เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ภูมิภาคชูบุ ประเทศญี่ปุ่นjapankuru
จ.ชิมาเนะ และ จ.ทตโทริ ภูมิภาคชูบุ
  • ว่ากันว่าหากต้องการสัมผัสกับจุดเริ่มต้นของญี่ปุ่นและประเพณีโบราณ ต้องไปที่ ย่านซันอิน โดยเฉพาะ “ซันอินชูบุ” ที่ทุกๆปีเทพเจ้าจะมารวมตัวกัน มีร่องรอยประวัติศาสตร์ของมนุษย์ และคนที่ต้องการขอพรเรื่องความรัก

    เที่ยวไปใน “ซันอินชูบุ” พบกับเทพเจ้า มนุษย์ ปีศาจ

    ซันอินชูบุ กินพื้นที่หลายพื้นที่ หลายจังหวัด ทั้ง โยนาโกะ (Yonago) ซาไกมินาโตะ (Sakaiminato) ในจังหวัดทตโทริ ยาสุกิ (Yasugi) มัตสึเนะ (Matsune) และอิซูโมะ (Izumo) จังหวัดชิมาเนะ นักท่องเที่ยวมาเที่ยวยังซันอินชูบุก็เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม สถานที่ท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์และความเชื่อของศาสนาชินโต ชีวิตประจำวันของผู้คน และโยไค (ภูตผีในตำนานของญี่ปุ่น) สถานที่ที่ทำให้คนสมหวังในความรัก และยังเต็มไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เช่น Yonago Castle Ruins, Matsue Castle และ Adachi Museum of Art และยังสามารถไปพบกับโลกของโยไค ในรูปแบบมังงะ Gegege no Kitaro ได้ที่ ถนน Mizuki Shigeru

    ช่วงเวลาพระอาทิตย์ตก แสงสุดท้ายได้ทอดตัวไปบนชายฝั่ง Saikaiminanato


    ศาลเจ้าอิซูโมะไทฉะ ขอพรเรื่องความรัก

    ศาลเจ้าอิซูโมะไทฉะ (Izumo Taisha Shrine) เป็นศาลเจ้าที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ว่ากันว่าในช่วงเดือน 10 ตามปฏิทินญี่ปุ่นของทุกปี (ประมาณเดือนพฤศจิกายน) เทพเจ้าแปดล้านองค์ของญี่ปุ่นจะมารวมตัวกันที่อิซุโมะไทฉะ ทำให้อิซุโมะได้รับฉายยาว่าเป็นดินแดนแห่งเทพเจ้า นอกจากนี้ยังโด่งดังเรื่องการขอให้สมหวังด้านความรัก บริเวณศาลเจ้าด้านหน้า ((拝殿, haiden) มีเชือกชิเมนาวะขนาดใหญ่ตั้งตระหง่าน จนเกือบปิดวิหารหลัก (本殿, honden) ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายศตวรรษ ถนนหลักด้านหน้าที่จะเข้าไปยังตัวศาลเจ้า มีลักษณะเป็นทางลาด ที่พบได้ยาก ทำให้เหมาะแก่การใส่ชุดกิโมโนเดินเล่นชมอาคารต่างๆ


    ศาลเจ้าอิซูโมะไทฉะ (Izumo Taisha Shrine, 出雲大社)
    195 Taishacho Kizukihigashi, Izumo, Shimane
    การเดินทาง: นั่งรถบัสจากสถานี Izumo-shi Station ไปลงที่ป้าย Seimon-mae (Izumo Taisha) 
    เวลาเปิดปิด: 8:30 - 17:00
    เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)


