เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
MAD DOG #MINNOninezexsky
4
  •         แมดส์ ไทเลอร์ ยังคงยืนมองเรือพายขนาดกลางที่กำลังพายออกห่างจากตัวปราสาทไปเรื่อย ๆ ด้วยสายตาที่ไม่ได้เกรงกลัวคุณชายเลนนิกซ์ที่มองหน้าตัวเองด้วยความไม่พอใจ นับตั้งแต่เจ้าตัวถูกเอ่ยปากเชิญให้ออกจากที่นี่อย่างไม่มีการรักษามารยาทใด ๆ ทั้งสิ้น 

     
    คำสั่งของ เธียร์ เยลเวอร์ตัน ยังคงเป็นที่เคลือบแคลงใจแมดส์เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะทั้งตัวคุณหนูเยลเวอร์ตันหรือคนสนิทก็ดูจะมีอะไรบางอย่างที่กำลังปกปิดเขาอยู่


    “ส่งคนไปเฝ้าบนฝั่งเพิ่มซะ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากฉันไม่ว่าใครก็ห้ามให้เข้ามาที่นี่”


    แมดส์ ไทเลอร์ หันไปสั่งหัวหน้านายทหารที่เฝ้าดูแลอยู่ด้านหน้าก่อนจะกวาดตามองจำนวนทหารที่เฝ้ารอบ ๆ ที่นี่เพื่อประเมินอะไรในหัวของตัวเอง


    “แต่ว่า..”อัลฟ่าหัวหน้าทหารเหมือนจะลังเลไม่น้อยกับคำสั่งของคนที่มีอำนาจเหนือตัวเอง ทรูอัลฟ่าที่แม้จะไม่ได้น่าเกรงขามเฉกเช่นทหาร แต่ความอันตรายที่ฉายชัดออกมาก็ย่อมทำให้ใครหลายคนยอมเลี่ยงที่จะขัดคำสั่งของไทเลอร์


    “อย่าให้มันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง”


    มีหรือที่แมดส์จะใส่ใจคำท้วงของหัวหน้านายทหาร มิหนำซ้ำยังเมินเฉยจนนายทหารต้องลอบถอนหายใจเบา ๆ พลางตอบรับคำสั่งตามหน้าที่ของตัวเอง ใครบ้างที่จะไม่รู้จักตระกูลเลนนิกซ์ ต่อให้ไม่ได้ทำหน้าที่อยู่ที่ปราสาทแห่งนี้มาก่อนแต่เพราะการทำงานในเมืองย่อมทำให้แทบจะทุกคนนั้นรู้จักพวกผู้มีอำนาจในฮาร์เดนเจอร์ นอกจากตระกูลเยลเวอร์ตันที่ปกครองเมืองนี้แล้ว เลนนิกซ์เองก็มีตระกูลที่สนิทชิดเชื้อตามความสัมพันธ์ของตระกูลที่เกี่ยวพันกันทางสายเลือดที่ปะปนเช่นกัน 


    “นายกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่กันแน่ เยลเวอร์ตัน”




    “เขากลับไปแล้วใช่ไหมเอนยา..” เพียวโอเมก้าตัวขาวที่นั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงเอ่ยถามหญิงสาวที่กำลังยืนมองออกไปด้านนอกผ่านหน้าต่างในห้อง 


    “พวกเลนนิกซ์กลับออกไปแล้วค่ะคุณหนู” ชั่วเวลาเพียงไม่นานที่ไทเลอร์สามารถเชิญแขกที่ไม่ได้รับเชิญนั้นออกไปจากที่นี่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อใช้ได้


    หากเป็นเมื่อก่อนในแต่ละครั้งที่คุณชายเลนนิกซ์มาที่นี่ คนที่ต้องฝืนทนในการเผชิญหน้าอยู่ทุกครั้งก็คงไม่พ้นคุณหนูเยลเวอร์ตัน ใบหน้ากล้ำกลืนฝืนทนราวกับคนจะร้องไห้ตลอดเวลานั้นคงเป็นใบหน้าของ เธียร์ เยลเวอร์ตัน ที่ทำให้ เอ็ดมันด์ เลนนิกซ์ นั้นดูชมชอบไม่น้อย


    “จะมีทางไหนบ้างที่เราจะไม่ต้องพบเจอคนพวกนั้นอีก”


    มือขาวลูบแขนตัวเองเบา ๆ ในขณะที่เอ่ยปากถามคำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบนั้นออกมาอย่างลอย ๆ ทางด้านคนสนิทอย่างเอนยาก็ไม่สามารถหาคำตอบพวกนั้นมาให้คุณหนูของเจ้าหล่อนได้มั่นใจเช่นกัน มันเป็นเรื่องที่ยากจะปฏิเสธหากคุณหนูของเธอยังคงใช้ชีวิตอยู่ที่นี่


    “คุณหนู..”


