เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Live alone with some books.iamny
The Last Policeman : นิยายสืบสวนในวัน(ใกล้จะ)สิ้นโลก
  • ขอแปะแค่ปกเล่มแรกนะคะ แปะเยอะๆแล้วกลัวมันช้า  
                         
                          เรื่องราวของ เฮนรี่ พาเลซ ผู้มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นตำรวจสืบสวนมาเนิ่นนาน และตอนนี้เขาก็ได้เป็นในสิ่งที่เขาอยากเป็นสมใจ แต่ดูจะผิดที่ผิดทางไปเสียหน่อย เพราะในวันที่เขาได้เป็นตำรวจนั้นคือวันที่โลกกำลังจะถึงจุดจบในไม่ช้า ผู้คนต่างหันหน้าหนีจากงาน ชีวิตอันปกติ ออกไปทำตามความฝัน ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ตนเองรัก หรือฆ่าตัวตายก็มี แม้ว่าโลกทั้งใบจะตกอยู่ในความสิ้นหวัง แต่สิ่งที่เฮนรี่ทำนั้นกลับตรงข้าม เขาตัดสินใจสืบคดีคดีหนึ่งที่ดูแล้วเป็นฆาตรกรรมอำพราง ถึงใครๆจะมองว่าสิ่งที่เขาทำนั้นเสียเวลาและเปล่าประโยชน์ โลกจะถึงจุดจบอยู่แล้ว สุดท้ายทุกคนก็ต้องตายหมดอยู่ดี จะเสียแรงออกตามสืบหาตัวฆาตรกรไปทำไม แต่เฮนรี่ไม่ได้สนใจคำพูดเหล่านั้นและเรื่องที่ว่าอุกบาตกำลังจะพุ่งชนโลก เขาเพียงแค่อยากมอบความยุติธรรมให้กับผู้ตาย และต้องการทำหน้าที่ในฐานะตำรวจให้ดีที่สุดก็เท่านั้น

                      บอกตามตรงว่าครั้งแรกที่เห็นหนังสือเล่มนี้ในร้านหนังสือ เราคิดว่ามันคือนิยายแนวไซไฟ ซึ่งไม่ถูกจริตเราเท่าไหร่ เลยปล่อยผ่าน จนกระทั่งฉบับแปลไทยออกมาจนถึงเล่มสุดท้าย จึงเริ่มสนใจ ไปหาอ่านเนื้อเรื่องย่อแล้วพบว่าอ่าว...มันไม่ใช่นิยายไซไฟนี่หว่า นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงนิยายสืบสวนสอบสวนธรรมดา แต่ดำเนินเรื่องโดยมีฉากหลังเป็นโลกที่กำลังจะถูกอุกบาตพุ่งชนในอีกไม่นาน เลยตัดสินใจซื้อเล่ม 1 มาอ่านชิมลางดู แต่รู้ตัวอีกทีก็อ่านมาจนถึงหน้าสุดท้ายของเล่มที่ 3 แล้ว.... ซึ่งเราจะพูดถึงทั้ง 3 เล่มในคราวเดียวเลยค่ะ

                       หลายคนอาจจะเคยตั้งคำถามว่าถ้ารู้ตัวว่าโลกจะแตก เราจะทำอะไรดี และสังคมของโลกที่กำลังจะแตกในไม้ช้านั้นจะเป็นเช่นไร หนังสือชุดนี้ให้คำตอบได้ดีมากค่ะ นับถือคนเขียนมากๆ ที่สามารถจำลองสถานการณ์ก่อนโลกจะถึงจุดจบได้อย่างสมจริง ไฟจะดับ หลายบริษัทปิดตัว ลัทธิศาสนาจะเข้ามามีอิทธิพลต่อจิตใจผู้คนมากขึ้น น้ำมันจะถูกสงวนไว้ใช้กับหน่วยงานใหญ่ๆ ผู้คนจะแย่งกันกักตุนสินค้าต่างๆ ออกจากงานตามหาความฝัน ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า แต่ก็มีคนบางประเภทที่ยังมีความหวังว่าทุกอย่างจะเป็นข่าวลวงและบางประเภทที่วิตกกังวลจนชิงฆ่าตัวตายก่อน และที่ร้ายไปกว่านั้นก็อาจจะมีคนที่ลงมือฆ่าคนที่ตัวเองเกลียดชัง และอื่นๆอีกมากมาย 
                        บรรยากาศของเรื่องค่อนข้างจะอึมครึมและเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง แต่อ่านสนุกมากๆ อ่านแล้ววางไม่ลงเลย ลุ้นตลอดทางว่าสรุปแล้วคดีนี้เป็นเพียงการฆ่าตัวตายธรรมดาหรือฆาตรกรรมอำพราง มีจุดหักมุมหลายจุดมากๆ โดนหลอกแล้วหลอกอีก ซึ่งเราคิดว่าความหักมุมหลายตลบนี่แหละคือความสนุกของนิยายชุดนี้ มีหลายเรื่องหลายประเด็นมากที่อ่านแล้วยังแทบจะไม่เชื่อ แต่ถึงจะมีจุดพีคจุดหักมุมเยอะก็ไม่ทำให้งงจนตามเรื่องไม่ทัน จริงๆแล้วรู้สึกว่าคดีต่างๆในแต่ละเล่มมันคือประเด็นรองแฮะ เพราะประเด็นหลักๆที่ผูกสามเล่มไว้ด้วยกันคือเรื่องที่ว่า 'การที่อุกบาตจะพุ่งชนโลกนั้น เป็นเรื่องจริงหรือข่าวลวงกันแน่'  ซึ่งเป็นคำถามทิ้งท้ายของเล่มที่ 1 ที่อยากทำให้อ่านเล่มต่อๆไปจนจบ นอกจากนี้เนื้อหายังเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆในแต่ละเล่มด้วย

                         เล่มแรกจะเกี่ยวกับคดีผูกคอตาย ที่เฮนรี่เชื่อว่าเป็นการฆาตรกรรม ต่อมาเล่มสองจะเกี่ยวกับคดีคนหาย ซึ่งเล่มที่สองปมปริศนาเกี่ยวกับอุกบาตและขบวนการกู้โลกของน้องสาวเฮนรี่จะยิ่งมากและซับซ้อนขึ้น มาพร้อมกับตัวละครใหม่ๆในขบวนการกู้โลก และเล่มสามยังคงเกี่ยวพันกับคดีคนหาย แต่คนหายคือนิโค น้องสาวของเฮนรี่เอง เป็นนิยายไตรภาคที่ใช้เวลาอ่านไม่นานเท่าไหร่ เพราะยิ่งอ่านยิ่งลุ้น ยิ่งอยากรู้ตอนต่อไป คนเขียนวางจังหวะที่ทำให้อยากอ่านเล่มต่อๆไปได้ดีมากๆ เรื่องราวมีหลากหลายอารมณ์มากๆ ทั้งสุข เศร้า สะเทือนใจ อยากเอาใจช่วยตัวเอก(กับตัวละครอื่นๆ) และระหว่างที่อ่าน เราก็ยังหวังลึกๆเช่นเดียวกับนิโคว่าเรื่องอุกบาตจะเป็นเพียงคำโกหกเพื่อแผนการบางอย่าง 

             หากใครที่ชอบนิยายสืบสวนอยู่แล้ว 
    ก็อยากจะแนะนำให้ลองอ่านนิยายสืบสวนที่มีกิมมิคไม่ธรรมดาชุดนี้ดูค่ะ :)




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in