    Michikusa Cafe & Sweets: เซ็นไซ (ถั่วแดงร้อน) จากเมืองอิซุโมะ


    เนื่องจากเป็นศาลเจ้าที่โด่งดังเรื่องความรัก ทำให้รอบๆมีร้านขายของฝากของที่ระลึกเกี่ยวกับความรักมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ เซ็นไซ (ぜんざい) และ วาริโกะโซบะ (割り子そば) ซึ่งเราได้ลองชิมเซ็นไซจากร้านที่อยู่ใกล้กับทางไปศาลเจ้า เซ็นไซของอิซูโมะ เป็นถั่วแดงร้อนใส่โมจิย่าง กรอบนอก นุ่มใน และยังมีเซ็นไซรสชาเขียวที่เข้ากันได้ดีกับถั่วแดงและโมจิ


    แต่ถ้าหากว่าร่างกายยังต้องการของหวานเพิ่ม เวเฟอร์โมนากะรูปหัวใจจากร้าน Michikusa ที่เสริฟมาพร้อมกับไอศครีมและขนมหวานชิ้นเล็กๆ น่ารักจนไม่กล้ากินเลยหละ!

    Michikusa (みちくさ)
    859-3 Taishacho Kizukiminami, Izumo, Shimane
    เวลาเปิดปิด: 10:00 - 18:00
    เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)


    วาริโกโซบะ จากยุคเอโดะ ร้าน Haneya Kenjo

    ใกล้กับศาลเจ้ามีร้านขายวาริโกโซบะมากมาย แต่เราเลือกร้านต้นตำรับ ที่ทำเส้นโซบะเอง มาตั้งแต่ยุคเอโดะ (ปีค.ศ.1603-1868) ที่เรียกว่า “เคนโจโซบะ” หรือเครื่องบรรณาการโซบะ เนื่องจากประมาณร้อยปีก่อน จักรพรรดิไทโชได้เสด็จมายังเมืองอิซูโมะ และโซบะจากร้าน Haneya ก็ได้ขึ้นโต๊ะเสวยถวายแก่องค์จักรพรรดิ โดยพระองค์ได้ยกย่องว่า “เป็นโซบะที่มีกลิ่นหอมของชนบท” และได้ให้เรียกโซบะนี้ว่า เคนโจโซบะ

    วาริโกโซบะมีขายในเมืองอิซุโมะ ซึ่งวาริโกนั้นหมายถึงตัวกล่องที่ใช้เสริฟโซบะ โดยวิธีการกินนั้นเริ่มจากนำไปจุ่มกับซอสสึยุ (tsuyu, つゆ) และใส่ท๊อปปิ้งเพิ่มรสชาติที่หลากหลาย


    Haneya Kenjo Soba (献上そば羽根屋 本店)
    549 Imaichicho, Izumo, Shimane
    เวลาเปิดปิด: 11:00 - 15:00 / 17:00 - 19:30 (หรือจนกว่าของจะหมด)
    เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)


    ฮิโนมิซากิ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งพระอาทิตย์ตกดิน

    ในเดือนเมษายน ปี 2017 ฮิโนมิซากิได้รับการเสนอชื่อเป็นมรดกของญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ ได้รับการขนานนามว่า “สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งพระอาทิตย์ตก” (日が沈む聖地出雲) ทำให้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมักมารอชมพระอาทิตย์ที่ค่อยๆหายลงไปในทะเลทุกเย็น



    หนึ่งในสถานที่สำคัญของฮิโนมิซากิก็คือ ประภาคารฮิโนมิซากิ ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1903 และเป็นประภาคารที่สูงที่สุดในเอเชีย โดยมีความสูงเกือบ 44 เมตร สำหรับคู่รักที่เพิ่งคบกันใหม่ๆ การได้เดินจูงมือกัน ชมพระอาทิตย์ตกดินจากประภาคาร ว่ากันว่าจะนำโชคดีมาให้
    ที่มารูปภาพ: Izumo Kankou Association