    “ขนาดเราถูกขังไว้ที่นี่ พวกเขาก็ยังไม่วายที่จะมาระรานเรา” น้ำเสียงของคุณหนูเยลเวอร์ตันที่ฟังดูไม่สู้ดีนัก แม้จะได้ยินอยู่บ่อยครั้งแต่ก็ใช่ว่าจะทำให้ชินได้ความโศกเศร้ารอบ ๆ ตัวยังคงเป็นความรู้สึกที่ใครก็คงรู้สึกได้ยามเข้าใกล้ เธียร์ เยลเวอร์ตัน 


    “มันต้องมีสักวันที่คุณหนูจะต้องได้ออกไปจากที่นี่..”


    “บางทีการคาดหวังมากเกินไปก็คงจะมีแต่เราที่ต้องเจ็บปวด..”


    “….”


    แม้จะไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายออกมา แต่ประโยคที่ชวนฟังให้หดหู่ใจนั้นก็ทำให้แม่บ้านคนสนิทเลือกที่จะเดินเข้าไปนั่งอยู่บริเวณข้างเตียงของเจ้านายตัวเอง 


    “เราหวังกับเรื่องพวกนี้มามากพอแล้วเอนยา..” 

    “โธ่ คุณหนู..” ฝ่ามือของเจ้าหล่อนเอื้อมไปลูบแขนคุณหนูตัวขาวด้วยความเบามือเพื่อปลอบประโลมเด็กน้อยที่ดูสิ้นหวังเสียเหลือเกินในตอนนี้  “อย่าคิดแบบนี้เลย”


    “เราไม่ได้อยากเกิดมาเป็นแบบนี้..” 


    ใครกันจะอยากเกิดมาอยู่ในวรรณะที่ต่ำสุดในห่วงโซ่อาหารเช่นนี้.. เพียวโอเมก้าที่ไม่ได้ถูกยกย่องแม้จะมีความพิเศษในตัวเองสุดท้ายก็ยังคงไม่เป็นที่ต้องการ 


    “สักวันจะต้องมีใครสักคนเห็นคุณค่าความพิเศษในตัวคุณหนู..”


    “คุณค่าที่ว่าคือการใช้เราเป็นแม่พันธุ์ใช่หรือเปล่า..”


    “คุณหนู!”


    เอนยาร้องแหวในทันทีเมื่อได้ยินคุณหนูของตัวเองเอ่ยคำพูดที่ไม่แม้แต่จะเหมาะกับตัวเองออกมา 


    “ใครกันจะอยากมาเชิดชูเพียวโอเมก้าแบบเรา” 


    ขนาดครอบครัวที่ควรจะปกป้องก็ยังผลักไสไล่สงเขาออกมาให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ความช่วยเหลือของพี่ชายก็ใช่ว่าจะส่งถึงคนเป็นน้องได้ทุกครั้งเสียเมื่อไหร่


    “จำไม่ได้หรือคะว่าคุณชายเคยบอกคุณหนูไว้ว่าอะไร..”


    “เราจำได้..” เธียร์จำมันได้ดีว่า ดีแลนด์ เยลเวอร์ตัน เคยพูดอะไรไว้กับตัวเอง


    ‘หากวันใดที่น้องได้พบกับคู่แห่งโชคชะตา น้องก็จะรู้เองว่าตัวเองมีค่ามากแค่ไหน’


    คู่แท้ หรือ คู่แห่งโชคชะตา นั้นน่ะหรือที่จะทำให้เขามีคุณค่าขึ้นมาจริง ๆ 


    “ถ้าแบบนั้น…”


    “เราจะเชื่อได้ยังไงกัน..” 


    คุณหนูเยลเวอร์ตันเอ่ยก่อนที่จะเมินหน้าหนีคนสนิทแล้วเลือกที่จะล้มตัวลงนอนด้วยความเพลียของร่างกายที่ได้พักผ่อนเพียงน้อยนิดจากเมื่อคืน การมีตัวตนของ แมดส์ ไทเลอร์ ในห้องนอนเดียวกันตลอดทั้งคืนย่อมทำให้โอเมก้านั้นกระสับกระส่ายจนนอนแทบไม่ได้ ความรู้สึกแปลกประหลาดที่ก่อกวนนั้นเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจเกินไปสำหรับเพียวโอเมก้ามือใหม่ที่พึ่งก้าวผ่านการเป็นโอเมก้าอย่างเต็มตัวเพียงไม่ถึงปี


    “นอนพักเถอะค่ะคุณหนู..” 


    “ไม่ต้องอยู่เฝ้าเราหรอกเอนยา อยู่แต่ในห้องนี้มีแต่จะอุดอู้..”


