เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
5 Days a week internship diary.arouge.luna
คุณแม่ฝึกหัด.
  • / 01 /
    วันจันทร์ ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2563 

          เราเริ่มการฝึกงานตำแหน่งครูผู้ช่วยสอนศิลปะที่โรงเรียนอนุบาลเด่นหล้าในวันจันทร์ แม้การเปิดเทอมอย่างเป็นทางการจะเป็นวันพุธที่ 1 กรกฎาคมก็ตาม แต่เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม คุณครูที่โรงเรียนจึงอยากให้เรามาเห็นสถานที่ และการทำงานที่โรงเรียนก่อน

          วันแรกของการทำงานเป็นไปอย่างทุลักทุเล ทุกคนในโรงเรียนดูยุ่งกับการเลี้ยงเด็ก อาจเพราะสถานการณ์โรคระบาด Covid-19  ทำให้การเรียนการสอนที่โรงเรียนลำบากขึ้น   เราและเพื่อนที่เป็นนักศึกษาฝึกหัดเลยฝึกงานกันอย่างทุลักทุเล 

    ไม่รู้ว่าควรเอาตัวเองไปวางตรงไหน 
    ไม่รู้ว่าตัวเองในเวลานี้ควรทำอะไร 

          เพราะทุกคนดูยุ่งกันไปหมด จนเรารู้สึกท้อใจ และสงสัยว่าตัวเองจะผ่านพ้นอาทิตย์นี้ไปได้ไหมนะ 
    กระทั่งวันที่ 2 ของการฝึกงาน พี่หัวหน้างานเลยบอกให้เราไปช่วยเลี้ยงเด็กก่อน เพราะอาทิตย์นี้หมวดศิลปะยังไม่มีการเรียนการสอน นั่นเป็นงานแรกที่เราได้รับมอบหมาย และรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เลี้ยงเด็ก

          คุณครูท่านหนึ่งเป็นคนนำทางเราไปยังห้องเรียนชั้นล่างของตึกเรียน ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องธุรการ เราไม่แน่ใจนัก แต่ชั้นนี้มีเด็กเล็กเต็มไปหมด หลังจากที่คุณครูส่งเราเข้าห้องแล้ว ภาพตรงหน้าก็ทำให้เรารู้สึกต๊กกะใจ เด็กในห้องนี้ตัวเล็กชะมัด บางคนก็นอนดูดขวดนม บางคนวิ่งซนไปมา บางคนส่งเสียงร้องงอแง แม้เราจะเคยเลี้ยงเด็ก แต่พอเจอสถานการณ์แบบนี้กลับตัวแข็งทื่อ ไม่รู้ว่าควรปลอบใครก่อน หรือควรทำตัวยังไง 
    สถานการณ์ของนะโม และพวกจิ๋วภายในห้อง 

          ความสงสัยก่อตัวขึ้นในหัวเรา เด็กที่นี่ตัวเล็กจิ๋ว บางคนยังพูดไม่ได้ ไม่น่าจะใช่เด็กอนุบาล 1 แน่ ๆ ท้ายที่สุดเราทนเก็บความสงสัยไม่ไหว จึงเอ่ยปากถามคุณครูในห้องที่ดูจะใจดีที่สุด และได้คำตอบว่าเด็กที่เราต้องเลี้ยงในสัปดาห์นี้คือเด็กเตรียมอนุบาลที่อายุราว 1 เดือนครึ่ง - 2 ขวบ 



    งานแรกของนะโมคือการเลี้ยงเด็กเตรียมอนุบาล

          เราให้กำลังใจตัวเองอยู่สามวินาทีด้วยการตบบ่าตัวเองดัง ปุ๊ ปุ๊ (ดังแบบนี้แหละ)    จากนั้นก็เริ่มเข้าหาเด็ก ๆ ด้วยการชวนคุย พวกจิ๋วน่ารักมาก บางคนเข้ามาอ้อนเราเพราะอยากให้เราพากลับบ้าน เราได้แต่อมยิ้มและยื่นขวดนมให้พวกจิ๋วดูดก่อนนอน (จะไม่ยอมใจอ่อนหรอกนะ) พอเลี้ยงไปได้สักพักคุณครูประจำห้องที่เราสอนขอให้เราช่วยไปดูแลเด็กชายคนหนึ่งที่มีไข้สูง และรอคุณแม่มารับที่ห้องพยาบาล 

    'ตูน'
    สติ๊กเกอร์ที่เจ้าตูนเอามาให้เราเล่น
    ซึ่งเจ้าตัวก็ไปขอมาจากพี่พยาบาลคนสวยอีกที

          ตูนเป็นเด็กน่ารัก คุยเก่ง และพูดรู้เรื่อง แม้ภายในห้องพยาบาลจะมีแค่ตูน เรา และพี่พยาบาลคนสวยหนึ่งคน แต่ตูนก็ไม่งอแง และพร้อมจะอ้อนทุกคนในห้องให้ยิ้มตาม ตูนมักจะขอให้เราเล่านิทานเรื่องช้างให้ฟัง พอฟังจบก็จะกระโดดลงจากเตียงไปกวนพี่พยาบาลด้วยประโยคว่า "พี่พยาบาลทำไร" กับ "ดูซิ ในตู้เย็นมีอะไรกินนะ" เราเล่นด้วยกัน และอ่านหนังสือนิทานด้วยกัน จนเที่ยงตูนก็เริ่มง่วงนอน เราเลยหยิบขวดนมให้ตูนดูด และตบก้นให้จนตูนเริ่มหลับ แต่ยังไม่ทันหลับหรอก คุณแม่ของตูนก็มารับพอดี เราเลยถือโอกาสกลับไปดูแลเด็ก ๆ ในห้องต่อ 

