เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#ตกหลุมรักอ่าน-คิด-เขียน
สองเรา สองฝั่งโลก

  • โลกเมื่อเริ่มรัก

    21 มกราคม พ.ศ. 2558

    ครั้งที่สี่ที่ซันชายน์คาเฟ่ของผมแต่วันนี้มีบางสิ่งสะดุดตาของผมมากกว่าทุกครั้ง ทั้งที่มีคนในร้านอยู่พอสมควรแต่สายตาของผมกลับมุ่งสนใจไปยังผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆห่างจากผมออกไปสามถึงสี่โต๊ะ เธอนั่งอยู่คนเดียว ไม่สนใจใครวันที่อากาศค่อนข้างเย็นในฤดูใบไม้ผลิ เธอสวมเสื้อคอเต่าแขนยาวสีดำกางเกงสแล็คสีน้ำตาล ผมมีอเมริกาโนร้อนหนึ่งถ้วยกับหนังสืออ่านนอกเวลาหนึ่งเล่มส่วนในมือของเธอข้างหนึ่งมีเครื่องเล่นเอ็มพีสามกับสายหูฟังยาวออกมาบนโต๊ะมีสมุดหนึ่งเล่มที่ดูเหมือนเจ้าของมันกำลังจดบางอย่างขยุกขยิก จริงจังสลับกับการกดที่เครื่องเล่นเอ็มพีสามไปมา มองจากมุมที่ผมนั่งในสมุดเล่มนั้นคงจะดูไม่เป็นระเบียบนัก

    เธอมีผมสั้นประบ่ากับแว่นกันแดดเล็กๆ เกาะอยู่ที่สันจมูกโด่งรั้งเธอไม่หนีไปไหนตอนที่แสงแดดดูจะเพ่งเล็งผิวขาวเหลืองของเธอเป็นพิเศษอาจเพราะมันเป็นวันที่อุณหภูมิค่อนข้างต่ำและน่าจะอนุโลมได้ผมพบว่าเธอเป็นคนที่ค่อนข้างน่าเพลิดเพลินใจเวลามองทุกครั้งที่ผมอยากจะพักสายตาจากตัวหนังสือเล็กๆ เป็นพืดเต็มหน้ากระดาษผมมองเธออย่างเพลิดเพลินเหมือนที่มองนกพิราบบนพื้นถนนและใบไม้ที่พลิ้วไหวอยู่บนพื้นพลางจิบอเมริกาโนของผม



    เขาชำเลืองตาไปทางเธอเฝ้าสังเกตอากัปกิริยาที่เธอยกมือกดหูฟังข้างหนึ่งพลางควงปากกาหมุนไปเรื่อยท่าทางเหมือนกำลังจดจ่อกับเสียงเพลง เขาลอบยิ้มระหว่างเอื้อมไปจับหูถ้วยกาแฟยังคงมีไอลอยขึ้นมา เขาค่อยๆเป่าลมฟู่หนึ่งก่อนจรดริมฝีปากชิดขอบถ้วยแล้วยกขึ้นดื่ม ไม่รู้ตัวว่าจังหวะนั้นเธอเองก็แอบมองเขาเงียบๆสายตาเบื้องหลังแว่นสีดำจับจ้องอิริยาบถของเขา จนกระทั่งเขาวางถ้วยลงบนโต๊ะเธอถึงถอนสายตากลับมาที่สมุดจด เขาเองก็เหลือบมาทางเธอสีหน้าด้านข้างเธอยังคงไม่เปลี่ยนจากนาทีก่อนๆ เขายิ้มก่อนพลิกหนังสือไปที่หน้าถัดไป

     

    29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

    ผมจำวันนี้ได้ดีเพราะในสี่ปีมันจึงจะวนกลับมาครั้งหนึ่ง

    ที่อาร์ตแกลอรีห่างออกมาจากตัวเมืองพอสมควรผมได้มีเวลาสำหรับการเพลิดเพลินไปกับศิลปะอย่างที่วางแผนไว้ซึ่งผมเห็นว่ามันสำคัญและควรจะทำแบบนี้ให้ได้อย่างน้อยอาทิตย์ละหนึ่งครั้งผู้ชนะสำหรับผมในวันนี้ก็ยังคงเป็น วินเซนท์ แวน โก๊ะ กับภาพดอกทานตะวันของเขาเป็นภาพที่ไม่เคยล้มเหลวที่จะทำให้ผมรู้สึกเบิกบานใจพร้อมๆกับรู้สึกเหงาไปด้วยทุกครั้งที่ได้ชม ผมใช้สมาธิทั้งหมดไปกับศิลปะจนกระทั่งอะไรบางอย่างดึงความสนใจไปจากผมมันจะเป็นครั้งที่สองที่ผมได้พบกับเธอ หรือไม่มันก็อาจจะเป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับคนที่คล้ายเธอ

    เธอคนนั้นที่ซันชายน์คาเฟ่ผมเริ่มมั่นใจในคราต่อมา เพราะเครื่องเอ็มพีสามบนหน้าตักของเธอดูเหมือนกำลังร้อนใจจนผมอดไม่ได้ที่จะหันมาให้ความสนใจเธอเป็นพักๆเธอวุ่นอยู่กับการพิมพ์ข้อความบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เล็กๆ ในมือ กดส่งออกและคอยตัดสายเวลาที่มันสั่นนานเกินกว่าจะเป็นเพียงข้อความ

    ผมตั้งใจว่าจะเดินออกจากบริเวณนั้นที่ได้ใช้เวลาเดินวนไปมาอยู่พักใหญ่อย่างปราศจากเหตุและผลที่แน่นอนแต่เรื่องน่าแปลกก็เกิดขึ้น เพราะเธอคนนั้นพลันเดินตรงมาหาผมก่อนจะคว้าแขนข้างหนึ่งของผมไปเกาะไว้ผมมองเธอสลับไปมากับชายหนุ่มที่เดินมาหยุดอยู่หน้าเหตุการณ์น่ากระอักกระอ่วนที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้รับมือกับมันในชีวิตจึงได้แต่เออออไปตามที่สาวเจ้ายืนกรานออกไปทุกอย่าง

    ผมคงจะจำวันนี้ได้ดีไม่ใช่เพราะว่าสี่ปีมันจะวนกลับมาครั้ง แต่เพราะมันเป็นครั้งแรกที่ถูกหญิงสาวแปลกหน้าอ้างว่าเป็นคู่รักของหล่อน

