เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ฟินแลนด์, นักเรียนแลกเปลี่ยน และ Museum Card ของเธอ7,929 km
Ateneum Art Museum: พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในฟินแลนด์
  • ที่ไหน?

    Ateneumin Taidemuseo หรือ Ateneum Art Museum แห่งนี้ เป็นหนึ่งในสามพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดเป็น Finnish National Gallery และเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในฟินแลนด์ มีcollectionงานคลาสสิคที่เยอะที่สุดในประเทศ เรียกได้ว่า มาที่นี่ที่เดียวก็จะได้ดูงานดังๆเกือบทั้งหมดแล้วค่ะ


    ไปยังไง?

    เรานั่ง metro ไปลงสถานี Central Train Station แล้วเดินต่อไม่เกิน 5 นาทีก็ถึงค่ะ


    รู้จักที่นี่ได้ไง?

    ลงเรียนวิชา Get to know Finland แล้วมีการบ้านให้ไปฟัง audio guide จากเว็บของ Ateneum เลยได้รู้จักรูปภาพสวยๆและน่าสนใจหลายภาพจนอยากไปเห็นของจริงด้วยตา บวกกับเข้าไปหน้าแรกของเว็บแล้วเจอว่ามี 2 exhibition นี้อยู่พอดี 

    1. TREASURES FROM THE NATIONAL GALLERY OF DUCKBURG
    2. THE VON WRIGHT BROTHERS


    อันแรกคือนิทรรศการรูปภาพดังๆจาก Duckberg ว่าง่ายๆคือการเอารูปภาพดังๆในฟินแลนด์มาวาดเป็นเวอร์ชั่นของ Donald Duck! แค่นี้ก็น่าสนใจมากกกกกกกกแล้ว แล้วยิ่งนิทรรศการที่สอง คือของ Von Wright Brothers สามพี่น้องศิลปินที่วาดรูป landscape และธรรมชาติต่างๆของฟินแลนด์ ที่เด่นๆเลยคือการวาดรูปสัตว์ปีก (นก เป็ด หงส์ ต่างๆ) แล้วก็พวก scientific illustrations ของสัตว์และพืชต่างๆ แล้วยังมีการสตาฟสัตว์ไว้ด้วย คือเรียกได้ว่าเป็นผู้ทรงคุณวุฒิต่อวงการศิลปะและวิทยาศาสตร์มาก

    แล้วสองนิทรรศการมาจัดเวลาเดียวกันแบบนี้ ยังไงก็ต้องไปดูให้ได้ๆๆๆๆ

    (หมายเหตุ: สองนิทรรศการนี้หมดไปแล้วนะคะ วันสุดท้ายคือวันที่ 25 ก.พ. 2018 เราไปมาวันที่ 23 ค่ะ)


    ไปมาแล้วเป็นไง?

    โอ้โหหหหหห บอกได้เลยว่าประทับใจมากกกกกกกก เริ่มที่ตัวตึกก็สวยคลาสสิคแล้วอ่ะค่ะ


    สำหรับที่นี่ ค่าเข้าราคานักเรียนอยู่ที่ 13 ยูโร แต่เพราะเรามี Museum Card ก็เหมือนประหนึ่งว่าเข้าฟรีนั่นเองงงงง

    ถ้ามีมิวเซียมการ์ดก็เอาไปยื่นที่เคาน์เตอร์ขายตั๋ว ก็จะได้สติกเกอร์มาติดอกหนึ่งอัน แล้วก็ ถ้ามีเป้ มีเสื้อโค้ท ก็เอาไปฝากในล็อกเกอร์ให้เรียบร้อยก่อนนะคะ แต่ของเรา เราใช้ drawstring backpack เอาเข้าได้ แต่ต้องสะพายไว้ข้างหน้าค่ะ

    ตัวนิทรรศการจะเริ่มที่ชั้นสอง ต้องขึ้นบันไดไปอีกชั้น ซึ่งบันไดก็สวยอีกแล้ว ไม่มีรูปตอนขึ้น แต่มีรูปที่ถ่ายจากข้างบนลงมา ซึ่งก็สวยพอๆกันเลยนะะะ


    ต้องขอบอกก่อนว่า หนึ่ง คงจะไม่ได้มีรายละเอียดของทุกห้อง ทุกรูปขนาดนั้น เพราะจำไม่ได้ (อ้าว) สอง รูป เราถ่ายจากกล้อง Samsung Galaxy S6 แล้วก็ลงเลยแบบไม่ได้แต่ง ก็อาจจะไม่ชัด ไม่คมไปบ้าง สาม พูดตรงๆคือเราเป็นพวกเซนส์หยาบ เสพงานอาร์ทไม่เป็น บอกได้แค่สวย ไม่สวย ตีความอะไรแบบนี้คือเกินความสามารถ ยังไงก็อย่าดุน้องเลยนะคะ ._.