    ประโยคที่เยลเวอร์ตันพูดออกมานั้นมันก็คงไม่พ้นสะท้อนกลับเข้ามาหาตัวเองอยู่ดี อิสระที่ได้รับในเวลาไม่กี่วันนั้นหายลับไปกับตาเพราะความคิดที่ตื้นเขินของตัวเอง จนสุดท้ายเจ้าตัวก็ต้องกลับมาใช้ชีวิตอุดอู้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเช่นเคย


    หญิงสาวส่ายหน้าไปมาช้า ๆ เป็นเชิงปฏิเสธก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้เจ้านายตัวเองเพื่อไม่ให้ร่างกายของอีกฝ่ายนั้นต้องลมมากจนเกินไป เรือนผมสีเข้มของเธียร์ถูกลูบช้าด้วยสัมผัสเบามือเหมือนทุกครั้งที่ถูกกล่อมให้นอนหลับสนิทยามที่จิตใจกำลังว้าวุ่นเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพียงชั่วครู่เดียวแก้วตาใสที่เคยจ้องมองใบหน้าของเอนยาก็ปิดลงก่อนที่ลมหายใจจะเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ 


    เด็กน้อยเมื่อในวันวานก็ยังคงเป็นเพียงเด็กน้อยที่เติบโตมาด้วยความยากลำบากในสภาพแวดล้อมที่บีบคั้นให้เจ้าตัวต้องกลายเป็นเช่นนี้ ใบหน้าที่ยังคงดูอ่อนเยาว์และยังคงเค้าโครงเดิมด้วยใบหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ยังคงเป็นความงดงามที่ควรค่าแก่การได้รับการยกย่องและเชิดชูไม่ใช่การถูกเหยียบย่ำอย่างเช่นทุกวันนี้


    ดอกไม้กลีบงามนั้นควรค่าแล้วหรือที่จะถูกทำลายเพราะความเห็นแก่ตัวของใครเพียงไม่กี่คน..
    คุณค่าที่ถูกลดทอนลงนั้นเหมาะสมแล้วหรือสำหรับความบริสุทธิ์ของเด็กหนุ่มคนนี้ 


    หากคิดว่าน้ำตาที่ไหลรินออกมาทุกครั้งในยามที่ร่ำไห้ว่าเจ็บปวด แล้วความเจ็บปวดที่กัดกร่อนจิตใจแสนบอบช้ำอยู่ภายในนั้นจะมากมายมหาศาลสักเพียงใด 


    “อดทนอีกนิดนะคะคุณหนู..”


    หากถึงวันนั้นขึ้นมาจริง ๆ เธียร์ เยลเวอร์ตัน คงจะได้สัมผัสกับคำว่าความสุขอย่างแท้จริงที่ไม่ใช่แค่เพียงภาพวาดฝัน 




    “จะบอกฉันได้หรือยังว่าคุณหนูของเธอมีปัญหาอะไรกับคุณชายเลนนิกซ์..” แมดส์เอ่ยถามแม่บ้านคนสนิทของคุณหนูเยลเวอร์ตันในทันทีเมื่อพบหน้า ใบหน้าของทรูอัลฟ่าหนุ่มนั้นฉายแววหงุดหงิดไม่น้อยเมื่อเห็นท่าทางอึกอักของเอนยาที่เหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่ก็กลับเหมือนจะไม่กล้า 


    “แค่รู้ว่าคุณหนูไม่ต้องการพบคนพวกนั้นก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่หรือ”


    “ฉันจะไม่เตือนเธอบ่อย ๆ หรอกนะว่าอย่าพลิกลิ้นกับฉัน” แมดส์เอ่ยเสียงเรียบที่เต็มไปด้วยความกดดันทั้งท่าทางและน้ำเสียง 


    “แต่เรื่องบางเรื่องมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะต้องรู้”


    “คุณหนูของเธอยังมีอะไรที่ต้องปิดบังเพื่อรักษาเกียรติอีกหรือ?”


    โอเมก้าคนสนิทของเธียร์ถึงกับเงยหน้ามองแมดส์ด้วยความไม่พอใจทันที เมื่อคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของทรูอัลฟ่าหนุ่มนั้นช่างเป็นคำพูดที่ดูถูกเจ้านายของตัวเองเหลือเกิน


    “หากมองไม่เห็นค่า สู้ไม่พูดก็คงไม่มีใครว่าอะไร..”