      เขามองเธอที่จู่ๆเข้ามาคว้าแขนเขาไว้ ยังไม่ทันจะพูดอะไรก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งปราดเข้ามาทางเธอและเขาชายหนุ่มมองทั้งคู่นิ่ง ดวงตาฉายแววเจ็บปวดยามมองแขนที่ถูกเธอกอดแน่นเสียงของเขาแหบพร่ายามเอ่ย
    นี่เหรอ...คนที่ทำให้พายบอกเลิกผม”
    คนที่ถูกกล่าวถึงหันไปมองเธอชัดเจนมากว่าอยากได้คำอธิบายว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้นแต่เธอก็เพียงแค่จ้องเขาพลางเกาะแขนเขาแน่นขึ้น ราวจะกำชับไม่ให้พูดก่อนหันกับไปเผชิญหน้ากับผู้ที่เพิ่งมาใหม่
    ใช่แล้ว พายกับเขาเพิ่งคบกันและตอนนี้เราก็กำลังเดตกันอยู่”
    ตาของเขาแทบถลนเมื่อจู่ๆก็ต้องกลายเป็นแฟนกำมะลอให้ผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันครั้งสองครั้งทว่าพอกำลังจะหันไปแก้ตัว แรงบีบที่แขนก็ทำให้เขาหุบปากฉับก่อนฉีกยิ้มที่คิดว่าดูเป็นธรรมชาติที่สุดส่งให้
    แล้วผมล่ะ...เรื่องของเราล่ะ...ที่ผ่านมาไม่มีความหมายเลยเหรอ!?”
    คนที่เดินดูภาพอยู่รอบๆเริ่มหันมามอง บางคนซุบซิบพลางส่งสายตาแปลกๆ มาที่เขาในใจเขาอยากหันไปโบกไม้โบกมือบอกกับพวกเขาว่า เปล่าครับ! ผมไม่ได้ทำ ผมไม่ได้เป็นชู้เขาครับ!’ แต่สายตาจากเธอบวกกับมือที่เกาะไว้ทำให้เขาได้แต่นิ่ง
    เอ่อ...ยังไงก็ไปหาที่เงียบๆ คุยกันดีกว่าไหมครับ จะได้-“
    ไม่จำเป็น” ชายหนุ่มพูดพลางสูดลมหายใจเฮือกใหญ่พลางกำหมัดแน่นถ้านี่เป็นสิ่งที่พายต้องการ ผมก็พร้อมจะให้
    ชายหนุ่มหันมาหาเขามองตรงมาที่ดวงตาของเขา เหมือนมีพลังบางอย่างทำให้เขาไม่กล้าหลบตา
    ผมขอให้คุณโชคดี”
    เขากล่าวแค่นั้นก่อนกลับหลังหันเดินจากไปกลืนหายไปกับผู้คนในแกลอรี น้ำหนักที่แขนเขาก็หายไปทันทีเขาหันมามองเธอที่คราวนี้เอาแต่มองตามแผ่นหลังเมื่อครู่ไป ทั้งคู่ได้แต่ยืนนิ่งท่ามกลางสายตาของคนในภาพวาดที่ราวกับมองทั้งสามเป็นเสมือนตัวละครในตำนานรักสามเส้าสักเรื่อง


    1 มีนาคม พ.ศ. 2558

    ผมมีนัดกับเธอในวันนี้นัดแรกที่เป็นความตั้งใจของเราทั้งคู่

    เธอบอกว่าเป็นเพราะผมช่วยเออออกับเธอไปเมื่อวาน คนรักเก่าที่ตามตอแยเธอมาหลายเดือนจึงดูเหมือนจะยอมจำนนและถอยออกไปแต่โดยดีเรารับประทานอาหารไทยที่เธอเป็นคนจ่าย เธอบอกให้ผมเรียกเธอว่า พายผมจึงให้เธอเรียกตัวผมเองว่า หนึ่ง

    เพราะเรายังเป็นคนแปลกหน้าของกันและกันผมจึงไม่กล้าละลาบละล้วงถามเหตุผลที่เธอกับคนรักเก่าต้องจบความสัมพันธ์โดยดูเหมือนจะเป็นความต้องการของเธอฝ่ายเดียวเราจึงคุยกันเรื่องจิปาถะทั่วไป พายเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกับผม แต่คนละคณะเธอเรียนศิลปกรรมศาสตร์ สาขาดนตรีคลาสสิค และเธอเขียนเพลงบ้างบางครั้งผมไม่ได้ตั้งใจ แต่หลุดปากเธอไปว่าผมอยากจะลองฟังบ้าง เธอยิ้มและบอกว่าเธอสะดวกใจให้แค่คนสนิท ผมจึงรีบตอบว่า อย่าคิดมากเลย เพลงเป็นเรื่องของตัวจนพอๆกับงานเขียน เธอจึงรู้ว่าผมเขียนบางครั้งก่อนจากกัน เธอบอกว่าบางทีเราควรจะกลายเป็นคนสนิทเพราะเธอก็อยากอ่านงานของผมเหมือนกัน


    4 มีนาคม พ.ศ. 2558

    ผมยินดีให้เธออ่านงานของผมเท่าที่เธอจะต้องการและให้ลืมเรื่องคนสนิทไปเสีย แต่ผมไม่ได้พูดมันออกไปเพราะผมไม่อาจปฏิเสธว่าผมอยากเป็นคนสนิทของเธอ

    เราพูดคุยกันบ้างผ่านทางข้อความแต่เพิ่งมีเวลามาเจอกันตัวเป็นๆ ในวันนี้

    เป็นครั้งแรกเรานัดเจอกันในมหาวิทยาลัยที่สวนสาธารณะ เธอปรากฏตัวขึ้นในเสื้อเชิ้ตสีไข่กับกระโปรงยาวจรดข้อเท้าผมปะบ่าวันนี้ถูกรวบขึ้นเผยให้เห็นลำคอยาวโดดเด่นพอๆ กับใบหน้าได้รูปของเธอ

    ผมสังเกตเห็นว่าทุกครั้งที่ผมเจอเธอ ไม่มีครั้งไหนเลยที่พายไม่ถือเครื่องเล่นเอ็มพีสามมันทำให้ผมคิดว่า ในโลกแห่งความจริงที่เธอใช้ชีวิตอยู่ทุกวัน พายพกโลกของเธอไปด้วยเสมอผมสนใจในความหลงใหลที่เธอมีต่อเสียงดนตรี พอๆ กับที่ผมสนใจเธอและผมอยากเป็นส่วนหนึ่งในโลกนั้นบ้าง

    ผมไม่แน่ใจว่าต้องใช้การพบปะกันกี่ครั้งหรือกี่ร้อยประโยคบทสนทนา ผมถึงจะกลายเป็นคนสนิทของพาย...