    อ่ะ มา เริ่มที่ห้องแรกกันเลย ห้องClassics

    ห้องนี้ก็จะรวมพวกรูปภาพคลาสสิค ดังๆทั้งหลายแหล่ และเป็นห้องที่อยู่ในรูปบน cover ด้วย

    และนี่คือความประทับใจแรกต่อมิวเซียมนี้

    เขามีงาน Van Gogh ด้วยค่ะ!!

    Vincent van Gogh: Street in Auvers-sur-Oise, 1890

    สารภาพว่าตอนแรกไม่รู้มาก่อน จนเพื่อนชี้ให้ดู นี่ยืนอ้าปากค้างเลย โคตรเป็นบุญตาอ่ะคุณ เราได้เห็นงานของศิลปินระดับโลกที่ได้ยินชื่อมาตั้งแต่เด็ก โหหหหหหห ใกล้ขนาดเห็นฝีแปรง เห็นสีสดๆ ใกล้จนถ้าจะเอื้อมมือไปจับก็แตะได้เลย (ตอนแรกเพื่อนนึกว่างานไม่จริงด้วยซ้ำ นางบอกว่าไม่มีทางที่เราจะได้เข้าใกล้งานVan Goghขนาดนี้5555555)

    มาที่อีกงานที่เราชอบในห้องนี้

    Albert Edelfelt: Boys Playing on the Shore, 1884

    ขอโทษทีค่ะที่รูปมันเบี้ยวๆ พอดีมันอยู่สูง ต้องถ่ายมุมเสย ฮือออออออ

    คือคุณ Edelfelt นี่ก็เป็นคนดังอีกคนของฟินแลนด์ เราชอบงานเขาตั้งแต่เห็นจากเว็บตอนทำการบ้านในคลาส เราชอบความงานละเอียด แสง เงาที่ทำให้มันรู้สึกละมุนๆ ยิ่งได้ไปเห็นงานของจริงเขาที่มิวเซียมในเมือง Porvoo ก็ยิ่งชอบ ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่ชอบสไตล์งานเขามาก รูปนี้เราก็ยืนดูอยู่นานเลย แปลกดีทั้งที่แค่เป็นรูปนี่แหละ แต่เรารู้สึกเหมือนยืนอยู่ที่หาดช่วงบ่ายๆเลย

    และรูปนี้ก็มีสิ่งที่เราตั้งใจมาดูววววววว เวอร์ชั่น Duckburg!

    ALBERT EIDERFELT: DUCKLINGS PLAYING ON THE SHORE
    คือมันไม่ใช่นิทรรศการแยกแบบที่เราเข้าใจตอนแรก แต่มันคือเอารูปมาติดไว้ข้างๆของจริง ให้ดูเทียบกันเลย แต่จะแบบไหนก็น่ารักมากกกกกกกกก น่ารักยันรายละเอียดประกอบ มีชื่อศิลปิน มีคำอธิบายเวอร์ชั่น Duckberg เป็นเรื่องเป็นราวว่าน้องเป็ดสามตัวนี้คือหลานๆของDonald Duck ดูแล้วยิ้มเลยอ่ะ

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไฮไลท์ที่แท้จริงอยู่ตรงนี้

    รูปภาพที่ได้รับการโหวตว่าดังที่สุดในฟินแลนด์!!

    Hugo Simberg: The Wounded Angel, 1903.