            "ตอบได้ดี แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ" 


    รอยยิ้มเย็นบนมุมปากของ แมดส์ ไทเลอร์ ช่างเป็นรอยยิ้มที่น่าขนลุกสิ้นดียามที่ได้เห็น แววตาเรียบนิ่งที่ไม่ได้ยิ้มตามนั้นเป็นใครก็คงจะรู้สึกได้ถึงความไม่ธรรมดาของคน ๆ นี้


    “ต่อให้พูดไปก็คงไม่ได้ทำให้คนอย่างหัวหน้าไทเลอร์เข้าใจหรอก…”


    “ก็ลองคิดดูว่าถ้าเมื่อครู่ก่อนหน้าฉันปล่อยให้เลนนิกซ์ขึ้นไป อะไรมันจะเกิดขึ้น” 


    “….”


    “หรือครั้งหน้าฉันควรจะถามเลนนิกซ์ด้วยตัวเองกันดี?”


    ร้ายกาจ… ทรูอัลฟ่าตรงหน้านั้นยากเหลือเกินที่จะคาดเดาความคิด ภายใต้ใบหน้าที่ยังคงเรียบนิ่งนั้นใครกันจะรู้ว่าเจ้าตัวแอบซ่อนอะไรไว้บ้าง นับเป็นอันตรายที่อยู่ใกล้ตัวคุณหนูเยลเวอร์ตันเสียเหลือเกินในความคิดของหล่อน


    “….”


    “ไม่สิ.. ถามคุณหนูของเธอมันง่ายกว่าเยอะ”


    “!!!”

    จนแล้วจนรอดคนอย่างแมดส์ก็สามารถทำให้แม่บ้านคนสนิทของคุณหนูเยลเวอร์ตันนั้นยอมพูดออกมาได้ เรื่องราวที่ถูกเล่าออกมาด้วยความยากลำบากในแทบทุกประโยคนั้นทำให้ทรูอัลฟ่าผิวสีเข้มได้แต่ยืนมองบานประตูใหญ่นิ่งอยู่พักใหญ่ 


    ทุกอย่างมันผิดคาดจากที่เจ้าตัวคิดไว้ไม่น้อย.. ความจริงที่พึ่งจะได้รับรู้ว่าคุณหนูเยลเวอร์ตันนั้นอายุห่างจากตัวเองเพียงสี่ปีนั้นดูจะเป็นเรื่องที่ทำให้แมดส์รู้สึกว่าตัวเองมองอะไรผิดไปจริง ๆ เพราะในความจริงแล้วตัวของแมดส์นั้นยังเข้าใจว่า เธียร์ เยลเวอร์ตัน ยังคงเป็นโอเมก้าที่ไม่เคยผ่านฮีทแรก หรือ ง่าย ๆ ก็คือเขาเข้าใจผิดว่าอีกฝ่ายนั้นอายุไม่ถึงยี่สิบปีบริบูรณ์ดี  


    จะด้วยจากทั้งใบหน้าและท่าทางของคุณหนูเยลเวอร์ตันก็คงจะถูกที่ทำให้แมดส์นั้นเข้าใจผิดไปหมด


    ‘ปกติช่วงฮีทของเยลเวอร์ตันใช้เวลานานแค่ไหน’


    ‘ถ้าเต็มที่ก็คงจะสี่วัน’ แม่บ้านคนสนิทเอ่ยตอบ


    ปัญหาที่สร้างความหนักใจให้กับ แมดส์ ไทเลอร์ ก็คงไม่พ้นเรื่องฮีทของโอเมก้าที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จากที่คิดว่าอีกฝ่ายคงไม่เป็นปัญหาในการเข้ามาดูแลแต่นั่นก็คงจะเป็นเรื่องที่ผิดน่าดู


    ‘แล้วเธอทำยังไง?’


    ทรูอัลฟ่าที่ใช้ชีวิตแบบไม่เป็นหลักแหล่งอย่างไทเลอร์นั้นไม่ได้มีเวลามาสนใจหรอกว่าโอเมก้าหรือคนรอบกายจะมีการใช้ชีวิตอย่างไร มันจึงไม่แปลกที่เจ้าตัวจะต้องเตรียมตัวรับมือกับเรื่องที่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่


    ‘เรามีแค่ยาที่พอจะลดอาการฮีทแต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมด ทางเลือกเดียวที่เราทำได้คือการขังคุณหนูไว้ในห้อง..’


    ‘จะเป็นไปได้ยังไง อย่างน้อยพวกเยลเวอร์ตันก็ต้องมีวิธีแก้ที่ดีกว่านี้สิ’


    ‘คิดหรือว่าพวกเขาจะยอมหาสิ่งที่ดีให้กับเพียวโอเมก้าที่ไม่ต้องการ’ 


    ‘บัดซบสิ้นดี’ ฟังแล้วก็น่าหงุดหงิดไม่น้อยที่ตระกูลเยลเวอร์ตันนั้นเห็นแก่ตัวเกินกว่าจะคาดคิด อย่างน้อยก็ควรจะป้องกันการฮีทของโอเมก้าที่จะสร้างความปั่นป่วนให้คนหมู่มาก


    ‘นี่คงไม่ใช่เรื่องบัดซบแค่เรื่องแรกของตระกูลเยลเวอร์ตัน..’