     12 มีนาคม พ.ศ. 2558

    วันนี้พายยอมให้ผมฟังเพลงที่เธอเขียนเป็นครั้งแรก

    ข้อความที่หน้าจอโทรศัพท์ของผมตอนแปดโมงเช้าบอกว่าใครบางคนกำลังอยากพบผมพอๆ กับที่ผมอยากพบเธอเราทั้งคู่ต่างลังเลกันเรื่องสถานที่พายจึงบอกว่าวัตถุประสงค์ของผมคือการที่จะได้ฟังเพลงของพายและห้องเช่าของพายจึงเป็นคำตอบ ผมไม่แน่ใจในตอนแรกว่ามันควรหรือเปล่าพายบอกว่าขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผม ผมไม่รู้ว่าควรจะตัดสินใจอย่างไรพอคิดว่าผมต้องเสียดายตลอดไปแน่ๆ หากปฏิเสธการสนิทกับพายอย่างเป็นทางการ

    เพลงของพายดีเกินคาดจากที่ตอนแรกผมต้องยอมรับว่ามันคือข้ออ้างที่ผมจะได้สนิทกับเธอ แต่ตอนนี้ผมคงต้องยอมรับอีกเรื่องคือผมหลงใหลในความหลงใหลที่พายมีให้เสียงดนตรีผมชอบเพลงของพาย โดยเฉพาะ ไฮเดรนเยีย ทั้งเนื้อร้องและท่วงทำนองที่พายบอกว่าเธอเล่นมันเองด้วยกีตาร์ไฟฟ้า

    ผมรู้ในทันทีว่า พายมีอะไรอีกมากมายที่ผมจะสามารถตกหลุมรักได้อีก’จะเป็นประโยคจบของไดอารี่วันนี้

              “เป็นไง พายถามหลังสิ้นเสียงเพลงที่เธออัดไว้หนึ่งถอดหูฟังส่งคืนให้เธอ เขาสาธยายความรู้สึกมากมายที่เพลงของเธอทำให้เขารู้สึกณ วินาทีที่ฟัง ราวกับเพลงของเธอเป็นมนต์วิเศษแววตาของเขาเปล่งประกายเจิดจรัสกว่าดวงดาวบนท้องฟ้าเสียอีก พายหัวเราะน้อยๆให้กับท่าทีของเขา

              ทำไมถึงตั้งชื่อ ไฮเดรนเยียเหรอเขาถาม

              พายได้ยินเพื่อนบอกว่าไฮเดรนเยียเป็นดอกไม้ประจำฤดูฝนพายเลยคิดถึงธีมเจ้าสาวเดือนหกเลยคิดว่าน่าจะเหมาะกับเพลงแทนความรู้สึกของผู้หญิงที่สมหวังในความรัก

              เธอเผลอสบตาเขาทั้งคู่มองตากันนิ่งก่อนที่หนึ่งจะเป็นฝ่ายหลบไป พายคิดว่าเธอเห็นแก้มของเขาขึ้นสีชาดจางๆ


    20 มีนาคม พ.ศ. 2558

    เป็นครั้งแรกที่ห้องของผมดูไม่เหมือนห้องของผมเพราะมันดูน่าอยู่ขึ้นเป็นพิเศษ

    พอผมบอกว่าผมจะเขียนงานลงในสมุดพายบอกอย่างเอาแต่ใจว่าเธอควรได้อ่านมันทุกตัวอักษร เธอถามว่า ผมสามารถเอาสมุดพวกนั้นมาให้เธออ่านได้ไหมผมตอบว่าได้อยู่แล้ว แม้ว่ามันค่อนข้างจะเยอะ พายนิ่งไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะถามว่าผมสะดวกให้พายไปที่ห้องไหม พระเจ้ารู้ว่าผมไม่มีวันปฏิเสธพายตอนแรกพายบอกว่าผมคงลำบากใจแย่แม้ว่าผมจะไม่พูด พายจึง บอกว่าเอาไว้ก่อนก็แล้วกันผมดึงดัน เพราะมันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด พายจึงตกลง

    พายมาที่ห้องของผมเธอนั่งอยู่บนพื้นที่บริเวณชั้นหนังสือที่ผมวางสมุดไว้มากมายหลายเล่มผมยกแก้วชาร้อนๆ มาวางบนโต๊ะให้พาย และเธอกล่าวขอบคุณ

    ผมไม่มั่นใจนักในงานเขียนของตัวเองและกังวลว่าพายจะคิดยังไงกับมัน แต่มันเกินคาดที่พายไม่ได้บอกว่าเธอชอบแค่อย่างเดียวเธออธิบายเหตุผลมามากมาย ทำเอาผมอดยิ้มไม่ได้ ตอนนั้น โทรศัพท์มือถือคอยพายดังขึ้นเธอบอกว่ามันคือ เพื่อนสนิทช่วงมัธยมปลายของเธอพายบอกว่าความจริงแล้วเธอควรจะออกไปพบหล่อน เพราะไม่ได้เจอกันมาสักพักแล้ว

    แต่พายเลือกที่จะอยู่พูดถึงหนังสือของผม ผมเสียใจกับเพื่อนพายคนนั้นไม่น้อยเลย แต่ผมก็ไม่สามารถโกหกได้ว่าผมดีใจที่พายเลือกผม

    เสียงริงโทนมือถือยังคงดังอยู่พายขมวดคิ้วมุ่นมองหน้าจอที่โชว์เบอร์ของปลายสายเธอไม่อยากกดรับเพราะขี้เกียจอธิบายว่าทำไมถึงไม่ไปหา ปกติเธอมักปล่อยให้อีกฝ่ายเลิกไปเอง(เธอมักปิดเสียงเครื่องอยู่แล้ว)แต่เธอเกรงใจที่จะปล่อยให้เสียงดังรบกวนหนึ่งอยู่แบบนี้

    พายไม่รับสายเหรอ อย่างน้อยน่าจะบอกสักหน่อยนะ อีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องรอ”

    หนึ่งรำคาญเหรอ”

    เปล่าๆๆ เสียงแค่นี้ผมไม่รำคาญ”

    งั้นปล่อยมันดังไปอย่างนี้แหละ เดี๋ยวเขาก็เลิกเอง เราไม่ได้สนิทกันมากมายเรื่องแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”

