อย่างน้อยคุณหนูก็ควรใส่เพื่อป้องกัน..”
“แต่..”
แล้วการใส่ปลอกคอนั้นจะไม่ใช่การลดทอนความเป็นเยลเวอร์ตันขึ้นไปอีกหรือ
ปลอกคอสีเข้มในมือของคนตัวขาวถูกคว้าไปอยู่ในมือใหญ่ของทรูอัลฟ่าหนุ่มก่อนที่เจ้าตัวจะจัดการสวมมันลงบนลำคอระหงของเพียวโอเมก้าผิวน้ำนม
“คุณชายเยลเวอร์ตันเองก็เห็นสมควรกับเรื่องนี้..”
“….”
มือขาวยกขึ้นแตะสัมผัสปลอกคอที่สวมใส่ด้วยความไม่เคยชิน มันดูน่าอึดอัดแต่ก็เป็นเครื่องป้องกันที่ดีไม่น้อยเช่นกัน
“ถอดมันออกแค่ตอนที่คุณหนูนอนก็น่าจะพอ”
“นายจะมาใส่ใจเราทำไม..”
มันไม่มีความเป็นไปได้เลยสักนิดสำหรับคนอย่าง แมดส์ ไทเลอร์ ที่จะมาใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ เพราะหน้าที่ของแมดส์นั้นคงไม่ได้ครอบคลุมถึงการเอาใจใส่ความรู้สึกของคนที่ตัวเองต้องเฝ้าดูแล
“หรือคุณหนูอยากจะโดนกัดคอ…”
“นายไม่มีทางทำแบบนั้น”
“มันก็ไม่แน่” แมดส์ตอบอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิดอะไร “อย่าลืมว่าฉันก็เป็นอัลฟ่า”
“ไม่มีทาง”
“กลิ่นของคุณหนูต่อให้มันจะจางสักแค่ไหนแต่มันก็ยังชัดเจนทุกครั้งที่เข้าใกล้”
“นะ นาย”
“ว่าแต่คุณหนูเถอะรู้สึกอย่างไรบ้างล่ะที่ได้กลิ่นทรูอัลฟ่าอยู่ตอนนี้”
HASTAG : #maddogmn
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in