          กิจวัตรประจำวันในสัปดาห์แรกของเราเป็นไปอย่างเรียบง่ายมากขึ้น ไปโรงเรียนแต่เช้า ป้อนนมพวกจิ๋วทีละคน จากนั้นก็พาพวกจิ๋วร้องเพลง และเต้น พอพักเที่ยงก็พาไปหม่ำข้าว และกล่อมพวกจิ๋วเข้านอนจนหลับ เรารู้สึกผูกพันกับเด็ก ๆ มาก โดยเฉพาะเด็กหญิงนีน่า นีน่าเป็นเด็กหญิงผมสั้น ผิวขาว เธอไม่ค่อยพูด แต่รู้เรื่องทุกครั้งที่คุณครูสั่งให้ทำอะไร นีน่าชอบจับมือเราทุกครั้งที่เธอได้ยินเสียงเพื่อนในห้องร้องไห้งอแงเพราะอยากกลับบ้าน เราเลยสนิทกับนีน่า 


    'นีน่า'

    / มือเจ้านีน่าเล็กจึ๋งเดียวเอง /


          นีน่าติดเรา พอ ๆ กับที่เราติดนีน่า เราป้อนนมนีน่า อ่านหนังสือนิทานกับนีน่า และกล่อนนีน่านอนจนหลับ นีน่าชอบจับมือเรามาก จนคุณครูที่ห้องลองจูงมือนีน่าไปทีอื่น แต่สุดท้ายนีน่าก็เดินหนีจากคุณครูมาจับมือเราเหมือนเดิม 

          นีน่าไม่เคยงอแง หรือร้องไห้เวลาที่เราบอกนีน่าว่าเราขอไปดูแลเด็กคนอื่นแปบนะ นีน่าจะนั่งนิ่ง ๆ และรอให้เรากลับมาดูแลเธอ หรือแม้แต่ตอนที่เราขอตัวไปกล่อมเด็กคนอื่นให้หลับก่อน พอเรากลับไปกล่อมเธอ เธอก็จะจับมือเราแน่น แต่ไม่ยอมหลับตานอน เรารู้ว่าเธอกลัวเราหนีไป จนเราต้องคอยบอกเธอบ่อย ๆ ว่าไม่ต้องกลัวนะ  ถ้าง่วงก็หลับเลย เดี๋ยวจะเฝ้าเองจ้ะ 

          เราเลี้ยงนีน่า และเด็กคนอื่น ๆ อยู่หลายวันจนกระทั่งวันศุกร์ ตูนกลับมาโรงเรียนอีกครั้ง และยังคงมีไข้ คุณครูประจำห้องเลยขอให้เราไปเฝ้าตูนเหมือนเคย แต่รอบนี้นีน่าเริ่มงอแง เราจำเป็นต้องค่อย ๆ แอบ นีน่าไปดูแลตูน และหวังว่านีน่าจะไม่ร้องไห้จนเกินไปนะ เด็กดี 

          รอบนี้คุณครูให้เราเฝ้าตูนในห้องเรียนห้องหนึ่งที่ไม่มีคน เราเล่นตุ๊กตาสัตว์กับตูนสองคน ตูนช่างพูดช่างคุย และซุกซนเหมือนเดิม มีอ้อนขอให้พาไปเล่นข้างนอกบ้าง รวมถึงขอให้พาไปดูเพื่อน ๆ บ้าง เราลองถามตูนว่าตูนจำเราได้ไหม ตูนบอกว่าจำได้ และบอกว่าคิดถึงเรานะ ตอนนั้นใจเราฟูเป็นไข่เจียวเชียว รู้สึกมีกำลังใจในการฝึกงานเฉยเลย พอตูนเล่นจนเหนื่อยเราก็เลยพาตูนกินนมนอน และรอคุณแม่มารับ แต่เหตุการณ์หนึ่งก่อนที่ตูนจะกินนมนอน เราพาตูนไปเล่นขับรถหน้าห้องเรียน ตูนเล่นจนเหงื่อออกเราเลยถามตูนว่า 


    "พี่ตูน กินน้ำไหม คุณครูจะไปหยิบให้"                                                                                                     ตูนรีบตอบกลับเราว่า "ไม่จ้ะ แม่"


          เราต๊กกะใจมาก รีบถามตูนอีกรอบว่าเมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ ตูนไม่ตอบ แต่ยังคงเล่นของเล่นในรถอย่างเดิม เรานิ่งไปประมาณ 10 วิเห็นจะได้ เมื่อกี้ตูนเรียกเราว่า "แม่" ด้วยความสัตย์จริงนะ ทั้งตกใจ ทั้งเอ็นดู ไม่คิดว่าจะสนิทกับตูนเร็วขนาดนี้ จนตอนที่ตูนเรียกเราว่าแม่ ใจเราบุบบิบบู้บี้ไปหมดเลย  ตูนทำให้วันศุกร์สุดสัปดาห์แรกของการฝึกงานเป็นวันที่เจ๋งแจ๋วชะมัด 

    นี่เรากลายเป็นคุณแม่ไปซะแล้ว 

    น่ารักจัง ·͜·♡


     


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in