    ใกล้ๆกันมีศาลเจ้าฮิโนมิซากิ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ศาลเจ้าฮิชิซุมิโนมิยะ (Hishizuminomiya) แปลได้คร่าวๆว่า ศาลเจ้าพระอาทิตย์ตกดิน เป็นเพราะศาลเจ้าฮิโนมิซากิ ได้รับการกล่าวขานว่าปกป้องดวงอาทิตย์ตกและยามค่ำคืนของญี่ปุ่น ในขณะที่ศาลเจ้าใหญ่แห่งเมืองอิเสะ จังหวัดมิเอะ ปกป้องญี่ปุ่นในตอนกลางวัน ส่วนฮิโนมิซากินั้นปกป้องในตอนกลางคืน

    ประภาคาร Izumo Hinomisaki Lighthouse (出雲日御碕灯台)
    1478 Taishacho Hinomisaki, Izumo, Shimane
    การเดินทาง: จากศาลเจ้าอิซุโมะ ขึ้นรถบัสไปยังป้าย Uryuwakare
    เวลาเปิดปิด: 9:00 - 16:30 (วันสุดสัปดาห์และวันหยุดในเดือนมีนาคม - กันยายน เปิดถึง 17:00)

    Hinomisaki Shrine (日御碕神社)
    455 Taishacho Hinomisaki, Izumo, Shimane


    ความสวยงาม ประวัติศาสตร์ และศิลปะในโลกของผู้คน

    ปราสาทมัตสึเอะ การปกครองดินแดนแห่งความรัก

    ปราสาทมัตสึเอะเป็นหนึ่งในปราสาท 12 แห่งทั่วญี่ปุ่นที่ได้รับการอนุรักษ์มานานหลายศตวรรษ ปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่นได้ถูกทำลาย และได้สร้างขึ้นใหม่หลายครั้ง ปราสาทมัตสึเอะ ปราสาทฮิโกเนะ และปราสาทฮิเมจิ เป็นสมบัติของชาติญี่ปุ่น ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีมาตั้งแต่สมัยเอโดะหรือก่อนหน้านั้น (ยุคทองของปราสาทญี่ปุ่น)
     
    ในเขตแดนของปราสาทมัตสึเอะมีชื่อเสียงในเรื่องของเทพเจ้าด้านความรัก (ในอิซุโมะ) และสมบัติประจำชาติชิ้นนี้ก็มีก็มีชื่อเสียงในเรื่องของหัวใจที่ซ่อนอยู่ทั่วปราสาท

    กำแพงหินอันสวยงามของปราสาทมัตสึเอะ ในบรรดาหินในสมัยเซ็นโกคุที่ยังคงหลงเหลืออยู่ มีหินรูปหัวใจก้อนหนึ่ง ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชน ซึ่งสามารถหามันได้ในขณะที่เดินเข้าไปในปราสาท จริงๆแล้วที่ซ่อนตัวของหินรูปหัวใจมีบอกไว้อยู่ตามอินเตอร์เน็ต แต่มันจะสนุกมากกว่าถ้าหาเจอได้ด้วยตัวเอง!


    ที่นี่มีหัวใจซ่อนอยู่ตามส่วนต่างๆของปราสาท แม้กระทั่งในลายไม้ เนื่องจากในปราสาทนั้นค่อนข้างมืด ทำให้มองหาได้ยากเล็กน้อย แต่ลองตามรอยของเราไปดูนะ เข้าไปทางชั้นใต้ดินของตัวปราสาท ขึ้นบันไดสองชั้น และมองหารูปปั้นของ มัตสึไดระ โนอะมาสะ ขุนนางศักดินาคนแรกของตระกูลมัตสึไดระ ฝั่งตรงข้ามกับรูปปั้นจะมีเสาไม้ ที่มีรูปหัวใจอยู่ แต่ถ้าหาไม่เจอ ลองถามประชาสัมพันธ์ของปราสาท ก็จะได้แผ่นพับที่ระบุไว้ว่าภายในปราสาทมีหัวใจอยู่ตรงไหนบ้าง

