เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
2020 vibesmWolf
Porridge Radio - Every Bad (2020)
  • [2020 Vibes: Album Review]
    Porridge Radio - Every Bad


    Release Date : 13 March 2020
    Genre : Indie Rock, Post-Punk

    อัลบั้มใหม่ของวง Indie Rock/Post-Punk จาก Brighton ซึ่งเป็นเมืองติดทะเล Dana นักร้องนำจึงเลือกใช้ 'ทะเล' มาเป็นเครื่องมือหนึ่งในการสื่อสารและจัดการกับสภาวะอารมณ์ ทะเลที่เปรียบเสมือนสถานที่ที่ช่วยปลอบประโลมเรา ช่วยหลบซ่อนสิ่งต่างๆเอาไว้ภายใต้คลื่นน้ำ
    .
    ขับเคลื่อนอารมณ์ของเพลงด้วยพลังงานและโทนเสียงของ Dana ที่มีการเปลี่ยนแปลงขึ้น-ลงราวกับคลื่นน้ำ รวมถึงการค่อยๆสะสมมวลแล้วขยายออกระเบิดเป็นความดิบและทรงพลังของอารมณ์ รวมถึงวิธีการร้องเนื้อเพลงซ้ำๆจนเสมือนเป็นบทสวด ซึ่งถูกใช้งานในหลากหลายบริบทหลากหลายความหมาย บางครั้งมันก็เหมือนเป็นการร้องย้ำเพื่อให้ผู้ฟังและตัวเธอเองเชื่อในสิ่งนั้น หรือบางครั้งในเนื้อเพลงที่เหมือนเดิม แต่เสียงร้องหรืออารมณ์ที่ถ่ายทอดออกมากลับมีการเปลี่ยนแปลงไป จากเกรี้ยวกราดสู่เศร้าหมองสู่ความรู้สึกไม่มั่นคง เป็นการสื่อสารถึงสภาวะอารมณ์ที่ไม่หยุดนิ่ง และพาตัวเพลงให้พุ่งไปถึงจุดพีค
    .
    ประกอบกับการใช้ซาวน์ดนตรีที่หลากหลายมาช่วยสร้างบรรยากาศดนตรีที่แข็งแรงโอบอุ้มอารมณ์ของเพลงไปกับเสียงร้อง หยิบจับความเป็น indie rock/indie pop/punk/dream pop มาถ่ายทอดทิศทางของอารมณ์ที่แตกต่างกันไป ผสมทั้งความดิบบริสุทธิ์ ความหนักหน่วง ความเรียบง่าย และความหม่นขุ่นมัวเข้าด้วยกัน เสริมด้วยการเรียบเรียงเครื่องสายเข้ามาเพื่อสร้างสัมผัสบรรยากาศให้รู้สึกราวกับเสียงประกอบจากหนังสยองขวัญ แต่งเติมความรู้สึกหวาดหวั่น ไม่น่าไว้วางใจ ขับเน้นบรรยากาศดนตรีที่ไม่หยุดนิ่ง พร้อมที่จะพุ่งทะยานระเบิดพลังงาน ดิ่งลงสู่หลุมอารมณ์ดำมืด หรือแตกหักอย่างเปราะบางอยู่ตลอดเวลา
    .
    Born Confused
    ''I'm bored to death, let's argue
    What is going on with me?"
    เปิดอัลบั้มขึ้นมาด้วยพายุอารมณ์ที่บอกเล่าความรู้สึกคับข้องใจและความพยายามที่จะแก้ไขมันภายในคราบของดนตรีป็อป ด้วยซาวน์ดนตรีที่ผสมผสานสัมผัสซาวน์ดิบหยาบแต่ถ่ายทอดออกมาอย่างเรียบง่ายของกีตาร์เข้ากับเซนส์เมโลดี้ที่มีความป็อปจากทั้งซินธ์ เครื่องสาย และกีตาร์ ตัวเพลงขับเคลื่อนเพลงไปข้างหน้าและค่อยๆพาเราลงลึกไปในห้วงอารมณ์ด้วยเสียงร้องและเนื้อเพลงที่ทำงานไปกับไดนามิกและบรรยากาศดนตรี เป็นความขี้นลงของคลื่นที่พาตัวเพลงให้เคลื่อนตัวจากจังหวะคลายตัวสู่จังหวะเข้มข้นอย่างลื่นไหล เสียงร้องของ Dana สร้างโมเมนตัมของอารมณ์เพลงให้เหวี่ยงตัวอย่างชัดเจน โดยเฉพาะช่วงท้ายเพลงที่สมาชิกวงร่วมกันร้องท่อน 'Thank you for making me happy' ซ้ำไปเรื่อยๆ โดยเริ่มจากสัมผัสอารมณ์สดใส แล้วเปลี่ยนไปเป็นความบ้าคลั่งที่ประสานกับเสียงเครื่องสาย จนกระทั่งเหลือเป็นเสียงร้องของ Dana ที่ก้องไปด้วยความยุ่งเหยิงในอารมณ์ แล้วตัดจบไปอย่างฉับพลัน
    .