    ถ้าอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้ เชิญฟัง audio guide ที่นี่ ค่ะ

    เราได้ยินเรื่องรูปนี้บ่อยมากๆๆๆๆตอนเรียนวิชา get to know finland พอได้มาเห็นของจริงเลยค่อนข้างตื่นเต้นมากทีเดียว (ถ่ายรูปคู่ไปด้วย5555555) แต่ สารภาพ เราไม่ได้ชอบรูปนี้มากเป็นพิเศษเท่าไหร่ค่ะ ;-; (แต่ก็มีแผนจะไปดูอีกเวอร์ชั่นของรูปนี้ที่เมือง Tampere นะ)

    จริงๆในห้องนี้ก็ยังมีรูปเด่นๆของคุณ Ederfelt และศิลปินท่านอื่นๆอีก (มีรูปของ Edward Munchด้วย!) และมีรูปจาก Duckberg อีกหลายรูป แต่ถ้าให้เราเขียนทุกรูป เราต้องตายก่อน55555555555 ถ้าสนใจ ขอข้ามแล้วกันนะคะ

    ไปที่ห้องถัดไปที่อยากพูดถึง

    ห้อง Kalavala

    คือ Kalevala เนี่ยเป็น Finnish National Epic จะพูดว่าเป็นวรรณคดีแห่งชาติของเขาก็ว่าได้ เป็นบทกลอน/บทเพลงเกี่ยวกับตำนานฮีโร่ วีรบุรุษ เวทมนต์ ธรรมะชนะอธรรม ประมาณนี้ และเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินหลายท่าน แน่นอนว่าเราต้องได้เรียนมาแล้วในคลาสหลายรูป จริงๆคือเกือบทุกรูปในห้องนี้ เราก็เห็นผ่านจอมาหมดแล้ว พอได้มาเห็นของจริงก็คือเกือบพุ่งเข้าใส่5555555555555

    ขอพูดถึงแค่สองรูปแล้วกัน เราไม่อยากให้เยิ่นเย้อ

    AKSELI GALLEN-KALLELA: AINO MYTH, 1891

    รูปใหญ่มากกกกกกก ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะใช้ในงานWorld Expoหรืออะไรสักอย่าง อันนี้เป็นตำนาน Aino สาวงามที่ไม่อยากแต่งงานกับพ่อมดแก่ ก็เลยหนีลงน้ำไปเป็นภูติน้ำแทน แบบวาดของAinoในรูปนี้ก็คือภรรยาของศิลปินเองด้วย

    คุณ Akseli Gallen-Kallela คนนี้เป็นหนึ่งในศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ของฟินแลนด์ เขาวาดรูปจากตำนาน Kalavala ไว้หลายรูป แล้วก็รูปอื่นๆด้วย ก่อนมาที่นี่เราได้ไป Gallen-Kallela Museum มิวเซียมที่แปลงมาจากบ้านของเขามาแล้ว (นิทรรศการข้างในตอนนั้นเป็นเรื่องรอยสัก เราเลยเฉยๆค่ะ แต่ตัวมิวเซียมสวยมากกกก ถ้ามีเวลาอาจจะรีวิวค่ะ แค่ทางไปมิวเซียมก็สวยโคตรๆๆแล้ว) เราก็เลยสนใจมากเป็นพิเศษ และเราก็ไม่ผิดหวังค่ะ งานนี้ฟีลลิ่งยิ่งใหญ่มาก คือก็พูดอะไรไม่ค่อยเป็น แต่สวย สวยมากจริงๆค่ะ

    งานที่สอง จากคุณ Akseli Gallen-Kallela คนเดิม

    งานนี้เราลืมถ่ายรูปไว้ เพราะอะไรเดี๋ยวจะบอก555555555555 เอาเป็นว่า ขออนุญาตขอรูปจากเว็บของAteneum นะคะ

    Akseli Gallen-Kallela: Lemminkäinen’s Mother, 1897

    คร่าวๆคือเป็นเรื่องของLemminkäinen ชายหนุ่มที่ตายไปและแม่ของเขาก็พยายามมาชุบชีวิตเขา ถ้าอยากอ่านรายละเอียดมากกว่านี้ อยู่ในลิ้งข้างบนเลยค่ะ

    ความน่าสนใจของรูปนี้ คือตอนจะวาด คุณGallen-Kallelaถ่ายรูปตัวเองเป็นแบบพระเอกในรูป และแม่พระเอกก็คือแม่ของเขาเอง ลงทุนถึงขนาดที่พูดเรื่องเศร้าๆกับแม่ จนทำให้แม่ร้องไห้ เพื่อจะได้วาดออกมาได้สมจริงที่สุด เราประทับใจมาก555555555