    พูดจบเธอก็ก้มอ่านหนังสือต่อหนึ่งเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์ชั่วครู่ก่อนตัดสินใจลุกออกไปเติมชาให้เธอ


    10 เมษายน พ.ศ. 2558

    ผมชอบตัวเองตอนอยู่กับพาย

    เราสนิทกันขึ้นมากจนผมค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าพายก็คิดไม่ต่างจากผมนักแม้อีกใจหนึ่งผมก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าบางครั้ง เธอยังคงไม่สะดวกกับผมในทุกๆ เรื่องแต่ถ้าเทียบกับคนอื่นๆ ในชีวิตของพาย แม้แต่คนในครอบครัวเองผมคงจะรู้จักพายมากที่สุดในตอนนี้

    อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ผมได้รู้ว่าคำว่า คนสนิท ของพาย กับของผมมันค่อนข้างต่างกันโขสำหรับพายแล้วทุกความสัมพันธ์ดูจะมีระยะห่างไปหมดและผมก็หวังว่าสักวันผมจะย่นระยะห่างพวกนั้นได้

     เธอปิดสมุดในมือทันทีที่สังเกตเห็นเขาแง้มหน้ามามองพอเงยหน้าก็พบสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม

              พายยังแต่งไม่เสร็จ อย่าเพิ่งอ่าน

    หนึ่งยิ้มแหยๆ พลางเกาท้ายทอย งั้นขอดูหน้าอื่นได้ไหม”

              เธอขมวดคิ้ว หนึ่งรู้ไหมว่าสมุดเล่มนี้แม้แต่พ่อแม่พายก็ยังไม่เคยให้ดูเลยนะ

     

    19 เมษายน พ.ศ. 2558

    ผมเข้าใจผิด

    ผมเพิ่งรู้ว่าผมเข้าใจผิดมาตลอดที่ว่าผมคือคนที่รู้จักพายดีที่สุดในตอนนี้ ผมไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ที่แน่ๆไม่ใช่ผม ถามว่าผมรู้ได้อย่างไร พายเป็นคนบอกผมด้วยตัวของเธอเอง

    ผมพูดเรื่องความสัมพันธ์ของเราบ่อยๆหมู่นี้ เพราะผมอยากให้มันเป็นทางการและครั้งหนึ่งหัวใจของผมแทบจะหลุดออกมาเต้นอยู่ข้างนอกเพราะพายยอมรับว่าเธอก็ชอบผมไม่น้อย

    แต่มาวันนี้ตอนที่ผมพยายามจะถามว่ามันยังไม่ถึงวันนั้นอีกหรือวันที่พายจะตกลงเป็นคนรักของผม พายกลับตอบผมว่าผมยังไม่ควรแน่ใจขนาดนั้นผมตอบพายว่าจริงๆ แล้ว พายต่างหากที่ยังไม่แน่ใจในตัวเอง

    เธอเดินออกจากห้องของผมไปไม่แก้ตัวสักคำ

              ผมชอบนะ ไฮเดรนเยีย น่ะ

    เธอเงยหน้าจากสมุดและเครื่องเล่นMP3ในมือ สายตาจับจ้องเขาที่ยังคงก้มมองนวนิยายในมือไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงเพลงของเธอหรืออย่างอื่น

              ผมเคยอ่านเจอว่าไฮเดรนเยียใช้สื่อแทนคำขอบคุณได้แต่มันก็ยังมีอีกความหมายหนึ่ง

              เขาค่อยๆ เคลื่อนมาสบตากับเธอ สายตาแฝงอารมณ์บางอย่างที่ทำให้เธอเผลอกลั้นลมหายใจ

              อีกความหมายคือ หัวใจที่ด้านชา

    คราวนี้เป็นเธอที่หลบตาหลังจากห้องเงียบไปสักพัก พายก็เก็บของและก้าวไปทางประตูเธอพึมพำว่าไว้เจอกันใหม่โดยไม่หันมามองก่อนบิดลูกบิดประตูออกไป


    1 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

    ไฮเดรนเยียบนพรมเช็ดเท้า

    ผมตื่นมาพร้อมกับความประหลาดใจที่มีฮาร์ดดิสค์เปลือยเปล่านอนอยู่บนพรมเช็ดเท้าหน้าห้องของผมบนนั้นเขียนด้วยปากกาเมจิกว่า ไฮเดรนเยียและผมรู้ในทันทีว่าใครเป็นเจ้าของของมัน

    ผมใส่ฮาร์ดดิสค์นั้นเข้าไปในเครื่องเล่นเสียงและทั้งสามนาทีนั้นทำให้ผมยิ้มไม่หุบ มันคือ ไฮเดรนเยีย ในเวอร์ชั่นที่ผมเคยบอกพายว่ามันคงจะดีถ้าผมได้ฟังมันพร้อมกับเปียโน

    ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกดีมากๆจนหัวใจจะระเบิด แต่ผมก็ยังไม่มั่นใจในตัวพายอยู่ดีและยังคงสงสัยว่าฮาร์ดดิสค์แผ่นนี้หมายถึงความมั่นใจที่พายมีต่อเราทั้งคู่หรือเปล่า

    พายปรากฎตัวขึ้นหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นผมได้ยินเสียงเคาะประตูสามครั้งพอเปิดดูจึงเห็นว่าเป็นพายกับแก้วกาแฟร้อนในมือข้างหนึ่ง พายยื่นมันมาให้ผมก่อนจะถามว่า มันพอจะเป็นค่าผ่านทางให้พายเข้าในห้องได้ไหม แต่พายไม่รู้เลยว่าผมยอมตั้งแต่เสียงเคาะประตูแล้ว

    พายทำผมใจแป้วตอนที่พูดว่าคนที่รู้จักพายดีที่สุดคือคนรักเก่าของพายต่างหาก แต่พายบอกต่อว่าเพราะแบบนั้น เขาและพายจึงไปกันไม่รอด

    พายบอกว่าเขาเรียกร้องจากพายในสิ่งที่พายให้เขาไม่ได้ เขาจริงจังกับความสัมพันธ์เกินเหตุผมไม่เข้าใจ จึงขอให้พายขยายความ พายบอกว่า ศิลปินต้องการเวลาส่วนตัวกับตัวเองเพื่อสร้างสรรค์ผลงานในขณะที่คนรักเก่าของพายต้องการใหล้ชิดพายมากกว่างานศิลปะพวกนั้นเขาบอกว่าช่องว่างระหว่างกันทำให้เขากังวล นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พายอึดอัด