    ปราสาทมัตสึเอะ (Matsue Castle, 松江城)
    1-5 Tonomachi, Matsue, Shimane
    การเดินทาง: จากสถานี Matsue นั่งรถบัสไปลงยังป้าย Kencho-mae 
    เวลาทำการของปราสาท:
      เมษายน - กันยายน 8:30 - 18:30 (เข้าได้ถึงเวลา 18:00)
      ตุลาคม - มีนาคม 8:30 -17:00 (เข้าได้ถึงเวลา 16:30)
    เวลาทำการของพื้นที่ด้านนอก:
      เมษายน - กันยายน 7:00 - 19:30
      ตุลาคม - มีนาคม 8:30 - 17:00
    ว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)


    สวนยูชิเอ็น: ไฟประดับ, ความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสียามค่ำคืน และดอกโบตั๋น

    สวนยูชิเอ็น (Yuushien Garden) มีพื้นที่กว่า 40,000 ตารางเมตร มีสระน้ำ และพื้นที่ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากภูมิทัศน์ของอิซุโมะ ในฤดูใบไม้ผลิจะมีดอกโบตั๋นลอยน้ำ และใบไม้หลากสีในฤดูใบไม้ร่วง โดยเฉพาะในตอนกลางคืน ที่มีการประดับไฟอย่างสวยงาม "Garden of Light" (光の庭園)


    แสงจากไฟที่ช่วยเติมสีสันให้กับสวนอันสวยงามแห่งนี้ เกิดจากการลองผิดลองถูกมากมายของเจ้าหน้าที่ของสวนและนักออกแบบ 


    สามารถนั่งจิบชา รับประทานอาหารในคาเฟ่ พร้อมกับชมการแสดงแสงสีสไตล์ญี่ปุ่น มองออกไปนอกหน้าต่าง ชมภาพของสวนที่แต่งแต้มด้วยแสงไฟ เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าจริงๆ 

    ในช่วงฤดูใบไม่ร่วงและฤดูหนาว ช่วงงานประดับไฟ (illumination) มีบริการรถ shuttle bus รับส่งระหว่างสถานี Matsue และสวนยูชิเอ็น


    สวนยูชิเอ็น (Yuushien Garden, 由志園)
    1260-2 Yatsukacho Hanyu, Matsue, Shimane
    การเดินทาง: นั่งรถ Shuttle bus จากสถานี Matsue  (25 นาที) หรือ สถานี Sakaiminato  (16 นาที)
    เวลาเปิดปิด: 9:00 - 17:00 (ตรวจสอบช่วงเวลาปิดในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่นี่
    ว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ)


    Minami Garden Teahouse: ข้าวหน้าปลาไท

    เมื่อพูดถึงอาหารขึ้นชื่อของมัตสึเอะ ต้องนึกถึง ไทเมชิ (鯛めし) หรือข้าวหน้าปลาไท (ปลากะพงญี่ปุ่น) เมื่อมาเที่ยวเมืองเก่าแบบนี้ เราแนะนำให้ไปลองร้านอาหารเก่าแก่ อย่างเช่น Minami Garden Teahouse ที่บริหารงานโดยโรงแรมเรียวกังท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงยาวนาน และยังเป็นที่ที่มีปลาไทอร่อยๆ และสวนญี่ปุ่นให้ชมระหว่างรับประทานอาหารอีกด้วย


    หากพูดถึง "ไทเมชิ" ก็ต้องนึกถึงข้าวที่ใส่ปลาหุงไปด้วยกัน แต่ข้าวหน้าปลาไทที่ Minami รับประทานเหมือนกับ โอฉะสึเกะ โดยวางปลาบนข้าว ท๊อปปิ้งอื่น และราดน้ำซุปลงไป ทั้งปลากะพงปรุงรสหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ไข่ขาวสับ ไข่แดงนุ่มๆ วาซาบิ ไชเท้าขูด ต้นหอม และสาหร่าย เคล็ดลับความอร่อยของเมนูนี้คือ น้ำซุป ที่ใช้น้ำสต๊อกจากปลาคัตสีโอะ และโชยุจากมัตสึเอะ ถ้วยชามใบเล็กๆที่ถูกจัดเรียงอย่างปราณีต ราวกับเป็นของหวานนี้ เป็นภาพที่หลายคนนิยมอัพลงโซเชียลมีเดีย

