เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Music Producer Lifecrisca
EP2 : วันเสาร์ตื่นเช้ามาดู Dragonball
  • คืนที่สองหลังจากแฟนผ่าตัด อาการในตอนกลางวันดีขึ้น แต่เริ่มบวมขึ้นและความเจ็บปวดเริ่มกลับมา เพราะฤทธิ์ยาสลบที่หมดลง ฉันนอนได้ทีละนิดละหน่อย เพราะต้องคอยดูแล เลยเอาเวลามาเขียนเรื่องนี้ต่อ 

    ปี 1990-1994
    อายุ 7-11 ปี 
    ประถม 2-6

    ฉันเพิ่งย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ พ่อซื้อบ้านใหม่เป็นทาวเฮ้าส์เล็กๆใกล้โรงเรียน อยู่กันสี่คน มีฉัน พ่อ แม่ และน้องชาย โดยช่วงนั้นพี่สาวเรียนอีกที่ เลยไปอยู่กับบ้านญาติ 

    ย้ายมาใหม่ๆ ที่ต้องปรับตัวมากหน่อย คือเพิ่งเริ่มเรียนวิชาภาษาอังกฤษ เลยต้องเร่งตามเพื่อนให้ทัน โดยการอยู่เรียนพิเศษทุกเย็น 

    ชีวิตช่วงนี้ไม่มีอะไรนอกจาก เรียนตามสายพาน ตามที่ผู้ใหญ่ให้เรียน ก็อยู่ในเกณฑ์ดีมากตลอด แต่นอกเหนือจากนั้นก็มีแต่หาเวลาเล่นสนุก เล่นเกม อ่านการ์ตูนล้วนๆ เหมือนเด็กบ้าเกมทั่วไป

    กิจวัตรหลักๆ คือ ไปเรียน พักกลางวันหรือเย็นก็เขี่ยไพ่การ์ดโอเดงย่า ดราก้อนบอล หรือไม่ก็เล่นอะไรที่ตอนนั้นเค้าฮิตกันกับเพื่อนๆ เช่น ดีดลูกแก้ว ตบแปะ ของเล่นของแถมจากขนมหรือถุงเท้า เสาร์อาทิตย์ตื่นเช้ามาดูเจ้าขุนทองเพื่อรอดูดราก้อนบอล ช่อง 9 การ์ตูน แล้วก็ไปเล่นกับญาติๆ ลูกพี่ลูกน้อง ไปค้างไหนต้องมีเครื่องเกมตลอด ตอนนั้นเล่นเกมเยอะๆๆมากๆๆ เล่น super famicom มีหัวโปร ตอนแรกๆพ่อก็พาไปเล่นร้านเกม มีช่วงพฤษภาทมิฬ ฉันไม่เข้าใจทั้งสิ้นว่ามันคืออะไร แค่ดีใจที่ตื่นมาแล้วบอกโรงเรียนปิด แต่ก็ยังไปเล่นเกมที่ร้าน พอสักพักพ่อก็ซื้อมาให้เล่นที่บ้าน ซื้อเกมใหม่ๆทุกสุดสัปดาห์ ทุกๆปิดเทอมจะไปค้างบ้านเพื่อนสนิท เล่น seiken 3 กัน สนุกมากๆ ไปโบสถ์ ไปเล่นกับเพื่อนฝรั่ง (น้องสาว Paul สองคน สวยมากๆ) บางสัปดาห์ไปสวนน้ำ กินไส้กรอกวาฟเฟิล ชอบมากๆ บางทีก็อ่านการ์ตูนกีฬาแล้วก็บ้าบาสฯเป็นพักๆ เพราะอ่าน slam dunk พอที่โรงเรียนมีงานเทศกาล ที่มีซุ้มเกมแพงๆ เราก็จะเอา เกมบอย ไปเล่น Tetris แบบ link สายกับเพื่อน