    คือเราก็พูดไม่ค่อยเป็นอ่ะนะ แต่เราชอบความสีหม่นๆ แล้วก็การตัดขอบรูป ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นรูปประกอบตำนานจริงๆ รูปอื่นของศิลปินคนนี้ที่เป็นธีมKalevala ก็จะสไตล์นี้หมดค่ะ

    แน่นอนว่างานชิ้นเอกนี้ต้องมีรูปจาก Duckberg ด้วย55555555555 ขอยืมรูปอีกทีนะคะะ

    Audubon Gander-Kallela, Donald Duck’s Uncle

    แหะ รูปเล็กไปหน่อย รูปบนทางขวานะคะ ทางของ Duckberg ไม่ใช่แม่กับลูกค่ะ แต่เป็น Uncle Scrooge (ซึ่งเป็นเป็ดที่รวยที่สุดในโลก5555555555) กับ Donald Duck

    จากเศร้าๆหันมาเห็นรูปนี้คือขำเลยอ่ะค่ะ ขำความจริงจังในการเขียนแคปชั่นมาก55555555555555

    และ สิ่งนี้ๆๆๆ สิ่งที่ทำให้เราวี้ดว้ายจนลืมถ่ายรูปมา


    มันคือ3มิติค่ะะะะะะะ

    คือก็เห็นคนเค้าวี้ดว้ายๆกัน เพื่อนเลยเดินไปถามว่ามีไร เค้าก็บอกให้โหลดแอพ Arilyn มา แล้วลองแสกนดู พอใช้แอพแล้วหมุนๆไปรอบๆก็จะเหมือนยืนอยู่บนหาดเลยยยย โห ตื่นเต้นมาก ยืนหมุนไปหมุนมา ขำด้วยที่ทำไมเค้าวาดให้หาดมันใหญ่ขนาดนี้ มีคนนอนอาบแดด สาวใส่บิกินี่ ฟีลลิ่งเหงาเศร้าแม่พยายามช่วยลูกอะไรจากรูปคือหายไปหมดเลย555555555555

    มีป้ายบอกด้วยนะว่าถ้าเจอสัญลักษณ์นี้ที่รูปไหนอีก ให้เอาแอพเดิมแสกนก็จะมี3มิติมาอีก แต่เราก็ไม่เจออีกเลย หรืออาจจะหาไม่ดี? ไม่รู้เหมือนกันแต่ตอนนี้ก็ลบแอพไปละค่ะ5555555555555

    ห้องKalevala ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ ไปที่ห้องต่อไปที่เราก็กรี๊ดอีกแล้ว (เอ็งจะกรี๊ดทุกห้องเลยเรอะ!)

  • ห้องที่สามที่เราอยากพูดถึง ห้อง People ค่ะ

    ธีมของห้องนี้ก็คือพวกภาพวาด/งานปั้นคน portrait ต่างๆนั่นเอง



    ห้องนี้ก็อยู่นานอีกแล้ว เราชอบอ่านคำบรรยายแต่ละรูป ทำให้ดูรูปได้สนุกขึ้นเยอะเลย เราชอบการจัดแสดงแบบที่เอารูปมาเรียงๆกันแบบนี้ด้วย แหะ พูดไม่ถูก ฟีลลิ่งเหมือนไปบ้านญาติผู้ใหญ่ที่สะสมงานศิลปะ อะไรแบบนี้ดี

    ในส่วนของรูปที่ชอบที่สุดในห้องนี้นั้นนนนนนน


    Albert Edelfelt: The Luxembourg Gardens, Paris, 1887
    กรี๊ดมากกกกกกกกกกก เป็นรูปของสวนสาธารณะในปารีส เท่าที่อ่านมา คุณEdelfeltวาดรูปนี้อยู่นานมาก แก้แล้วแก้อีก จนเลือกจุดเด่นเป็นคุณพี่เลี้ยงชุดดำข้างหน้า เราชอบรูปนี้ตั้งแต่ทำการบ้านในคลาส ตอนไปเดินมิวเซียมที่Porvoo บ้านเกิดของศิลปิน ก็ไปถามพนักงานเลย ว่าจะดูรูปนี้ได้ที่ไหน พอรู้ว่าเป็นที่นี่นี่คือแบบบ ต้องมาๆๆๆๆ คือก็ไม่รู้ว่าชอบอะไรนักหนา แต่รู้สึกชอบความงานละเอียด ความดูรูปแล้วรู้สึกละเมียดละไม แสงนัวๆ รู้สึกpeacefulเหมือนนั่งสวนสาธารณะกลางแดดอุ่นๆ พูดไม่ถูก

