ฉันคิดอยู่หลายวันว่าควรเสนออย่างไรดี ห้องสมุดก็ปิดใช้บริการหมายความว่าฉันต้องทำงานออนไลน์แน่ ๆ แต่สุดท้ายฉันก็เลือกทำโปสเตอร์นิทาน คล้ายการโปรโมทหนังสือโดยนำปกหนังสือมาทำใหม่ให้น่าสนใจยิ่งขึ้น และทำคลิปวิดีโอให้ความรู้ในเวลาสั้น ๆ ฉันนำงานทั้งสองชิ้นไปเสนอที่ฝึกงาน ซึ่งที่ห้องสมุดจะมีหัวหน้าอยู่สองคนคือพี่ผึ้งเป็นบรรณารักษ์ และพี่มา พี่เลี้ยงของฉันในครั้งนี้ พี่มาจะคอยให้คำปรึกษาฉันทุกเรื่อง ส่วนพี่ผึ้งนั้นจะไม่ค่อยอยู่ที่ห้องสมุดเพราะต้องเข้าไปทำงานข้างใน ฉันได้เจอพี่ผึ้งแค่สองครั้งเท่านั้น ในห้องสมุดจึงมีแค่พี่มาและพี่อาสาสมัครช่วยปฏิบัติราชการ 

       

       พี่อาสาน่ารักกันมาก ๆ เลย พวกเขามีกันอยู่สี่คน ชื่อพี่ปู พี่ยุ้ย พี่ส้ม และน้องหนึ่ง พวกเขาทำงานที่นี่มานานแล้ว ทุกคนในห้องสมุดเป็นกันเองมาก ๆ แถมตลกอีกด้วยนะ ทำให้ฉันสบายใจที่จะคุยกับพวกเขา ในการฝึกงานช่วงแรกฉันได้ทำงานที่บ้านทำให้ฉันไม่ได้เจอพี่อาสา เพราะหลังจากที่ฉันนำงานไปเสนอพี่ผึ้งกับพี่มา พี่ ๆ ก็ให้ฉันทำรีวิวหนังสือลงเพจห้องสมุดในเฟซบุ๊ก โดยที่ฉันต้องใช้โปรแกรมทำงานเป็นส่วนใหญ่ การทำรีวิวหนังสือนอกจากจะทำปกหนังสือใหม่แล้วยังต้องทำบรรณานิทัศน์เขียนรายละเอียดของหนังสืออีกด้วย ฉันต้องทำงานส่งทุกวันโดยใช้ชื่อว่า #7Days7Books 

     

       ส่วนอีกงานคืองานชิ้นใหญ่ทำคลิปวิดีโอสั้น ๆ ไม่เกินสามนาที ทำเป็นการ์ตูนเคลื่อนไหว พี่ ๆ ให้ส่งงานชิ้นนี้ทุกวันพฤหัสบดีเพื่อที่จะส่งให้หัวหน้างานตรวจอีกที ตอนนั้นในใจฉันได้แต่คิดว่าจะทำได้ไหม เพราะรู้ว่าตัวเองไม่ได้ถนัดทำโปรแกรมเท่าไรเลย ที่ทำได้ก็เพียงแค่พื้นฐานเท่านั้น แต่ในเมื่อพี่ ๆ สั่งมาแล้วก็ต้องทำให้ได้ (สู้ ๆ ตัวเรา)      อ้อ สรุปงานวิดีโอที่นั่งทำจนฮาร์ดดิสเต็มพี่เขาแทบไม่ได้ดูเลย TT แต่ฉันก็เก็บเอาไว้ใช้ต่อไปนะ

        แล้ววันนั้นฉันก็ได้แบกหนังสือที่ห้องสมุดกลับไปทำที่บ้านเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นหนังสือเด็กทั้งหมด มีทั้งที่ฉันเลือกเองและที่พี่เขาจัดให้

การฝึกงานเริ่มขึ้นแล้ว...