    Sweet
    ขยับก้อนพายุให้ถาโถมหนักหน่วงยิ่งขึ้น ด้วยเพลงท่อนหนักที่สาดซาวน์กีตาร์ขุ่มมัวหม่นหมองลงมาอย่างตลบอบอวล ตัดสลับไปกับช่วงนิ่งสงบ เสียงร้องโทนต่ำผลักเอาอารมณ์ที่ดำมืดให้แผ่ตัว ประสานไปกับเสียงประสานฟุ้งข้างหลัง ตัวเพลงเคลื่อนตัวขึ้นลงไปข้างหน้าพร้อมกับค่อยๆทวีแรงบีบอัดของมวลอากาศให้ยิ่งหนักนหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบรรยากาศดนตรีที่สร้างขึ้นมาและสัมผัสอารมณ์ที่พุ่งพล่านจากเสียงร้องต่างประกอบกันเป็นแรงระเบิดที่บ้าคลั่งและเกรี้ยวกราด
    .
    Don't Ask Me Twice
    ขยับมาเป็นเพลงจังหวะสนุกสนาน ที่ขับเคลื่อนไปด้วยกรูฟที่ประสานหยอกล้อกันของแต่ละชิ้นส่วน แล้วเปลี่ยนอารมณ์เข้าท่อนประสานฟุ้ง ที่ดนตรีแผ่บรรยากาศจนตลบอบอวล บวกกับได้เสียงร้องประสานหวานๆเข้ามาช่วยเบรกความแข็งของเสียงร้อง ความเร่งเร้าและความโกลาหลเริ่มแทรกตัวเข้ามาพร้อมกับแรงกระแทกที่มากขึ้นและเครื่องสายที่โหยหวนอยู่ข้างหลัง จนกระทั่งตัวเพลงพุ่งตัวะระเบิดออก เสียงร้องและซาวน์ดนตรีpunk ปลดปล่อยความบ้าคลั่งออกมาอย่างรุนแรงชั่วขณะ ก่อนที่จะกลับมาเป็นจังหวะกรูฟชวนโยกอีกครั้ง
    .
    Long
    ระเบิดความรู้สึกที่มีต่อผู้คนที่ทำให้เสียเวลาในชีวิต รวมถึงตัวเธอเอง ออกมาด้วยเพลงที่มีโทนหม่นและสะสมพลังงานอย่างค่อยเป็นค่อยไป ความแข็งแรงของจังหวะกลองขับเคลื่อนพลังงานที่ค่อยๆสะสมตัวนี้ให้ไปข้างหน้าอย่างมีไดนามิก เสียงร้องที่เราสัมผัสได้ถึงความดิบและบริสุทธิ์ของอารมณ์ที่ Dana ถ่ายทอดออกมา และเมื่อเวลามาถึง พลังงานที่สะสมมาก็แผ่ความหน่วงออกมากดทับบรรยากาศเอาไว้ แล้วเพิ่มเติมความหนักหน่วงขึ้นไปอีกในการระเบิดครั้งที่สอง ปล่อยความเข้มข้นของพลังงานออกมาอย่างเต็มที่
    .
    Nephews
    'I'd like to be two nephews under the sea'
    หนึ่งในเพลงที่ใช้ทะเลในเนื้อเพลง ทะเลซึ่งเป็นสถานที่ที่เธอสามารถปล่อยความเจ็บปวดให้จมลึกและอยู่กับความสงบนิ่งที่ล้อมรอบ ตัวเพลงยังคงโทนความหม่นและไดนามิกที่ค่อยๆขับเคลื่อนไป กีตาร์ซาวน์ขุ่นมัวประสานไปกับซินธ์และจังหวะกลองที่สะท้อนก้อง แต่แทนที่จะระเบิดพลังงานออก เพลงนี้พาเราให้จมดิ่งไปในท้องทะเลที่ทุกสิ่งล่องลอย เสียงร้องหน่วงฟุ้งไปกับบรรยากาศมืดมัว เมโลดี้ซินธ์และกีตาร์ไหลไปกับกระแสน้ำ ท่ามกลางความเวิ้งว้างกว้างใหญ่ของท้องทะเล
    .
    Pop Song
    เพลงช้าที่เปิดพื้นที่ให้เราได้สัมผัสกับความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์ผ่านเสียงร้องของ Dana เผยสัมผัสที่ผสมความแข็งกร้าวเข้ากับความอ่อนโยน เสียงกรีดร้องที่ระเบิดตัวออกท่ามกลางดนตรีล่องลอยฟุ้งเบื้องหลังยิ่งขับเน้นความเข้มข้นของอารมณ์ที่ปล่อยออกมา นุ่มนวลแต่ก็หนักหน่วง
    .