    ‘หรือนี่คือเหตุผลที่ทำให้คนพวกนั้นขังคุณหนูของเธอเอาไว้ที่นี่’


    ‘แล้วนายคิดว่ายังไงกันล่ะ..’


    ‘….’


    ‘เพียวโอเมก้าจะฮีททุกสามเดือนไม่ได้ฮีททุกเดือนเหมือนโอเมก้าปกติ’


    ‘นั่นคือเรื่องที่น่ายินดีงั้นหรือ’


    ‘ยิ่งไม่ฮีทบ่อยก็ยิ่งทำให้ถึงช่วงฮีทนั้นหนักกว่าโอเมก้าทั่วไป’


    ‘ให้มันได้อย่างนี้สิ..’


    เธียร์ เยลเวอร์ตัน เป็นบุคคลอันตรายจริง ๆ สำหรับ แมดส์ ไทเลอร์ 


    ประตูบานใหญ่ถูกมือหนาเปิดเข้าไปด้วยความเงียบเชียบเพราะเจ้าตัวนั้นไม่อยากจะรบกวนการพักผ่อนของเจ้าของห้องที่น่าจะนอนหลับพักผ่อนอยู่บนเตียง ซึ่งก็เป็นผลมาจากการไม่ได้หลับอย่างเต็มอิ่มจากเมื่อคืน เสียงพลิกตัวที่ดังขึ้นตลอดทั้งคืนนั้นมีหรือที่คนอย่างแมดส์จะไม่ได้ยิน ทุกการกระทำของเธียร์นั้นล้วนเป็นสิ่งที่แมดส์รับรู้แม้กระทั่งในตอนที่อีกฝ่ายลุกขึ้นมาจากเตียงและเดินมาใกล้ ๆ ตัวเองที่นอนอยู่ก็เช่นกัน


    กลิ่นดอกแม็กโนเลียจาง ๆ ที่ลอยมาตามลมคงไม่ชัดเท่ากลิ่นกายที่อยู่ใกล้เพียงแค่คืบสัมผัส เสียงบ่นเบา ๆ ที่เหมือนจะพูดคุยกับตัวเองนั้นเชื่อได้เลยว่าหากในตอนนั้นทรูอัลฟ่าหนุ่มลืมตาขึ้นมา คุณหนูเยลเวอร์ตันคงได้กระโดดหนีเป็นกระต่ายป่าที่ตื่นตกใจยามเมื่อถูกล่าเป็นแน่ 


    แต่ทว่าเมื่อเข้าไปในห้องแล้วคนที่แมดส์คิดว่าคงกำลังพักผ่อนนั้นกลับนั่งอยู่บนที่ว่างถัดจากขอบหน้าต่างที่มีที่มากพอให้เจ้าตัวนั้นนั่งได้อย่างสบาย หัวกลมของเพียวโอเมก้าตัวขาวนั้นอิงซบหน้าต่างบานใหญ่ที่ถูกปิดไว้ในขณะที่สายตาของเจ้าตัวยังคงเหม่อมองออกไปด้านนอก 


    เมื่อเดินเข้าไปใกล้มากขึ้นก็ทำให้แมดส์นั้นเห็นว่าคนที่นั่งกอดเข่าซบอิงอยู่ตรงหน้าต่างนั้นหลับอยู่ เรียกได้ว่าเป็นการหลับที่ทำให้ตัวเองลำบากก็ว่าได้ เพราะเตียงนอนภายในห้องนั้นดูจะไร้ประโยชน์ขึ้นมาเมื่อเจ้าของนั้นไม่เห็นค่าของมัน 


    “คุณหนู..”


    เจ้าของผิวสีแทนหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ คนที่กำลังหลับด้วยท่าทางประหลาดแต่คนตัวขาวก็ไม่มีท่าทีจะตอบสนองต่อเสียงเรียกแต่อย่างใด 


    ลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอตามจังหวะขยับขึ้นลงของแผ่นอกสีน้ำนมซึ่งโผล่พ้นเสื้อสีนวลตาที่แหวกออกเพราะสาบเสื้อที่ถูกรั้ง ใบหน้าของเธียร์ที่ยังคงไร้พิษภัยแม้จะยามหลับหรือตื่นคงเป็นเอกลักษณ์ที่ยากจะปฏิเสธว่าเจ้าตัวนั้นดูบริสุทธิ์เกินกว่าจะแปดเปื้อนแม้กระทั่งในความคิดของ แมดส์ ไทเลอร์ เอง 