    ผมบอกพายว่าผมเองก็ต้องการเวลาอยู่กับดินสอและสมุดของผมเหมือนที่พายต้องการเวลาอยู่กับเครื่องเล่นเอ็มพีสามและหูฟังของพายเหมือนกันพายเงียบฟัง ผมจึงพูดต่อ ว่าความรู้สึกที่ผมมีให้พายมันมากก็จริงแต่ไม่จะไม่มีวันรู้สึกอึดอัด

    หลังจากเงียบกันไปสักพักพายก็พูดขึ้น

              ฉันก็ชอบไฮเดรนเยียนะ หนึ่งเงียบฟัง

              ชอบความหมายของมันด้วย ที่แปลว่า ขอบคุณที่เข้าใจกันน่ะ


    5 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

    พาย กีตาร์ คนรัก

    พายชวนผมไปที่อพาร์ตเมนต์ผมตอบตกลง

    ผมไปถึงอพาร์ตเมนต์ของพายพร้อมกับอเมริกาโนร้อนและดอกกุหลาบ

    พายอยู่ตรงนั้น บนโซฟาของเธอมีกีตาร์หนึ่งตัวอยู่บนตักและพายเริ่มเล่นเพลงที่ผมไม่เคยฟัง พอพายเล่นจบ ผมมั่นใจในทันทีว่าดอกไม้ในใจของผมเบ่งบานจนดอกกุหลาบสำหรับพายในวันนี้เฉาไปเลยพายบอกว่ามันชื่อเพลง คนรัก ที่พายเพิ่งเขียนเสร็จและมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่จะได้ฟัง ก็คือ คนรักของพาย

    ผมยิ้มและบอกกับตัวเองว่าคงต้องยอมรับว่าผมคงไม่ใช่คนสนิทของพายอีกต่อไปแล้ว






    โลกเมื่อเลิกรัก

    21 มกราคม พ.ศ. 2560

    ช่วงสองสามวันมานี้เป็นวันแสนจะหัวหมุนของฉันมากฉันพยายามคิดหาไอเดียดีๆสำหรับแต่งเพลงใหม่ที่ต้องทำให้เสร็จก่อนวันกำหนดส่งพรุ่งนี้ถ้าทำไม่ทันมีหวังเทอมนี้ F ลอยมาแน่ๆ นี่แค่เรื่องงานก็หัวจะระเบิดอยู่แล้ว ยังมีเรื่องไม่เป็นเรื่องมากวนใจฉันอีก

     เมื่อวาน หนึ่ง โทรมาชวนฉันไปเดตกันในวันนี้เพราะถือเป็นวันครบรอบ 2 ปีที่ฉันได้รู้จักกันจริงๆวันนี้ฉันคิดว่ามันไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้นเพราะมันก็แค่วันที่เราพบกันครั้งแรก ไม่ใช่วันครบรอบของเราสักหน่อยแต่ฉันก็รู้ดีว่าคนอย่างหนึ่ง ต้องทำให้วันนี้ดูมีอะไรขึ้นมาให้ได้

    จะว่าไปแล้วถ้าย้อนนึกถึงวันแรกที่เราพบกันฉันรู้สึกหงุดหงิดมากๆเมื่อรู้ตัวว่ามีสายตาคู่นั้นแอบจ้องมองมาที่ฉันบ่อยๆตอนแรกฉันก็กะจะมองจ้องคืนให้ผู้ชายที่มองมานั้นเสียสมาธิกับหนังสือตรงหน้าเขาบ้างแต่พอมองไปมองมา ไอเดียแต่งเพลงดีๆก็โผล่ขึ้นมาในหัวเฉยจำได้เลยว่าวันนั้นต้องขอบคุณหนึ่งจริงๆที่มีสายตาของเขามาจับจ้อง จนทำให้เพลง“แอบมอง” ของฉันสำเร็จมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

    แต่วันนี้นี่สิฉันไม่อยากไปเลยจริงๆ เขาจะโกรธฉันไหมนะ     

    21.30

    พายก้าวเท้าเข้าร้านอาหารที่หนึ่งเลือก เธอก้มมองนาฬิกาเลยเวลานัดไปตั้งชั่วโมงกว่า พายตัดสินใจมาตามนัดในที่สุดเธอชะเง้อมองหาใบหน้าที่คุ้นเคยในร้านอาหารที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนเสียงจอกแจกจอแจและกลิ่นอาหารหลากหลายชนิดทำให้พายปวดหัว ผ่านไปหลายนาทีในที่สุดพายก็เจอเขา หนึ่งนั่งอยู่มุมสุดของร้าน หันหลังให้เธอบนโต๊ะมีเทียนสีขาวที่แทบจะละลายจนหมดเล่ม อาหารหน้าตาน่ากินวางอยู่เต็มโต๊ะแต่มันกลับไม่พร่องลงสักนิด เธอรู้ว่าหนึ่งรอให้เธอมาถึงก่อนถึงจะทานพร้อมเธอ

    พายเดินเข้าไปหา หนึ่งเงยหน้าขึ้นมามองเธอพร้อมกับยิ้มให้บางๆเขายื่นช่อกุหลาบดอกใหญ่มาให้ แสงเทียนที่วูบไหวสะท้อนใบหน้าของหนึ่งพายมองเขาทั้งอยากจะเอ่ยคำขอบคุณและขอโทษแต่หนึ่งกลับไม่ได้มองมาทางเธอ เขาก้มหน้าจดจ่ออยู่กับอาหารตรงหน้าราวกับมันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต

    โกรธเหรอที่พายมาสาย ผ่านไปหลายวินาทีกว่าคำถามนั้นจะได้รับคำตอบ

    “…เปล่า วันครบรอบทั้งทีจะโกรธได้ไงหนึ่งตอบโดยไม่ได้หันมาสบตา ไม่มีการลอบมองกันเหมือนวันแรกวันนั้น

    พายเงียบ เธอเริ่มตักอาหารตรงหน้าที่หนึ่งสั่งมาให้เพราะรู้ใจเธอดีแต่ทำไมไม่รู้รสชาติอาหารวันนี้มันกลับขมและเย็นชืด


    29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

    วันนี้ฉันเอาเพลงที่แต่งเสร็จสดๆร้อนๆไปให้หนึ่งฟังเขายังคงทำหน้าที่เป็นผู้ฟังและผู้วิจารณ์ที่ดีของฉันเหมือนเดิมแต่เหมือนรอบนี้จะไม่ใช่แค่วิจารณ์น่ะสิ