    Minami Garden Teahouse (庭園茶寮 みな美)
    14 Suetsuhuhonmachi, Matsue, Shimane
    การเดินทาง: จากสถานี Matsue นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Ohashikitazume
    เวลาเปิดปิด: 
      วันธรรมดา: 11:30 - 15:00
      วันหยุดและวันเสาร์อาทตย์: 11:30 - 15:00 / 17:30 - 21:00
    ว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)


    Tamatsukuri Onsen: ออนเซ็นเทพเจ้า ออนเซ็นเพื่อความงาม และออนเซ็นกลางแจ้งขนาดมหึมา

    ในยุคนารา (ปีค.ศ.710 - 794) ออนเซ็นแห่งนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ ออนเซ็นแห่งเทพเจ้า เมื่อขุนนางศักดินาจากตระกูลมัตสึไดระเข้ามาพักฟื้นในสมัยเอโดะ ออนเซ็นจึงได้รับการตั้งชื่อว่า "ยูโนะสุเกะ" ( 湯之介) และมีการจัดการขึ้นตามมา ชื่อสามัญของ ทามะสึคุริ Tamatsukuri (玉造) มีความแปลกเล็กน้อย และมีความหมายว่า "การทำหินมีค่า" ซึ่งจริงๆแล้วมันมาจากประวัติศาสตร์ของภูมิภาคในการขุดและการประดิษฐ์ด้วยหินโมราจากภูเขาคะเซ็นซัง มีการกล่าวกันว่าอัญมณีชื่อดัง "ยาซาคานิ โนะ มากาทามะ" (八尺瓊勾玉) ที่เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องราชกกุธภัณฑ์แห่งจักรวรรดิญี่ปุ่น (หนึ่งในสามสมบัติศักดิ์สิทธิ์)นั้น ถูกสร้างขึ้นที่ทามัตสึคุริออนเซ็น


    ออนเซ็นยังมีชื่อเสียงในเรื่อง "บิจินโนะยุ" (美人の湯) ซึ่งกล่าวกันว่า มีคุณสมบัติให้ผิวสวย และบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของห้องอาบน้ำกลางแจ้งแบบผสมผสานที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น "Ryugu no Yu" (龍宮の湯) เป็นออนเซ็นกลางแจ้งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา และได้รับการยอมรับว่าเป็นห้องอาบน้ำรวมกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นในรอบสิบปีที่ผ่านมา หากคุณกังวลเรื่องการอาบน้ำรวม ที่นี่ก็มีชุดว่ายน้ำให้ใส่ในขณะที่แช่น้ำ (สำหรับผู้ที่เข้าพักเท่านั้น)

    Chorakuen Ryokan & Onsen (湯之助の宿 長楽園)
    323 Tamayucho Tamatsukuri, Matsue, Shimane
    การเดินทาง: จากสถานี Tamatsukuri Onsen นั่งรถ shuttle bus Chorakuen
    เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) 


    Adachi Museum of Art: สวนที่เป็นหนึ่งเดียวกันกับภูเขา

    เราได้แนะนำสวนยูชิเอ็น และ garden teahouse ไปแล้ว แต่ยังมีสวนที่น่าไปอีกแห่ง ยิ่งถ้าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบสวนญี่ปุ่นแล้วพลาดไม่ได้ เพราะที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นสวนหินแบบดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงในระดับสากล (枯山水庭 "The Dry Landscape Garden") แต่ยังมีภูเขาอันงดงามเป็นฉากหลังทำให้ทิวทัศน์นั้นเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ และเป็นเวลา 18 ปีติดต่อกันที่สวนที่ Adachi Museum of Art ได้รับการจัดอันดับให้เป็นสวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่องในสื่อต่างๆ เช่น "Sukiya Living Magazine: The Journal of Japanese Gardening" ของอเมริกา และในแต่ละปีมีผู้คนเข้าเยี่ยมชมมากกว่า 600,000 คน