    ในชีวิตของทรูอัลฟ่าที่พบเจอผู้คนมากหน้าหลายตามานับไม่ถ้วนก็ยังคงไม่มีใครที่ทำให้แมดส์รู้สึกอย่างที่เห็นคุณหนูเยลเวอร์ตัน 


    น่าแปลกดีเหมือนกันที่ความเป็น เธียร์ เยลเวอร์ตัน นั้นกลับมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาดเมื่อมองปราดเดียว


    “ทำตัวประหลาด” คนผิวเข้มเอ่ยติคนที่ยังหลับอยู่ ก่อนที่วงแขนแข็งแรงจะช้อนตัวเองอีกฝ่ายขึ้นมาแนบอกและผลของการกระทำนั่นก็ทำให้คนที่กำลังหลับนั้นสะดุ้งเฮือก ปฏิกิริยาที่โต้ตอบทันทีด้วยการปัดป่ายมั่วไปหมดพร้อมกับเสียงนุ่มที่เอาแต่บอกให้ปล่อยนั้นทำให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มขมวดคิ้วแน่น 


    “ปล่อย!”


    ทรูอัลฟ่าหนุ่มก้มลงมองคนตัวขาวที่เอาแต่ทำร้ายร่างกายตัวเองโดยไม่ได้แม้แต่จะลืมตามอง ก่อนที่แมดส์จะตัดสินใจเอ่ยเสียงเข้มใส่อีกฝ่าย


    “เยลเวอร์ตัน..” 


    “ปล่อย ฮึก อะ อย่าทำแบบนี้” 


    คนตัวขาวที่ยังไม่ตื่นดีนั้นเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนักเพราะน้ำตาที่ไหลลงมาอีกครั้ง ในขณะที่อีกฝ่ายยังหลับตาสนิทแต่คิ้วสวยกลับขมวดเข้าหากันให้ยุ่งไปหมด 


    “คุณหนู..” แมดส์เรียกอีกฝ่ายซ้ำก่อนที่จะออกแรงเขย่าตัวอีกคนให้ตื่นขึ้นมาจากความฝันที่กำลังทำให้เจ้าตัวเป็นแบบนี้อยู่ เสียงพูดที่ฟังไม่ได้ศัพท์อีกหลายประโยคนั้นแมดส์เองก็จับใจความไม่ได้มากนักก่อนที่คนตัวเล็กในอ้อมแขนนั้นจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาทั้งน้ำตาที่ยังไหลออกมา


    “นะ นาย..” 


    มือขาวที่จิกกำเข้าที่เสื้อของไทเลอร์ก่อนหน้าด้วยความไม่รู้นั้นยิ่งกำแน่นมากขึ้นไปอีกพร้อมทั้งดวงตาคู่สวยที่ยังคงจ้องใบหน้าของแมดส์นิ่ง


    “เป็นอะไร..”


    คนตัวขาวหลบตาของแมดส์ในทันทรีก่อนที่เจ้าตัวจะลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงไปในลำคอที่แห้งผากของตัวเอง ฝันร้ายที่ยังตามหลอกหลอนนั้นทำให้คุณหนูเยลเวอร์ตันไม่สามารถลบภาพพวกนั้นออกไปได้ 


    “ไม่..” 


    “จะไม่ตอบก็ตามใจ..”


    แมดส์ ไทเลอร์ ก้าวเดินไปยังเตียงนอนหลังใหญ่ก่อนที่จะวางคนตัวเล็กในอ้อมแขนลงกับเตียง แต่ทันทีที่อีกฝ่ายสัมผัสเข้ากับผืนเตียงนุ่ม คนตัวขาวก็ดีดตัวลนลานออกมาจากเตียงแล้วคลานหนีไปนั่งเบียดตัวเองเข้าหามุมห้องทั้งที่ไหล่ของอีกฝ่ายนั้นกำลังสั่นด้วยความตื่นตระหนก


    “อะ..ออกไปก่อน..” คนที่เอาแต่มุดหน้าลงกับเข่าของตัวเองเอ่ย ความรู้สึกในอดีตกับการเป็นอยู่ในปัจจุบันกำลังตีกันในตัวของเธียร์จนเจ้าตัวนั้นสับสนไปหมด “ขอร้อง..”


    สัมผัสน่าขยะแขยงที่เหมือนความจริงในความฝันซึ่งย้อนกลับมาทำร้ายเธียร์อีกครั้งกำลังทำให้เจ้าตัวนั้นสั่นไปทั้งตัว มือสากที่สัมผัสบีบเคล้นและลากผ่านตามร่างกายจนรู้สึกเจ็บและสร้างความทรมานให้กับคนที่ดิ้นรนหนีไม่ได้


    ‘หอม..’