    เขามาโวยวายหาเรื่องฉันว่าแต่งเหมือนกับคิดถึงแฟนเก่า! นี่มันก็ผ่านมาสองปีแล้วนะ เขาคิดว่าฉันเป็นคนยังไงกันถ้าวันนั้นฉันไม่แกล้งทำตัวเป็นแฟนกับหนึ่งเพื่อให้แฟนเก่าเลิกตามตื๊อฉันถ้าเราเจอกันและเริ่มทำความรู้จักกันด้วยสถานการณ์ที่มันดีกว่านี้ หนึ่งคงไม่ได้ต้องมาระแวงฉันกับเรื่องแบบนี้เราคงไม่ต้องมาทะเลาะกันเรื่องอะไรบ้าๆ แต่ครั้งนี้เขาเองก็งี่เง่าเกินไปหรือเปล่า

    รอบนี้ฉันไม่ขอโทษหรอกนะ

    ขอโทษ พายผิดเอง เธอรั้งข้อมือเขาไว้ไม่ให้เดินหนีไปน้ำตาเอ่อคลอเบ้า แต่อีกฝ่ายกลับนิ่งเงียบหนึ่งไม่แม้แต่จะหันมามองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างหลัง

              สามวันแล้วนะที่หนึ่งไม่ยอมคุยกับพายเลยพายขอโทษ

              แคร์ความรู้สึกหนึ่งบ้างนะ หนึ่งรู้ว่าการแต่งเพลงมันสำคัญกับพายแต่แต่งเพลงถึงแฟนเก่าเนี่ยนะ มันเกินไปหรือเปล่าหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

              ขอโทษ…”พายได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลรินอย่างควบคุมไม่อยู่ จนในที่สุดเขาก็ยอมหันมาเช็ดน้ำตาให้เธออย่างแผ่วเบาก่อนจะดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดที่คุ้นเคยกลิ่นบุหรี่จางๆ บนตัวหนึ่งทำให้พายซุกหน้าอยู่ในนั้นไม่ยอมปล่อย


    1 มีนาคม พ.ศ. 2560

    วันธรรมดาๆของฉันในวันนี้สิ้นสุดลงด้วยมื้อเย็นกับหนึ่ง

    เราไปทานอาหารกันที่ร้านอาหารไทยที่เคยมาด้วยกันตั้งแต่ตอนแรกๆที่รู้จักกันแต่วันนี้ตอนจะจ่ายตังค์ เขาบอกฉันว่าลืมเอากระเป๋าตังค์มาทั้งที่เขาเป็นคนชวนฉันออกมากินข้าว ฉันก็เลยต้องเป็นคนจ่ายไปก่อน ปกติแล้วเวลาไปกินข้าวเราจะหารกันแต่ก็มีหลายครั้งที่ฉันออกก่อนบ่อยๆและหลายครั้งเขาก็ลืมคืนเงินหรือไม่ได้พูดถึงมันเลย จริงๆมันคงไม่ใช่ปัญหาอะไรแต่บางครั้งฉันก็ไม่ได้มีเงินมากพอที่จะเลี้ยงเขานะแล้วพอฉันไม่มีเงินฉันก็ไม่กล้าที่จะยืมเขาด้วยน่ะสิ  

              “เฮ้ยซวยแล้วหนึ่งลืมกระเป๋าตังค์ไว้ในรถ เขาตบตามกระเป๋ากางเกงลนลาน

              อ้าวเหรอ ไม่เป็นไรหรอกหนึ่ง เดี๋ยวพายออกให้ก่อนนะ” หญิงสาวยิ้มก่อนจะหยิบเงินในกระเป๋าตัวเองออกมา

              ไม่ได้หรอก หนึ่งรีบวิ่งไปเอาในรถให้ดีกว่า”

              “บ้าไม่ต้อง พายไม่คิดอะไร เอาของพายออกก่อนนี่แหละเธอยืนกรานก่อนจะบอกให้ชายหนุ่มนั่งลง

              ขอบใจนะพายที่ไม่คิดมาก เดี๋ยวหนึ่งรีบคืนให้นะ พายใจดีแบบนี้หนึ่งโชคดีที่สุดเลย” ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้าง เขาลูบหัวคนตรงข้ามอย่างเอ็นดูพายหัวเราะเบาๆ มองไปยังอาหารแพงๆ บนโต๊ะอาหาร ซ่อนความรู้สึกเคลือบแคลงบางอย่างไว้ในใจได้อย่างแนบเนียน


    4 มีนาคม พ.ศ.2560

    ช่วงนี้เป็นช่วงใกล้สอบ

    เราจึงมีงานล้านแปดถาโถมเข้ามาเยอะมากฉันไปนั่งทำงานที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยกับหนึ่งฉันเห็นเขางุ่นอยู่กับงานเขียนอย่างเอาเป็นตาย ฉันจึงไม่ได้ชวนเขาคุยมากนักเพราะงานตรงหน้าฉันมันก็ชวนปวดหัวพอๆกัน แม้ว่าเราจะนั่งอยู่ด้วยกันแต่เหมือนว่าต่างคนต่างอยู่ในโลกของตัวเองฉันนั่งมองคนอื่นๆที่นั่งอยู่รอบๆอย่างสนใจ เผื่อจะเกิดจุดประกายอะไรบางอย่าง

    จนพึ่งรู้ตัวว่าหนึ่งเรียกฉันเพื่อจะชวนไปเดินเล่นผ่อนคลายกัน เขาชักสีหน้าไม่พอใจแล้วบ่นให้ฉันว่าฉันหมกมุ่นกับงานของตัวเองมากเกินไป

    ฉันทำอะไรผิดเนี่ยทีตัวเองนั่งทำงานฉันยังไม่ไปรบกวนเลย 


    12 มีนาคม พ.ศ. 2560

    หลังจากที่หนึ่งฟังเพลงแฟนเก่าที่ฉันแต่งในวันนั้น

    ฉันก็ไม่อยากเอางานที่แก้ไปให้เขาฟังอีกเดี๋ยวจะมีเรื่องกันเปล่าๆ ฉันเลยเอาเพลงที่แก้นี้ไปให้ยัยฟาง เพื่อนสนิทของฉันแต่จู่ๆหนึ่งก็โทรมาหาบอกว่าอยากมานอนดูหนังเล่นกันที่ห้องของฉันจริงๆวันนี้ฉันไม่มีอารมณ์อยากจะมานอนชิลดูหนังอะไรเลย แต่เขาก็ดึงดันจะมาให้ได้พอเขามาก็เห็นฉันอยู่กับยัยฟางสีหน้าของเขาบ่งบอกเลยว่างอนอีกแล้วแน่ๆแล้วยิ่งพอเขารู้ว่ายัยฟางมาหาฉันเพื่อมาช่วยฟังเพลงที่ฉันแต่งเขาก็ยิ่งโวยวายบอกว่าฉันลืมเขา ฉันเปลี่ยนไป