    คุณ Zenko Adachi นักธุรกิจในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ที่ประสบความสำเร็จ ได้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ศิลปะ Adachi Museum of Art ก่อนเสียชีวิตลง เพื่อแสดงความขอบคุณต่อบ้านเกิด แม้ว่าพิพิธภัณฑ์จะเน้นไปที่ภาพวาด "Nihonga" ของญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผลงานของศิลปิน Yokoyama Taikan แต่สวนก็เป็นจุดเด่นที่สำคัญเช่นกัน Zenko Adachi สร้างสวนญี่ปุ่นด้วยความหวังว่า ผู้มาเยือนหลังจากได้สัมผัสกับความงามตามธรรมชาติของฤดูกาลทั้งสี่ ระหว่างทางเข้าไปในอาคารแล้ว จะสามารถเข้าใจความงามของภาพวาดได้ลึกซึ้งขึ้น


    ด้วยความเชื่อว่า สวนเป็นผลงานศิลปะอีกชิ้นหนึ่ง Adachi จึงจัดให้พิพิธภัณฑ์มีการจัดวางที่ไม่เหมือนใคร และเพิ่มวิธีที่จะสามารถเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ของสวน ท่ามกลางภาพวาดเมื่อฤดูกาลเปลี่ยนไป หน้าต่างเปิดออกสู่มุมมองที่เฉพาะ เผยให้เห็นวิวด้านนอก และได้ชื่อว่า "Natural Framed Picture" ("生の額絵") ทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ผู้เข้าชมสามารถชม "famous pieces" ตามสภาพอากาศงและฤดูกาลที่เปลี่ยนไป


    Adachi Museum of Art (足立美術館)
    320 Furukawacho, Yasugi, Shimane 
    เวลาเปิดปิด:
      เมษายน - กันยายน 9:00 - 17:30
      ตุลาคม - มีนาคม 9:00 - 17:00
    การเดินทาง: นั่งรถ shuttle bus ที่ให้บริการฟรี จากสถานี Yasugi 
    เว็บไซต์


    ซากปราสาทโยนาโกะ: กำแพงหินที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวิวของเมืองและทะเลแบบพาโนรามา

    สิบปีหลังจากผู้บัญชาการทหารในยุคเซ็นโกคุ คิกกาวะ ฮิโรอิเอะ สร้างหอสังเกตการณ์สี่ชั้นในปี 1591 นากามูระ คาซึทาดะ ก็ได้เดินทางมาถึงในปี 1601 จากจังหวัดซุรุกะเก่า เพื่อปกครองจังหวัดโฮกิ (ทตโทริทางตะวันตกในปัจจุบัน) จากที่นั่งใหม่ของเขาในโยนาโกะ มีการสร้างหอคอยปราสาทห้าชั้น: ปราสาทโยนาโกะแห่งซันอินที่มีชื่อเสียง ตอนนี้เหลือเพียงกำแพงหินของปราสาท แต่โครงสร้างหินที่ยังคงความสวยงาม น่าประทับใจ และทิวทัศน์ที่งดงามเหล่านี้ ทำให้บรรยากาศเหมาะสำหรับการถ่ายภาพ


    ใช้เวลา 20 นาที ในการปีนขึ้นไปบนเส้นทางภูเขาและขั้นบันไดหิน คุณจะพบว่าตัวเองอยู่ที่จุดสูงสุด ที่ 90 เมตร เมื่อมองออกไป จะเห็น ถนนในเมืองของโยนาโกะ และมหาสมุทรที่อยู่ไกลออกไปทางตอนเหนือ ทางทิศตะวันตกเป็นทะเลสาบสีฟ้าโคบอลต์ของ Nakaumi และทิวทัศน์ของเขาไดเซ็น ทางทิศตะวันออก เป็นภาพพาโนรามาที่สมบูรณ์แบบโดยไม่มีอะไรมากั้น!