    เสียงทุ้มต่ำที่กระซิบข้างหูพร้อมกับจมูกซึ่งซุกไซ้บริเวณซอกคอพร้อมทั้งลมหายใจร้อนจัดจากการควบคุมตัวเองไม่ได้ของอัลฟ่าที่ได้กลิ่นฮีทของโอเมก้าคือนรกชัด ๆ สำหรับเหยื่อที่ไม่มีทางหนีรอด


    ‘อะ เอ็ดมันด์ อึก อะ อย่าทำแบบนี้’ มือขาวที่พยายามจะดันอกของญาติผู้น้องออกย่อมไร้ประโยชน์เมื่อเทียบกับกำลังของอัลฟ่าที่พึ่งแตกเนื้อหนุ่มอย่างเต็มที่ 


    ‘นายก็ต้องการฉันเหมือนกันล่ะเธียร์’ 


    แรงกระชากจากน้ำหนักมือที่ไม่เบานั้นทำให้เสื้อผ้าเนื้อดีบาดเข้ากับผิวกายสีน้ำนมจนกลายเป็นร่องรอยแดงที่ทำให้เจ้าของร่างกายรู้สึกเจ็บจนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ข้อแขนเล็กถูกมือใหญ่ของญาติผู้น้องกดตรึงกับผืนเตียงจนขยับไม่ได้ยิ่งทำให้เจ้าของเรือนกายขาวดีดดิ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับเสียงร้องที่พยายามขอความช่วยเหลือจากใครสักคนที่อยู่ด้านนอก


    ใครจะคิดกันว่าฮีทครั้งแรกของ เธียร์ เยลเวอร์ตัน จะทำให้เจ้าตัวนั้นพบเจอกับเหตุการณ์ที่ฝังใจจนยากจะลบเลือนจนกลายเป็นแผลเป็นที่ฝากฝังไว้ในก้นบึ้งของความรู้สึก


    ทุกครั้งที่ เอ็ดมันด์ เลนนิกซ์ มาที่นี่ ไม่ว่าจะมาด้วยเหตุผลอะไรก็มักจะทำให้เธียร์กลายเป็นแบบนี้ทุกที เตียงนอนที่ควรจะเป็นสิ่งที่เจ้าตัวสามารถหลบหนีจากทุกสิ่งได้ก็กลับกลายเป็นสิ่งที่เจ้าตัวแสนขยะแขยง ความรู้สึกที่ถูกกดลงไปก่อนหน้าตอนอยู่กับเอนยานั้นก็เพื่อความสบายใจของแม่บ้านคนสนิท แต่ใครจะรู้กันว่าทุกครั้งที่ลับตาคนอื่นเพียวโอเมก้าตัวขาวมักจะหลบซ่อนตัวเองให้ห่างจากเตียงนอนหลังใหญ่และยอมอดทนที่จะให้ตัวเองลำบากจนกว่าเจ้าตัวจะจัดการกับฝันร้ายที่ยังหลอกหลอนตัวเอง


    เจ้าของผิวสีเข้มจ้องมองคนตัวขาวที่กำลังแสดงท่าทีแปลก ๆ ออกมาด้วยความรู้สึกที่แทบจะว่างเปล่าแต่ก็ยังมีเศษเสี้ยวหนึ่งที่ทำให้แมดส์นั้นรู้สึกว่าโชคร้ายนั้นดูจะเล่นตลกกับคุณหนูเยลเวอร์ตันมากเกินไปจริง ๆ 


    ‘การที่คุณหนูไม่ต้องการพบเจอเลนนิกซ์ก็เพราะการกระทำที่ยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานนั่น’ 


    ‘….’


    ‘ต่อให้อัลฟ่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะมีสิทธิ์ทำอะไรกับโอเมก้าอย่างเราได้ตามใจชอบ’


    ‘….’


    ‘ถ้าพวกเขาคิดจะสร้างความปลอดภัยให้กับคุณหนูบ้างสักนิดเรื่องมันก็คงไม่เกิดขึ้น’


    ‘….’


    ‘อย่าได้เอาคำว่าสัญชาตญาณมาเป็นข้ออ้าง…’


    เหตุผลที่ได้รับฟังมาจากแม่บ้านคนสนิทของคุณหนูเยลเวอร์ตันคงเป็นตัวยืนยันได้อย่างดีว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้เยลเวอร์ตันกำลังตกอยู่ในสภาพเช่นนี้


    “ระ เราไม่ได้ตั้งใจฮีทใส่เขา อึก ไม่ได้ทำ..”


    “….”