    ช่วงนี้เป็นความทรงจำที่มีแต่ความสนุก บริสุทธิ์ ไม่มีจริตอะไรมาเจือปนจริงๆ

    นอกจากเรื่องดีๆแล้ว ช่วงนี้มีเรื่องที่ทำให้เกิดแผลในใจสำคัญอยู่หนึ่งเหตุการณ์ คือ น่าจะช่วง ป. 3-4 ครูให้จัดโต๊ะแล้วเก็บขยะใต้โต๊ะตัวเอง ด้วยความที่เราเห็นอาณาเขตระหว่างโต๊ะเรากับเพื่อนที่ติดกันมันดูสุ่มเสี่ยงที่จะมีขยะถ่ายเทกันได้ง่าย เราจึงโกยขยะกับเศษผง จากโต๊ะข้างๆที่ติดกันเก็บให้ด้วยเลย โกยเกอนพื้นที่ตัวเแงออกมา ล้ำไปโกยให้เพื่อนด้วย ด้วยความหวังดี เพิ่อความชัวร์ แต่... 

    “บึ้ก!” 
    เสียงฝ่ามือตบเข้าที่หลังฉันเอง
    “นี่ไง เจอแล้ว พวกโกยขยะไปให้เพื่อน”
    ...
    ฉันเงียบ ไม่ตอบโต้ครู
    ลองนึกเอาละกันว่าฉันรู้สึกยังไง
    ฉันคิดว่านั่นน่าจะเป็นครั้งแรกสุดที่เมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชัง โกรธแค้นผู้ใหญ่ ได้ถูกฝังอยู่ในตัวฉัน

    ช่างเถอะ ขอผ่านไปเรื่องอื่นเลย
    มันก็ประมาณเนี้ย... ชีวิตวัยเด็กฉัน แทบไม่เกี่ยวกับดนตรีเลย แต่...

    มีวิชาอะไรสักอย่างที่ต้องจับกลุ่มแสดงเต้น
    ฉันเป็นหัวหน้ากลุ่มนั้น และเลือกเพลงมาคิดท่าเต้นซ้อมการแสดงเอง เพลงที่เลือกตอนนั้น เป็นเพลง “หลงตัวเอง” ของ อนันต์ บุนนาค
    พอนึกถึงเหตุการณ์นี้เลยพอทำให้นึกออกบ้างว่า ช่วงนั้นฟังเพลงอะไร 
    น่าจะเป็นพวก RS , Grammy เป็นหลักนี่แหละ รู้สึกช่วงนั้นจะชอบ Raptor ชุดแรก กับ อนันต์ บุนนาค
    ที่เราชอบ อนันต์ เพราะรู้สึกว่าเพลงตลก แหวกแนวจากอย่างอื่นในตอนนั้น กับแรพเตอร์ท่อนแรพคลาสสิค คิดเอาไว้ว่าใช่ นั่นน่าจะเป็นท่อนแรพภาษาไทยครั้งแรกสุดที่หลายๆคนเคยได้ยินเช่นกัน

    กลับมาที่เรื่องการแสดงในวิชานั้น น่าจะช่วง ป. 2-3 ไม่เกินนั้น ฉันจำได้ว่า มันมีความเหนื่อยในการจัดการให้ทุกคนในกลุ่มมาซ้อม เพื่อเต้นให้ได้ทันก่อนสอบแสดง แต่พอผ่านพ้นไปแล้วผลลัพธ์ออกมาดี ครูเอ่ยปากชมว่า “เธอเป็นคนมีความรับผิดชอบดี” ฉันคิดว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นน่าจะเป็นงานชิ้นแรกของฉันในฐานะโปรดิวเซอร์นั่นเอง

    ชีวิตวัยเด็ก แต่ละคนน่าจะคล้ายๆกัน มันคิดแต่เรื่องเล่นสนุก เรื่องตลก โดยไม่มีจริตอะไรมาเกี่ยวข้องทั้งนั้น ฉันก็เช่นกัน ชีวิตฉันยังคงวนเวียนๆหลักๆอยู่กับความบ้าเกม กับ pop culture ญี่ปุ่น มีเรื่องดนตรีอยู่น้อยมากๆ เพลงก็ไม่ได้ฟังเยอะ ฟังก็เพลงตลาดทั่วไป rs , Grammy อย่างที่บอกน่ะแหละ

    แต่ช่วงเวลาที่ฉันฟังเพลง mainstream มันก็จบลงด้วยเวลาสั้นๆ เท่านี้แหละ... 

    ตอนต่อไป part 3 เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นตอนต้น





Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in