    Give/Take
    แทร็กง่ายๆเพลิดเพลินที่เคลื่อนไปด้วยคอร์ดกีตารสองคอร์ด แล้วปล่อยให้กรูฟเบสและจังหวะกลองสร้างไดนามิก มวลบรรยากาศจากซินธ์และชิ้นส่วนอื่นๆซ้อนทับลงมาเรื่อยๆสร้างความตึงในอากาศบางๆร่วมไปกับเสียงร้อง ถ่ายทอดความรู้สึกผิดและความปรารถนาต้องการที่สะท้อนออกมาจากตัวเธอเอง
    .
    Lilac
    'I don’t want to get bitter
    I want us to get better
    I want us to be kinder
    To ourselves and to each other'
    ถ่ายทอดความต้องการที่จะเป็นคนที่ดีขึ้นแม้ว่าสภาพจิตใจของเธอจะไม่พร้อมแค่ไหนก็ตาม ผ่านเพลงที่เคลื่อนตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป กรูฟเบสละมุนนุ่มสร้างความสงบนิ่งในช่วงก่อตัว กีตาร์และเครื่องสายที่ประสานไปแฝงความหม่นและสัญญาณของความวุ่นวายที่กำลังจะเกิดขึ้น จังหวะที่กีตาร์สาดซาวน์เกรี้ยวกราดออกมาแผ่ไปทั่วพื้นที่ เปลี่ยนความสงบนิ่งให้เป็นสภาพพื้นที่ขุ่นมัว และตลบอบอวลไปด้วยบรรยากาศ ประกอบกับเสียงร้องที่โหมอารมณ์ วิธีการร้องซ้ำๆยิ่งขับเน้นพลังงานของตัวเพลง มันทั้งสะท้อนก้อง วนย้ำ และประทับความหมายฝั่งไว้ในบรรยากาศ มีการแทรกความละมุนลงไปในเสียงร้องเล็กน้อยในขณะที่บรรยากาศโดยรอบช่างมืดดำและเตรียมที่จะระเบิดตัวครั้งสุดท้าย ซึ่งก็ซัดเอามวลบรรยากาศมหาศาลกระแทกกระทั้นเข้ามาอย่างทรงพลังและฟุ้งท่วมท้นไปพร้อมๆกัน เอ่อล้นและสวยงาม
    .
    Circling
    'I go inside the sea sometimes'
    อีกแทร็กหนึ่งที่ Dana ใช้ทะเลเป็นแกนหลักของเนื้อเพลง ความรู้สึกที่ซัดสะท้อนไปกับคลื่นน้ำและพยายามที่จะหลบซ่อนตัวเองอยู่ภายใต้นั้น พร้อมกับบอกกับตัวเองซ้ำๆว่าทุกอย่างมันโอเค ตัวเพลงขับเคลื่อนไปด้วยซินธ์เป็นหลัก ซึ่งทำให้โทนเพลงมีสัมผัสที่แตกต่างไป เมโลดี้ซินธ์โดดเด่นออกมาหลังจากท่อนคอรัสทั้งฟุ้งหวานและชวนฝัน ซาวน์กีตาร์ช่วยทำงานในพาร์ทบรรยากาศประสานไป โดยสร้างเสียงที่เสมือนกับคลื่นลมที่โหยหวนคลุมตัวเพลงเอาไว้ ประกอบกับการปลดปล่อยอารมณ์ความรู้สึกมหาศาลออกมาผ่านการร้องวนซ้ำในช่วงท้ายเพลง
    .
    (Something)
    แทร็กสั้นๆที่มีซาวน์บรรยากาศเนิบช้าอื้ออึงต่อเนื่องมาจาก 'Circling' เสียงร้อง auto-tune ล่องลอยไปกับความเวิ้งว้างโดยรอบ ก่อนที่จังหวะกลองจะเข้ามาค่อยๆตีบรรยากาศให้ขุ่นมัวเข้มข้น สร้างความหน่วงที่หนักไปกับมวลอากาศหนืดช้า
    .
    Homecoming Song
    ซาวน์กลองสังเคราะห์สะท้อนก้องโดดเด่นและสร้างบรรยากาศให้กับเพลง ซินธ์บางๆขับเคลื่อนตัวเพลงไปอย่างเนิบช้า กีตาร์ฟุ้งหวานเข้ามาเสริมพร้อมกับเบสหนึบหนับ จากนั้นจังหวะกลองก็พาบรรยากาศให้ยุ่งเหยิงขึ้นไปพร้อมกับชิ้นส่วนอื่นที่ซ้อนตัวกันเข้มข้น ทิ้งท้ายบรรยากาศขุ่นมัวที่ปกคลุมมาตลอดให้ค้างเอาไว้กับตัวเรา พร้อมกับถ่ายทอดความวนเวียนของอารมณ์ความรู้สึก เมื่อทะเลทั้งช่วยเหลือเยียวยาเราให้รู้สึกดีขึ้น แต่ขณะเดียวกันมันก็พาความรู้สึกเหล่านั้นวนกลับมาหาเราอีกครั้ง
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in