    แต่ทำไมฉันรู้สึกว่าเขาต่างหากที่เปลี่ยนไป 


    20 มีนาคม พ.ศ. 2560

    ฉันใช้เวลาน่าเบื่อๆไปกับการขลุกตัวอยู่ในห้องของหนึ่ง

    เขาให้ฉันช่วยอ่านเรื่องสั้นเรื่องใหม่ที่เขาแต่งฉันรู้สึกอยากทำอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่สิ่งที่ทำอยู่นี้อยากออกไปหาอะไรใหม่ๆมาจุดไฟในการแต่งเพลงของฉันสักหน่อยจู่ๆฉันก็รู้สึกคิดถึงแก๊งเพื่อนสาวของฉัน ทั้งที่ปกติก็ไม่ได้คิดถึงพวกนางเท่าไหร่เจอกันทีที่มหาลัยก็พอแล้วแต่วันนี้ฉันกลับโทรไปนัดพวกน้องออกมาเดินเล่นกินข้าวกัน

    ดีนะที่ได้พวกนางทำให้วันนี้ชีวิตไม่เปื่อยๆไปทั้งหมด 


    10 เมษายน พ.ศ. 2560

    ฉันไม่ชอบตัวเองเลยตอนอยู่กับเขา

    ฉันรู้สึกว่าช่วงนี้เราสองคนไม่ค่อยสนิทกันฉันไม่ได้รู้สึกอยากเจอเขามากๆเหมือนเมื่อก่อน แม้ว่าตอนที่เราอยู่ด้วยกันมันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเราได้ใช้เวลาดีๆร่วมกันและรู้สึกว่าการอยู่กับเขามันเป็นอุปสรรคต่อการแต่งเพลงของฉันมากเพราะฉันต้องคิดเยอะไปหมดว่าฉันต้องทำตัวยังไง แสดงสีหน้า พูดจายังไงกับเขา

    เพื่อให้เขารู้สึกว่าเรายังคงเหมือนเดิม

              พายก้มหน้าแต่งเพลงในสมุดบันทึกเล่มโปรดและเงยหน้าขึ้นมามองหนึ่งที่กำลังจดจ่ออยู่กับสมุดของตัวเองเช่นกัน

              เขียนอะไรอยู่หนึ่ง ขอพายอ่านหน่อยสิ พายเอ่ยปากขึ้นทำลายความเงียบ

              ไม่ได้หรอก ความลับ หนึ่งหันหน้ามายิ้มให้ก่อนจะก้มหน้าลงเขียนต่อ

              อะไรกัน แต่ก่อนหนึ่งยังให้พายอ่านตลอดเลยนะเดี๋ยวนี้มีความลับกันแล้วเหรอ

              โธ่ โกรธหนึ่งเฉย เดี๋ยวให้อ่านก็ได้ครับหนึ่งพูดอย่างอ้อนๆแต่พายสัมผัสได้ถึงความแตกต่างบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม ดูสิแม้แต่ตอนนี้หนึ่งยังไม่คิดจะเงยหน้ามาง้อแบบจริงๆ จังๆ เลยพายวางสมุดแต่งเพลงลงบนโต๊ะอย่างหงุดหงิด อารมณ์ขุ่นมัวแบบนี้เธอแต่งเพลงรักไม่ลงหรอก


    19 เมษายน พ.ศ. 2560

    ฉันไปเที่ยวทะเลกับหนึ่ง

    วันนี้ถือเป็นวันดีๆของฉันอีกวันหนึ่งเพราะจากการที่ได้นั่งสัมผัสลมทะเล สูดรับกลิ่นไอความสดชื่น ท้องฟ้าสีครามเปิดโล่งทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย และแน่นอนว่าทำนอง ถ้อยคำเนื้อเพลงในหัวก็ผุดขึ้นมาราวกับคลื่นที่ซัดเข้ามากระทบชาดฝั่งอย่างไม่ขาดสาย

              หนึ่งกำลังมองเธออยู่ลมทะเลทำให้ผมของพายปลิวจนหัวยุ่ง พายพยายามจับผมมาทัดหูก่อนจะหันไปพูดกับหนึ่ง

              มองอะไร” เธอถาม

              มองพายไง แค่รู้สึกเหมือนไม่ได้เห็นพายผ่อนคลายแบบนี้มานานแล้ว” เขาคลี่ยิ้ม

              ไม่ใช่ว่าหนึ่งไม่ค่อยสนใจพายเองหรอกเหรอ”

              “หืมทำไมพูดแบบนั้นล่ะหนึ่งถาม แต่เธอเงียบ พายกลบเกลื่อนความเงียบด้วยการเอนตัวไปพิงกับร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ

              สวยมากเลยเนอะหนึ่ง ไว้วันหลังมากันอีกบ่อยๆ ไหม” เธอมองไปสุดขอบฟ้าพระอาทิตย์สีส้มกำลังตกลงสู่ทะเลช้าๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเสียงคลื่นที่ทำให้คำตอบของหนึ่งปลิวหายไปกับสายลมหรือเป็นเพราะเขาไม่ได้ตอบคำถามนั้นเลยกันแน่ พายกระชับมือเขาแน่นเก็บเกี่ยวความสุขทุกวินาทีราวกับกลัวว่ามันจะหลุดลอยไป


    1 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

    ฉันตั้งหน้าตั้งตาทุ่มเทเวลาทั้งวันไปกับการทำโปรเจคจบ

    จนตกเย็นฉันได้มาเปิดดูโทรศัพท์ก็พบว่ามีสายที่ไม่ได้รับจากหนึ่ง เพียงคนเดียวถึง 10 สายจนฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาอาจจะมีเรื่องอะไรร้ายแรงมากกว่าการที่จะโทรชวนฉันไปกินข้าวหรือบอกคิดถึงฉันจึงโทรกลับไปหาเขา

    แต่เสียงที่ได้ยินจากปลายสายกลับเป็นเสียงที่ปกติเรียบเฉยเรียบเฉยจนทำให้ฉันเกือบลืมหายใจตลอดสายที่คุยกัน