    Yonago Castle Ruins (米子城跡)
    Kumecho, Yonago, Tottori 
    การเดินทาง: จากสถานี Yonago นั่ง Yonago Loop Bus ไปลงยังป้าย Minatoyama Koen หรือเดิน 15 นาที
    ว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)


    Tottori Hanakairo Flower Park: ภูเขาไดเซ็น และทุ่งดอกไม้ที่สวนดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

    เมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นมีกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ไม่ควรพลาดนั่นคือ ฮานามิ (花見) หรือการชมดอกไม้! Tottori Hanakairo Flower Park เป็นสวนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมดอกไม้ใหม่ ๆ ในแต่ละฤดูกาล และสวนจะประดับไฟในทุกคืนในฤดูร้อนและฤดูหนาวด้วยการจัดงานแสดงแสงสี โดยทั้งหมดล้อมรอบด้วยภูเขาไดเซ็นอันสวยงาม

    Tottori Hanakairo Flower Park (とっとり花回廊)
    110 Tsuruda, Nambu, Saihaku District, Tottori
    เวลาเปิดปิด:
      เมษายน - พฤศจิกายน 9:00 - 17:00 (หยุดวันอังคาร ในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม)
      ธันวาคม - มกราคม 13:00 - 21:00 (หยุดวันอังคาร)
      กุมภาพันธ์ - มีนาคม 9:00 - 16:30 (หยุดวันอังคาร)
    เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ)


    ยินดีต้อนรับสู่ดินแดนแห่งโยไค: สัตว์ประหลาด วิญญาณ และตำนาน!

    Mizuki Shigeru Road: ถนนอสูรน้อยคิทาโร่ ตอนกลางวันและตอนกลางคืน

    ถนนที่ทอดยาวระหว่างสถานี Sakaiminato และพิพิธภัณฑ์ Mizuki Shigeru เรียกว่า "Mizuki Shigeru Road" ซึ่งตั้งชื่อตาม Shigeru Mizuki นักเขียนมังงะคลาสสิกที่มีชื่อเสียง และบริเวณทางเท้ามีรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ 177 ตัวของตัวละครโยไค จากมังงะยอดนิยม Gegege no Kitaro (อสูรน้อยคิทาโร่) โดยตลอดระยะทาง 800 เมตรคุณจะพบกับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์หลายแห่ง เช่น ศาลเจ้าโยไค บ่อน้ำกัปปะ ไฟถนนที่จำลองตามตัวละคร เมดามะโอยาจิ และร้านค้าที่ขายสินค้าคิทาโร่ เป็นถนนเล็ก ๆ ที่ดูลึกลับ แต่คุณจะรัวชัตเตอร์ไม่หยุดแน่นอน

    ©Mizuki Productions

    ศาลเจ้าโยไคไม่ได้เป็นศาลเจ้าชินโตจริงๆ เพราะในขณะที่คุณล้างมือแทนที่จะเป็นน้ำพุแบบศาลเจ้าปกติ แต่จะเห็นลูกตาหินขนาดใหญ่ที่หมุนได้อย่างน่าขนลุก และมีโอมิคุจิ (เซียมซี) แบบพิเศษ ที่อาจทำให้คุณหลอนได้


    ©Mizuki Productions

    สำหรับของฝาก เราขอแนะนำ Yoka Medama-Oyaji ซึ่งอาจต้องใช้ความกล้าเป็นพิเศษในการรับประทานมันจูชิ้นแรก เนื่องจากขนมเหล่านี้มีรูปร่างเหมือนกับ เมดามะโอยาจิ พ่อของคิทาโร่ ซึ่งเป็นลูกตาที่น่ากลัวเล็กน้อย! แต่จริงๆแล้วขนมเหล่านี้ทำโดยร้านขายวากาชิ (ขนมญี่ปุ่น) ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในซันอิน จึงมีรสชาติหวานเหมาะกับการรับประทานคู่กับชาเขียว