    ชอบมากกกกกกก พูดอีกที

    มีภาพจาก duckberg ด้วยล่ะ แต่ไม่ได้ถ่ายมา

    จากนี้ก็มีีอีกหลายห้อง ห้องงาน Symbolism ห้อง self portrait ของศิลปิน อะไรแบบนี้ แต่ไม่ได้เป็นอะไรที่เราประทับใจเป็นพิเศษเลยไม่ได้ถ่ายมาเหมือนกัน

    จนมาถึงตรงนี้ๆๆ

    จะว่าเป็นห้องก็ไม่ขนาดนั้น แต่เขาจัดเหมือนเป็นทางเดินมากกว่า ตลอดทางเดินก็จะเป็นธีม Landscape ของฟินแลนด์

    ส่วนใหญ่ก็เป็นรูปในหน้าautumn spring summer ซึ่งเราก็ไม่ค่อยคุ้น เพราะตั้งแต่มานี่ก็หน้าหนาว หิมะ มืดๆ ตลอดเลย555555555555

    ตรงนี้ไม่ได้มีงานที่ตั้งใจมาดูเป็นพิเศษ แต่ก็เจองานที่ชอบเข้าจนได้

    Werner Holmberg: Road in Häme (A Hot Summer Day), 1860

    กรี๊ดดดดดดดดอีกแล้วววววววว

    สวยยยยยยยยยยมากกกกกกกกกกกก นี่มาตื่นรู้เอาในมิวเซียมนี้แหละว่าชอบงานแสงสวยๆ นัวๆ และนี่คือสวยมากกกกกกก เราว่าสวยกว่ารูปถ่ายอีก ละมุนมาก ละเอียดยันเปลือกไม้ เดินวนๆ มองๆ และกรี๊ดในใจอยู่คนเดียวนานมาก อุ่นอ่ะ เป็นงานที่ดูแล้วอุ่น แต่ โห แต่อ่านประวัติแล้วเสียดาย คุณHolmbergศิลปินงานนี้เสียตอนอายุ29เอง ไม่งั้นคงมีอะไรสวยๆให้ดูอีกเยอะเลย

    เอาเป็นว่า ชอบจนต้องแงะตัวเองออกมา เห้ย มาดูงานของ von Wright Brothers แต่ไปไม่ถึงซะที55555555555

    อ่ะๆ ป้ะ นิทรรศการ Von Wright Brothers

    อยู่ชั้นสามค่ะ ขึ้นบันไดมาอีกชั้น

    ขอแทรกตรงนี้ ว่าก่อนเดินเข้านิทรรศการ มีห้องหนึ่งเป็น installation art ซึ่งเราไม่ค่อยเข้าใจเลยไม่ได้ถ่ายมา แต่วิวจากห้องนี้สวยมากกกกก


    แหะ รูปใหญ่มาก ;-;

    ตึกตรงกลางเป็นอีกฝั่งหนึ่งของ Central Train Station แล้วเพราะว่าตอนนี้เป็นหน้าหนาว ก็เลยมาเล่น ice skate ได้ แต่เราก็ยังไม่เคยลองเหมือนกัน ถ้าจะไปคงต้องไม่ใช่เสาร์อาทิตย์ เพราะน้องๆเด็กๆจะเยอะมากกกกก

    วันนี้ฟ้าใสเป็นพิเศษเลย ปกติจะสีเทาๆทึมๆ555555555

    อ่ะ มาที่นิทรรศการซะที

    ก็อย่างที่เกริ่นไปข้างบนนู้นนนนนน ว่าสามศรีพี่น้องนี้เขาถนัดวาดรูปธรรมชาติ landscape สัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะนก ได้วาดรูปหนังสือรวมพันธุ์นกด้วย

    แต่ละห้องก็จะจัดเป็นบทหนึ่งตอนหนึ่งในชีวิตของสามคนนี้ อย่างห้องแรกก็จะเป็นงานที่สะท้อนถึงชีวิตวัยเด็ก การได้รับอิทธิพลจากพ่อที่เป็น hunter แล้วก็จะมีห้องเรื่องนก (มีนกสตัฟฟ์ด้วย) เรื่องปลา ต้นไม้ ห้องรวมงาน scientific drawing งานที่เกี่ยวกับบ้านเกิด งานธีมการออกเดินทางท่องเที่ยว