              ไม่มีอะไรแล้ว” น้ำเสียงปลายสายดูปกติเกินไปไม่เหมือนกับคนที่เพิ่งโทรรัวๆ มาสิบสายเลยสักนิด

              แล้วเมื่อกี้มีอะไรเหรอ พายขอโทษที่ไม่ได้รับนะ”หญิงสาวบอกอย่างรู้สึกผิด

              “ไม่มีอะไรหรอกพายไปทำงานต่อเถอะ น้ำเสียงของหนึ่งแข็งกระด้างชอบกลถึงแม้จะแค่นิดเดียว แต่พายก็สัมผัสได้

              “…โกรธเหรอ

              ไม่ได้โกรธครับ แต่ว่าไม่มีอะไรจริงๆ”

              มีอะไรก็บอกพายมาตรงๆ สิ อย่าเก็บมันไว้ บอกพายเถอะนะ หญิงสาวเว้าวอน เธอคงจะทนไม่ได้แล้วหากอีกฝ่ายเอาแต่เก็บงำเรื่องราวความรู้สึกต่างๆไว้กับตัวเองอยู่อย่างนี้

              มันไม่สำคัญแล้วล่ะ” หนึ่งตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบแล้วกดวางสายก่อนอีกฝ่ายจะได้มีโอกาสพูดอะไรกลับไป 


    5 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

    หลังจากวันนั้น...

    ที่ฉันไม่ได้รับโทรศัพท์จากหนึ่ง10 สาย เราก็ทะเลาะกันมาเรื่อยๆ หนึ่งเขาทำตัวเย็นชาใส่ฉันอย่างเห็นได้ชัดจนฉันได้รู้แล้วว่าทำนองเพลงรักของเรา มันไม่ใช่ทำนองเพลงที่น่าสนใจน่าตื่นเต้นอีกต่อไปแล้ว คงถึงเวลาที่เราต้องคืนตัวตนให้แก่กันและกันฉันไม่อยากทนกับความอึดอัดอย่างงี้ต่อไปอีกแล้ว

    วันนี้ฉันบอกกับตัวเองว่าหนึ่งจะไม่ใช่คนรักของพายอีกต่อไปแล้ว


    ที่เดิม.ซันชายน์คาเฟ่ ร้านกาแฟร้านแรกที่เธอกับเขาเจอกันกลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟยังลอยอบอวลเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ผู้คนยังคงเดินเข้ามาซื้อกาแฟเหมือนในวันนั้นเพียงแต่วันนี้พายกับหนึ่งนั่งโต๊ะเดียวกันและกาแฟสองแก้วตรงหน้าเย็นชืดเสียแล้ว

              ถ้าวันแรกที่พวกเขาเจอกันต่างฝ่ายต่างแอบลอบมองกัน วันนี้ก็เป็นวันที่ต่างฝ่ายต่างก็เบนหน้าหนี

              หนึ่งที่พายมาหาหนึ่งวันนี้คือ…” ร่างเล็กหลุบตาต่ำ เอ่ยคำพูดออกมาอย่างอึกอักก่อนจะเม้มปากแน่น

              พายยังรักเราไหมคำถามของหนึ่งทำให้หญิงสาวนิ่งไปเธอชะงักไปหลายนาทีก่อนจะตอบคำถามของชายหนุ่ม

              “…รัก พูดจบ พายก็ได้ยินเสียงถอนหายใจจากคนตรงข้าม

              แล้วที่พายมาวันนี้ไม่ได้จะมาบอกเลิกหนึ่งใช่ไหมเขาถามด้วยน้ำเสียงปกติ ราวกับว่ามันเป็นคำถามที่ธรรมดาที่สุดในโลก

              ไม่ใช่นะหนึ่ง พายไม่ได้อยากเลิก…”

              แต่หนึ่งว่าเราควรพอนะพายพายเงยหน้ามองหนึ่งอย่างไม่เชื่อ แต่เขาไม่ยอมสบตากับเธอแววตาคู่นั้นไม่ได้มีไว้เพื่อมองเธออีกต่อไปแล้ว

              เราเลิกกันเถอะ หนึ่งพูดมันออกมาหนึ่งพูดคำนั้นออกมาจริงๆ เขาลุกเดินออกจากโต๊ะ เดินห่างจากเธอไปเรื่อยๆ คำบอกเลิกที่เธอเตรียมมายังติดอยู่ในปากแต่อีกฝ่ายกลับพูดมันออกมาอย่างง่ายดาย

              เขาหายไปจากสายตาเธอแล้ว และเธอก็อยากให้เขาหายไปจากหัวใจของเธอด้วย

    ไม่มีน้ำตาแม้สักหยดจากตัวเธออาจจะเป็นเพราะพายเข้มแข็งกว่าที่ตัวเองคิด หรือไม่ก็เพราะกำลังจุกและชาเกินกว่าจะร้องไห้

              ไม่เป็นไรหรอกไม่มีเขา พายจะได้แต่งเพลงอย่างอิสระเหมือนเดิมไม่ต้องมาคอยคิดอะไรมากมาย เธอหลับตาลง พยายามคิดถึงจังหวะและท่วงทำนองของเพลงใหม่

    แต่ในหัวของเธอกลับไม่มีอะไร

    ไม่มีแม้แต่ตัวโน้ตสักตัว

    ไม่มีอะไรเลยนอกจากความว่างเปล่า

    หลุมของความรักเป็นทางเชื่อมโลกของเธอและฉัน

    หลุมนั้นอาจจะลึกลงไปอย่างไร้ทางตัน

    หรืออาจจะเป็นหลุมตื้นที่ทำให้เวียนวนอยู่ได้ณ ชั่วขณะ

    แต่โลกของเราก็ยังคงดำเนินต่อไป...โลกของฉันและโลกของเธอ





    ______________________________

    โดย

    กัลยรัตน์ ธันยดุล

    บุญฑริกา จิตพินิจกุล

    วรันพร ตียาภรณ์

    สิริโชค โกศัลวิตร

    .

                              **ลิขสิทธิ์ผลงานเป็นของผู้สร้างผลงาน ไม่อนุญาตให้ทำซ้ำหรือดัดแปลง** 

    ผลงานสืบเนื่องจากรายวิชา ศิลปะการเขียนร้อยแก้ว ปีการศึกษา 2561 

    #ตกหลุมรัก#ห้องเรียนเขียนเรื่อง

     

     

     

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in