    “มะ อึก มะไม่มีใครเชื่อเราสักคน มะ ฮึก ไม่มีเลย” 


    เพราะหากเทียบกันแล้วคนผิดก็คงไม่พ้นโอเมก้าอยู่ดีที่ไม่ระวังตัวจนทำให้อัลฟ่านั้นพุ่งเข้าใส่ตัวเอง และนั่นก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ เธียร์ เยลเวอร์ตัน นั้นถูกผลักไสออกมาจากตระกูลหลังจากที่การฮีทครั้งแรกนั้นสร้างความปั่นป่วนไปให้วุ่นไปหมด  


    เจ้าของผิวสีแทนเข้มเอ่ยขึ้นหลังจากที่ยอมทรุดตัวลงนั่งด้านหน้าคนที่เอาแต่เบียดตัวเข้าหากำแพงห้องและพึมพำประโยคตัดพ้อนั้นออกมา 


    “มัวแต่ร้องไห้อยู่แบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะได้พักผ่อนกันคุณหนู” 


    แมดส์ ไทเลอร์ เอ่ยเมื่อยังเห็นคนตัวขาวนั้นยังคงจัดการกับความรู้สึกตัวเองไม่ได้เสียที 


    “ทะ ทำไมยังไม่ออกไปอีก..” เจ้าของตาช้ำเงยหน้าขึ้นมองคนที่มานั่งอยู่ใกล้ตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ “อึก ดะ เดี๋ยวนายก็รำคาญเราอีก”


    “ฉันแค่กำลังทำความเข้าใจอยู่ว่าการร้องไห้มันช่วยอะไรได้”


    “….”


    “แต่ดูท่าแล้วไม่น่าจะช่วยอะไร..”


    ใบหน้าน่ารักของคุณหนูเยลเวอร์ตันจ้องมองทรูอัลฟ่าตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจเลยสักนิดถึงสิ่งที่อีกฝ่ายจะสื่อ ใบหน้าเรียบเฉยที่ดูไร้ความรู้สึกนั้นกลับชวนทำให้เธียร์รู้สึกอิจฉาเหลือเกินที่คนตรงหน้านั้นแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ ในขณะที่ตัวของเขาเองนั้นมีแต่จะอ่อนแอลงไปทุกที


    “เราไม่ได้เข้มแข็งเหมือนนาย..”


    “มีความรู้สึกก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ?”


    “….”


    “มันไม่ได้มีความสุขหรอกคุณหนูกับการต้องเข้มแข็งแล้วไม่มีความรู้สึกอะไร” 


    “ไทเลอร์…” 


    คนตัวขาวเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเสียงแผ่วเบาเมื่อเห็นร่องรอยบางอย่างในแววตาของทรูอัลฟ่าที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง แวบเดียวเท่านั้นที่เธียร์นั้นสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดลึก ๆ บางอย่างที่ไม่อาจรับรู้ได้จากคนใจร้ายตรงหน้าตัวเอง


    การกระทำของร่างกายที่รวดเร็วกว่าสมองที่สั่งการนั้นทำให้คนตัวขาวโผเข้ากอดเจ้าของผิวสีแทนตรงหน้าโดยไร้การนึกคิดใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นอีกครั้งที่ผิวขาวสีน้ำนมนั้นแนบชิดกับผิวสีเข้มจนตัดกันอย่างชัดเจนเมื่อใบหน้าน่ารักของเธียร์อิงซบบนลาดไหล่กว้างของทรูอัลฟ่าหนุ่ม ความอันตรายที่แม้จะทำให้รู้สึกกลัวแต่ก็ยากจะพูดได้อย่างเต็มปากนั้นแฝงไปด้วยความปลอดภัยที่ไม่ควรจะรู้สึก 

    “ถ้าวันนี้นายปล่อยให้เลนนิกซ์เข้ามา เราต้องแย่ไปกว่านี้แน่ ๆ ”


    “ฉันทำตามคำสั่ง” แมดส์เอ่ยเสียงเรียบในขณะที่ยังปล่อยให้คุณหนูตัวขาวนั้นกอดตัวเอง 


    “ขอบคุณนะไทเลอร์..” 


    “มันเป็นหน้าที่”


    “ไม่ใช่สิ..” 


    แม้จะไม่ได้ถูกกอดตอบแต่เพียงได้กอดและรับไออุ่นจากทรูอัลฟ่าตรงหน้ามันก็ช่วยทำให้ เธียร์ เยลเวอร์ตัน สงบใจอย่างน่าประหลาด กลิ่นหอมของไม้ประหลาดที่มักจะได้กลิ่นยามใกล้ชิดกันมันคืออะไรกันแน่…


    “เราหมายถึงขอบคุณที่ให้เรากอดต่างหาก”


    แมดส์ ไทเลอร์ กำลังทำอะไรกับเขากันแน่… 









    HASTAG : #maddogmn 







    Talk : น้องเธียร์อย่าไปเล่นกับไฟ T-T 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in