    สารภาพอีกรอบว่าถ่ายมาน้อยมาก เพราะเมมกล้องจะเต็มค่ะ -*-

    ก็ขอเล่าความรู้สึกรวมๆแล้วกัน ฟีลลิ่งของทุกรูปจะเหมือนจริงมากกกก ในความรู้สึกเรานะ ขนนกเป็นขนนกเลย แสง เงา อะไร มันคมเหมือนรูปถ่ายกล้องเทพๆ แบบนั้นเลย ยิ่งพวกรูปวิว คือเหมือนโปสการ์ดมากกว่าจะเป็นรูปวาด ส่วนตัวคือคิดว่าฟีลลิ่งมันไม่ละมุนเท่าแบบที่เราชอบเท่าไหร่ แหะ

    ตอนเดินดูงาน มันเป็นความรู้สึกแบบ เห้ย นี่เราได้ดูงานของศิลปินระดับตำนานของประเทศเขาเลยนะ รู้สึกเหมือนได้ 'อยู่' ฟินแลนด์มากไปอีกเลเวลนึงเลย

    ก็ดีใจ ที่ได้มาดูก่อนที่เขาจะย้ายไปจัดที่อื่น

    คงไม่พูดอะไรต่อละ ไปดูรูปกัน








    อันนี้เป็นรูปที่ดังที่สุดแล้ว Ferdinand von Wright: The Fighting Capercaillies, 1886 จากคำบรรยายเขาบอกว่าเป็นหนึ่งใน most famous paintings of Finland เลยทีเดียว เป็นรูปนกตัวผู้สองตัวแย่งนกตัวเมียกัน รูปนี้เราไม่ได้ดูนานเพราะคนมุงเยอะมากกกกกกก ก็แหงอ่ะ งานตัวท็อปอ่ะ

    ฟีลลิ่งตอนดูก็คือเหมือนสารคดีช่อง Discovery อะไรแบบนี้มากๆ เพราะมันเหมือนจริงมากๆจริงๆ เหมือนจนเราทึ่ง

    แต่ส่วนตัวเราชอบรูปนกพิราบแบบนี้ที่สุด55555555555 ดูแล้วคิดถึงบ้าน คิดถึงโรงอาการคณะที่จะมีฝูงนกพิราบคอยมากินอาหารจากจานข้าวที่วางไว้แล้วไม่ได้เก็บ55555555


    by the way นกพิราบที่นี่อ้วนมากกกก อยากจับบีบๆๆๆ

    เอ้อ ลืม ที่ฟินแลนด์มีรูปนี้ Duckberg ก็ต้องมี


    Donald Duck and his cousin ต่อสู้กันแย่ง Daisy Duck เค้าบอกว่าเป็นการต่อสู้กันระหว่างฝ่ายธรรมะกับอธรรมกันเลยทีเดียว55555555555555555555555

  • ก็ หมดแล้ว สำหรับตัวมิวเซียม

    เดินออกมาก็จะมีคาเฟ่ มีร้านอาหาร ซึ่งเราไม่กิน เพราะมันแพง55555555555555555 ไปshopของมิวเซียมเลย สถานที่ที่เราเสียเงินให้บ่อยที่สุด

    เพราะนอกจากจะบ้ามิวเซียมแล้ว เราบ้าโปสการ์ดมากกกกกกกกก ซื้อเก็บทุกที่ที่ไป


    โดนไป 4 ใบ เป็นงานของ Eiderfelt ที่ชอบอย่างมาก 2 งานจาก Duckberg อีก 2

    ใบละ1.5ยูโรเก๋ๆ555555555555555



    สรุป

    โดยสรุปคือ ชอบที่นี่มากกกกกกกกกกก มาก มากกกกกกกกกกกก สารภาพว่าอยู่ไทยไม่เคยไปพวก art museum เลย หอศิลป์เคยไปครั้งเดียวคือไปดูนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ พอได้มาดูที่นี่แล้วประทับใจมาก คือดูงานอาร์ทไม่เป็นหรอก เซนส์หยาบ แต่ชอบจัง ดูแล้วรู้สึกเป็นคนจิตใจอ่อนโยน เป็นปัญญาชนขึ้นมา บางงานนี่ดูได้นานๆไม่เบื่อเลย อยากดูทุกรายละเอียด อยากรู้ว่าเบื้องหลัง กว่าจะมาเป็นรูปตรงหน้าเรา ศิลปินคิดอะไร ทำอะไรไปบ้าง