    ©Mizuki Productions

    ยามค่ำคืนในดินแดนโยไค ในเรื่อง อสูรน้อยคิทาโร่ (Gegege no Kitaro) พวกเขาชอบร้องเพลงที่มีเนื้อหาว่า“ ตอนกลางคืนเรามีทุ่งนาในสุสาน” และถนน Mizuki Shigeru ก็เปลี่ยนไปทุกคืน เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ปาร์ตี้โยไกเริ่มต้นขึ้นบนเส้นทางที่น่าขนลุกนี้ เนื่องจากการแสดงแสงไฟส่องสว่างในยามค่ำคืน และการทำ projection mapping ทำให้สัตว์ประหลาดมีชีวิตขึ้นมา ในตอนกลางวันว่าสนุกแล้ว กลางคืนนั้นสนุกยิ่งกว่า!

    ©Mizuki Productions

    Mizuki Shigeru Road (水木しげるロード)
    Taishomachi/Matsugaecho/Honmachi Area, Sakaiminato, Tottori
    การเดินทาง: หน้าสถานี Sakaiminato
    เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ)


    ตลาดปลา Tairyo Fish Market Nakaura: ชิมปูหิมะ และเพลินเพลินกับคิทาโร่กันต่อ

    สิ่งที่ต้องทำเมื่อมาที่ซันอินก็คือ การลองชิมปูหิมะ หรือ ปูมัตสึบะ (松葉ガニ) ที่ตลาดปลา Tairyo Nakaura มีรูปปั้นคิทาโร่ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้า คุณจะได้พบกับอาหารทะเลที่จับได้ในทะเลญี่ปุ่น อาหารทะเลแห้ง ปลาสดๆ รวมถึงปูหิมะด้วย

    ©Mizuki Productions

    มีร้านอาหารตั้งอยู่ในตลาดปลามากมาย เพื่อให้เราได้ชิมกับอาหารทะเลท้องถิ่น เรารอทานปูมัตสึบะอย่างใจจดใจจ่อที่ร้าน Yumigahama ซึ่งพวกเขาแนะนำให้เราสั่ง "คานิโทโระด้ง" (カニトロ丼) แบบพิเศษของพวกเขา เป็นข้าวหน้าปู มาพร้อมกับสาหร่าย วาซาบิ ไข่ดิบ และโชยุ เมื่อผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ทุกคำที่กัดจะดึงความหวานของเนื้อปู และกลิ่นหอมออกมา แต่ถ้าหากคุณไม่ค่อยหิวเท่าไร แต่ก็ยังอยากลองชิมปูมัตสึบะ ขนมจีบปูก็อร่อยไม่แพ้กัน

    ตลาดปลา Tairyo Fish Market Nakaura (大漁市場なかうら)
    209 Takenouchidanchi, Sakaiminato, Tottori
    การเดินทาง: จาก สถานี Sakaiminato Station, นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Mihochoiriguchi
    เวลาเปิดปิด: 8:15 - 16:30
    เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)

    Yumigahama (御食事処 弓ヶ浜)
    เวลาเปิดปิด: 11:00 - 15:30


    ไปที่ไหนก่อนดี?

    พลังของเทพเจ้า? ประวัติศาสตร์และความงามของมนุษย์? หรือความสนุกสนานและลึกลับของโยไค? ถ้าคิดไม่ออกก็ไปทุกที่เลย! เราจะรู้สึกว่าได้รับพลังเล็กๆจากความแข็งแกร่งของเทพเจ้าชินโต ได้ไปเที่ยวชมงานศิลปะ และชิมอาหารแสนอร่อยของซันอิน และปล่อยให้สัตว์ประหลาดที่ซ่อนตัวอยู่ในจินตนาการของเราออกมาเดินเล่น! เราเดินทางผ่านอาณาจักรต่างๆมาหลายแห่งーแล้วการเดินทางของคุณจะเริ่มต้นที่ไหนดีล่ะ?


    คัดลอกบทความจากเว็บไซต์ Japankuru https://www.japankuru.com/ta/tour/e3253.html 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in