    ว่าง่ายๆคือดูแล้วอิ่มใจ

    ยิ่งเราเคยเรียนมาก่อนแล้วในคลาส พอได้เจอของจริงยิ่งฟิน ฟินมากในฟินแลนด์55555555555 //มุขเลมสุดๆ

    อีกอย่างคือคนที่นี่ take museum seriously มาก อาจจะเพราะแต่ก่อนเราไปมิวเซียมที่อื่นก็ไม่ได้ตั้งใจดูคนที่ไปขนาดนั้น พอมานี่ถึงได้รู้สึกว่ามันเป็นที่ฮอทฮิตจริงๆนะ มีทั้งวัยรุ่น พ่อแม่พาลูกมา ทั้งเด็กเล็ก เด็กโต เด็กน้อยในรถเข็น (เด็กที่นี่เรียบร้อยด้วยแหละ ไม่ค่อยเจอวิ่งๆกรี๊ดๆเลย เดินตามพ่อแม่แจ5555555) คู่แฟนก็มี แก๊งสาวแซ่บ คนแก่ที่มากันเป็นคู่ มาคนเดียว ในรถเข็น มีหมดทุกประเภทจริงๆ

    ยิ่งวันต่อมาเรากลับไปอีกรอบ เป็นวันสุดท้ายของนิทรรศการพอดีเลยกะว่าถ้ามีเวลาจะไปซ้ำ แต่คนเยอะมากกกกกกกกก  แถวยาวขดไปขดมาหลายชั้นเลย

    อาจจะเพราะที่นี่มาง่ายๆมากๆด้วยมั้ง จะมาด้วยmetro bus tram ได้หมดเลย public transportationของที่นี่ก็เอื้อให้เอารถเข็นมาได้ง่ายด้วย มีทางลาดให้ พอมาถึงที่นี่ก็มีทางลาด มีลิฟต์ให้เหมือนกัน

    แต่จะเพราะอะไรก็ตาม เราประทับใจ และดีใจแทนเจ้าหน้าที่จริงๆค่ะ ;__;


    ให้คะแนนเท่าไหร่?

    ถ้าให้คะแนน เราให้ 4.5 / 5 จะให้มากกว่านี้ถ้ามีเครื่อง audio guide ให้เดินถือฟัง จะได้เข้าใจแต่ละงานมากขึ้น

    แนะนำนะคะ ถ้าใครมาฟินแลนด์ แล้วพอมีเวลา แนะนำให้มา มาง่ายมากๆ ยิ่งถ้านั่ง tram มา มี stop จอดหน้ามิวเซียมเลย หาอ่านเรื่องพวกรูปภาพดังๆอะไรมาก่อนก็ดี พอมาแล้วจะได้อินเหมือนเราเนอะ


    ก็ จบแค่ตรงนี้ก่อน แหะ เขียนนานมาก ข้ามวันก็ยังไม่เสร็จ ไม่คิดว่าจะมีรายละเอียดเยอะขนาดนี้ ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ก็ขอบคุณมากนะคะ แล้วถ้ามีเวลาจะมาเล่าถึงมิวเซียมที่ไปอีกนะ นี่เป็นครั้งแรกที่เขียนบล็อก ถ้ามีอะไรอยากติชม ก็ยินดีเสมอค่ะ

    See you later!


    ปล. สารภาพว่าช่วงหลังๆของนิทรรศการ Von Wright Brothers ดูแบบไม่มีสติมาก เพราะทีเซอร์เพลงใหม่ของวงที่ชอบออกพอดีค่ะ พอดูทีเซอร์จบปุ๊บคือไปเลย ใจลอยข้ามทวีปไปเกาหลีเลยทีเดียว555555555555555555

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Lucreazia (@Lucreazia)
รูปสวยมาก เล่ายาวและละเอียดมาก ๆ ค่ะ ดูแล้วรู้เลยว่าบัตรที่จขบซื้อมานี่ยังไงก็คุ้มเกินคุ้มเเน่นอนเลยค่ะ 55555555 /โดนโบก

ภาพสวยมาก รู้เลยว่ามี passion ค่ะ รออ่านนะคะ